บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

งามวดีไม่สนใจคำถามของฉัน เธอพูดต่อหน้าศาลเสียงดังมั่นใจ

“ฉันสามารถยืนยันได้ว่า ใจจันทร์กับธีรเมธต่างก็เป็นผู้ป่วยทางจิต

จึงขอให้ศาลพิจารณาส่งตัวเธอเข้าโรงพยาบาลจิตเวชแทนการลงโทษจำคุก”

จากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ลุกขึ้นมายืนเป็นพยานอีกคน

“ผมยืนยันได้ว่าที่คุณงามวดีพูดเป็นความจริง

เพราะยายของใจจันทร์และธีรเมธก็เคยป่วยเป็นโรคจิตมาก่อน

เด็กสองคนนี้เป็นกรรมพันธุ์ข้ามรุ่น”

ฉันไม่เข้าใจว่า... พวกเขาจะได้อะไรจากการจับฉันส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช?

แต่ฉันรู้แน่นอนว่า ถ้าเข้าไปแล้ว... ไม่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย ก็ไม่มีใครรับรู้ได้อีก

ผู้พิพากษาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ

“จำเลยมีคำถามหรือข้อโต้แย้งเพิ่มเติมหรือไม่?”

ฉันหันไปมองประตูใหญ่ที่ยังคงปิดสนิท

คนที่ฉันรอยังไม่มา...

ฉันสูดลมหายใจลึก ก่อนชี้ไปที่เอกสารในมือของงามวดี

“ผลตรวจสภาพจิตในมืองามวดีนั่น ปลอมค่ะ

ฉันไม่เคยเข้ารับการตรวจใด ๆ เลย”

ทนายฝ่ายโจทย์ลุกขึ้นตอบโต้ทันควัน

“รายงานฉบับนี้มาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชโดยตรง

ศาลสามารถออกหมายเรียกผู้เชี่ยวชาญมายืนยันได้ทันที”

ฉันนิ่งไปชั่วขณะ หรือว่าคนเบื้องหลังเรื่องนี้ มีอำนาจใหญ่โตถึงขั้นบงการทุกอย่างได้จริง?

ฉันกัดฟันแน่น ก่อนพูดต่อเสียงหนักแน่น

“ฉันมีหลักฐานพิสูจน์ว่าทั้งหมดเป็นคำโกหก”

“เพราะฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับ พ่อแม่บ้านสิริกาญจน์เลยแม้แต่นิดเดียว”

“ฉันขอให้ตรวจ DNA ณ ที่นี้ทันที!”

ทั้งห้องพิจารณาคดีตกอยู่ในความตกตะลึง

งามวดีชี้หน้าฉันด้วยความโกรธ

“ใจจันทร์! เธอกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง! พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเธอมาทั้งชีวิตนะ!”

หน้าจอถ่ายทอดสดขึ้นข้อความเต็มไปหมด:

“บ้าไปแล้วเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลรวยที่หลงทางมาหรือไง?”

“คนที่เฆี่ยนศพพ่อแม่ตัวเอง จะไม่ยอมรับว่าเป็นลูกก็คงไม่แปลกหรอก”

“อย่ารอช้าเลย! ส่งเธอเข้าไปข้างในเร็ว ๆ ก่อนจะไปกัดใครเข้าอีก”

เสียงเคาะค้อนของผู้พิพากษาดังขึ้นก้องห้องพิจารณา

“อนุญาตให้ตรวจ DNA ตามคำร้องของจำเลย!”

ขณะรอการดำเนินการ เจ้าหน้าที่ศาลรีบวิ่งเข้ามากระซิบข้างหูผู้พิพากษา

“เรียนศาล... ศพของพ่อแม่ในห้องเก็บศพหายไปแล้วครับ ตอนนี้ไม่สามารถทำการพิสูจน์ได้”

เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นจากที่นั่งฟังการพิจารณา

“ทำไมมันถึงบังเอิญขนาดนี้ พอพูดเรื่องตรวจ DNA ศพก็หายเลย?”

“ใจจันทร์ต้องมีพวกแน่ ๆ ไม่ใช่ว่าพี่ชายเธอก็ไม่ปกติด้วยเหรอ? หรือเป็นเขาที่ขโมยศพ?”

“ยิ่งพูดยิ่งมีเหตุผล อาจจะเป็นใจจันทร์ที่จินตนาการว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ได้”

งามวดีกับผู้ใหญ่บ้านหันมามองฉันด้วยแววตาสะใจ

เหงื่อซึมแผ่นหลังฉันช้า ๆ ราวกับถูกบีบลมหายใจ

ผู้พิพากษากำลังจะกล่าวคำตัดสิน

“หากจำเลยไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติม ศาลจะ...”

“เดี๋ยวก่อนครับ!”

ฉันตั้งสติ รวบรวมเสียงให้มั่นคง

“ฉันยังมีหลักฐานค่ะ

ถ้าฉันได้พบธีรเมธพี่ชายของฉัน ฉันจะสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า

ทุกสิ่งที่ฉันทำมาตลอด… ไม่ได้ไร้เหตุผล”

เสียงเยาะเย้ยดังจากผู้ชมคนหนึ่ง

“ยังจะเล่นบทดราม่าอีก? คนที่เฆี่ยนศพพ่อแม่ ยังกล้าหาเหตุผลให้ตัวเอง?”

ธีรเมธถูกเจ้าหน้าที่พาตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

สายตาของเขาเลื่อนลอย มองไปรอบห้องอย่างไม่รู้สึกตัว

จนกระทั่งได้สบตากับฉัน เขาก็ร้องออกมาเสียงดัง พร้อมวิ่งเข้ามากอดฉันแน่น

“น้องสาว! พี่ตามหาเธอมาตลอดเลย!”

ฉันก้มลงกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ

“พี่... หมีตัวนั้นที่ฉันให้พี่ไว้ล่ะ?”

ธีรเมธสะอื้นหนัก น้ำตาไหลอาบแก้ม

“พวกเขาตีพี่... แย่งหมีไปหมดเลย

แต่มีผู้ชายคนหนึ่งช่วยพี่ เขาสู้กับพวกนั้น แล้วพี่ก็ฝากหมีไว้กับเขา”

หัวใจฉันกระตุกวูบ เสียงสั่นถาม

“เขา... เขาเป็นใคร?”

พี่ใหญ่เกาหัว

“พี่จำไม่ได้... แต่เขาใจดีมาก

น้องสาว... พี่ทำผิดใช่ไหม?”

ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงลำคอ ยิ้มจาง ๆ แล้วลูบไหล่เขาเบา ๆ

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ต่อให้จบแบบแย่ที่สุด

เราก็ไปอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน พี่น้องจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว”

ฉันหลับตาลง ลมหายใจนิ่ง แล้วลืมตาขึ้นมามองผู้พิพากษาด้วยแววตามั่นคง

“ดิฉันสามารถยอมรับความผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นได้

แต่ขอยืนยัน... ดิฉันไม่ได้เป็นโรคจิต

ดิฉันไม่ต้องการรับการรักษา”

ผู้พิพากษาพยักหน้าเบา ๆ

“ศาลพิจารณาตามพยานหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม จะทำการ...”

“ท่านผู้พิพากษา! ผมมีหลักฐานที่เพียงพอ

ยืนยันได้ว่าใจจันทร์ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของบ้านสิริกาญจน์

และสิ่งที่เธอทำลงไป... ล้วนมีเหตุผลที่ควรเห็นใจ!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหน้าห้อง

ชายคนหนึ่งใบหน้ามีรอยฟกช้ำที่แก้มซ้าย

ถือกระเป๋าผ้าใบใหญ่ เดินกะเผลกเข้ามาทีละก้าว

ผบ.กิตติ... เขากลับมา พร้อมกับหลักฐานแล้ว!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel