บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

คำพิพากษาของฉันถูกเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว

เพิ่งนั่งขึ้นรถของศาลได้ไม่ทันไร ก็ถูกใครบางคนกระชากลงมาจากรถอย่างแรง

“คนเลวอย่างแกไม่คู่ควรจะได้นั่งรถ ควรจะคลานไปขึ้นศาลเพื่อรับโทษตายด้วยซ้ำ!”

ยังไม่ทันตั้งตัว ใครบางคนก็ฟาดหน้าฉันด้วยฝ่ามืออย่างแรง

“ทำไมบนโลกถึงมีลูกที่เนรคุณแบบแก พ่อแม่แกเกิดมาเจอแกนี่ซวยจริง ๆ!”

ฉันโดนตบจนล้มลงกับพื้นอย่างแรง

ตำรวจรีบวิ่งเข้ามาแยกฝูงชนออกจากฉันทันที

ฉันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองเห็นกลุ่มคนที่ล้อมพวกเราไว้

มีทั้งชาวบ้านจากหมู่บ้านคำอินทร์ และคนแปลกหน้ามากมายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

เสียงตะโกนด่าทอดังสนั่นไปทั่ว

มีชายคนหนึ่งในชุดชาวบ้าน โยนไข่เน่ามาใส่หน้าฉัน

“เมื่อสองปีก่อนลูกฉันเป็นไข้หนัก ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอขับรถพาไปโรงพยาบาลกลางดึก ป่านนี้ลูกฉันคงตายไปแล้ว!”

ไข่เน่ากลิ่นเหม็นไหลย้อยลงมาจากจมูก ทำเอาฉันแทบอาเจียน

หญิงอีกคนขว้างเศษผักเน่าใส่ฉันอย่างแรง

“ตอนลูกฉันไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ก็เป็นแม่เธอที่ฝ่าฝนหนักเอาเงินมาส่งถึงบ้าน”

ทันใดนั้น ผู้ใหญ่บ้านเดินออกมา ทุบไม้เท้าลงพื้น “ตึก ตึก” ดังชัดเจน

“ปีนั้นน้ำท่วมสะพานขาด หมู่บ้านตัดขาดกับตัวเมือง เป็นพ่อแม่ของเธอที่ยอมควักเงินสร้างสะพานใหม่ให้หมู่บ้าน!”

“แล้วลูกสาวอย่างแกกลับเฆี่ยนศพพ่อแม่ ให้วิญญาณเขาไม่มีวันได้ผุดได้เกิด!”

ฝูงชนที่มุงดูร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ

แต่สายตาที่มองมาที่ฉันนั้น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับอยากฉีกฉันเป็นชิ้น ๆ

ฉันยันตัวลุกขึ้น หลังตั้งตรง ไม่แม้แต่จะหลบสายตาใคร

“ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำผิด... พวกเขาไม่คู่ควรจะเป็นพ่อแม่ของฉัน การเฆี่ยนศพยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ”

คำพูดเพิ่งจบ เสียงของแข็งก็พุ่งใส่ฉันรัว ๆ

ทั้งหิน ทั้งรองเท้าเก่า โยนใส่ราวกับฉันเป็นตัวประหลาด

“ตัวแกนั่นแหละที่ควรตาย ไอ้ปีศาจ! สวรรค์ต้องลงโทษแก!”

ไม่ทันถึงนาที หัวฉันก็แตกเลือดอาบ ปากฉันโดนหินจนฟันหน้าหักไปหนึ่งซี่

ตำรวจอาศัยจังหวะชุลมุนดึงฉันกลับขึ้นรถด้วยความเร่งรีบ พร้อมถอนหายใจ

“เธอจะดื้อไปถึงไหนกัน...”

ฉันยิ้มเยาะ เย็นชา

“พวกเขาสมควรตาย ต่อให้ย้อนเวลากลับไป ฉันก็จะทำเหมือนเดิม”

เขามองฉันเหมือนคนบ้า ก่อนจะขยับตัวนั่งห่างออกไปอีก

เมื่อรถไปถึงหน้าศาล งามวดี พี่สะใภ้ฉันวิ่งเข้ามา พร้อมมือถือในมือ

พอเห็นฉันในสภาพเลือดเต็มหน้า เธอก็ร้องไห้ลั่น

“ใจจันทร์! ใครทำร้ายเธอ ทำไมถึงเลือดออกขนาดนี้?!”

แต่ฉันถูกควบคุมตัวเข้าไปข้างในทันที ไม่ทันได้พูดอะไร

แค่ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ งามวดีก็อ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด...

ตอนนี้ฉันสังเกตเห็นแล้วว่า แม้แต่รอยคล้ำใต้ตาของงามวดี... ก็แค่แต่งเอา

ไม่รู้ว่าเธอไปหามาจากไหน อยู่ดี ๆ ก็มีใบรับรองจากโรงพยาบาลว่าฉันเป็นโรคจิตเวช

แล้วเธอก็คุกเข่าต่อหน้าตำรวจ พูดเสียงสั่นเหมือนละครหลังข่าว

“ผบ.กิตติคะ ใบนี้สามารถยืนยันได้ว่าใจจันทร์มีอาการทางจิต

สิ่งที่เธอทำไม่ใช่เจตนาของเธอเลย”

“ช่วยปล่อยเธอได้ไหมคะ ฉันจะพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลเอง”

ฉันเหลือบมองไลฟ์ของเธอ

ยอดคนดูพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด

มีคนส่งของขวัญออนไลน์เป็นชุด ๆ

"บิ๊กบราเธอร์" ในไลฟ์ถึงกับประกาศกร้าว

“ค่ารักษาใจจันทร์ ฉันออกเองทั้งหมด จะได้ไม่ต้องให้พี่สะใภ้รองลำบากอีก”

ฉันมองอยู่นาน จนกระทั่งเอ่ยขึ้นช้า ๆ

“ถ้าพี่สะใภ้รองเป็นห่วงฉันจริง... งั้นพาพี่ใหญ่มาพบฉันที่ศาลสิ”

ไม่รอให้เธอตอบ ฉันก็เดินฝ่ากลุ่มนักข่าวกับไมโครโฟนเข้าไปในศาล

ฉันนั่งในที่นั่งจำเลยด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ไม่ดีใจ ไม่เศร้า ไม่กลัว

รอบข้างเต็มไปด้วยสายตาโกรธเกลียด

นี่คือการไต่สวนแบบเปิดต่อหน้าสาธารณชน

สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดเลย คือพยานคนแรกที่นั่งในกลุ่มพยาน กลับเป็นงามวดี

เธอหยิบใบรับรองทางจิตที่เพิ่งโชว์หน้าศาลเมื่อไม่กี่นาทีก่อนขึ้นมายื่นต่อศาล

“ตั้งแต่ฉันแต่งเข้าบ้านสิริกาญจน์ ใจจันทร์ก็มักมีพฤติกรรมแปลก ๆ

บางครั้งก็ดุร้าย ขว้างจาน ทุบโต๊ะเป็นประจำ

แต่คุณพ่อคุณแม่สามีไม่เคยบอกใคร เพราะกลัวเสียหน้า”

สีหน้าฉันเปลี่ยนไปทันที

เสียงของฉันต่ำลง แต่ชัดเจน

“งามวดี... เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรออกมา?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel