เสียงร้องทุกข์ใต้ต้นไม้

10.0K · จบแล้ว
-
9
บท
0
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

พ่อแม่ของฉันคือคนดีประจำหมู่บ้าน พวกท่านเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน… เพื่อช่วยฉัน ยามค่ำคืน ฉันนำร่างของพวกท่านไปแขวนไว้ใต้ต้นมะขามใหญ่ แล้วเฆี่ยนลงไปทีแล้วทีเล่า เมื่อฟาดถึงครั้งที่ 999 กำไลมือสีเงินก็ปรากฏขึ้นและล็อกแน่นอยู่บนข้อมือของฉัน ต่อหน้าศพที่ยับเยิน ผู้คนทั้งหมู่บ้านตะโกนถามฉันว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้?!” ฉันไม่ได้ตอบ แม้แต่ผบ.กิตติที่มาสอบสวนด้วยตัวเอง ก็ยังไม่อาจเค้นคำพูดใดจากปากฉันได้ ไม่นาน ความชั่วของฉันก็ถูกดันขึ้นเทรนด์ดังบนโซเชียล “ลูกสาวชั่วเฆี่ยนศพพ่อแม่ เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน” จนกระทั่งเมื่อพี่ชายสติไม่สมประกอบถูกพามาต่อหน้าฉัน ฉันเงยหน้ามองเพดาน น้ำตาไหลเป็นทางพลางเอ่ยว่า “รู้ไหม… ใต้ต้นมะขามยังมีวิญญาณร้องไห้ขอความเป็นธรรมอยู่…”

สืบสวนสอบสวนแก้แค้น

บทที่ 1

พ่อแม่ของฉันเป็นคนดีที่ขึ้นชื่อที่สุดในหมู่บ้าน

พวกเขาตายเพราะประสบอุบัติเหตุรถชน

เพื่อช่วยชีวิตฉัน

กลางดึก ฉันแขวนศพของพวกเขาไว้ใต้ต้นไหวใหญ่

แล้วเฆี่ยนศพอย่างโหดเหี้ยม

เมื่อฟาดถึงครั้งที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า

กำไลเงินวงหนึ่งก็ล็อกแน่นสนิทลงบนข้อมือฉัน

ท่ามกลางศพที่ถูกฟาดจนไม่เหลือสภาพ

ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านรุมถามฉันว่า ทำไมต้องทำแบบนี้?

ฉันไม่ตอบ

แม้แต่ผบ.กิตติ

จะลงมาสอบสวนเองก็ยังง้างปากฉันไม่ได้

ความชั่วร้ายของฉันกลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลทันที:

「ลูกสาวใจอมนุษย์เฆี่ยนศพพ่อแม่ เลวไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน」

จนกระทั่งพี่ชายคนโตผู้มีสติไม่สมประกอบ

ถูกพาตัวเข้ามาตรงหน้าฉัน

ฉันเงยหน้ามองเพดาน

น้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลลงมา

“พี่รู้ไหม… ใต้ต้นไหวนั่น ยังมีดวงวิญญาณที่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่…”

……

ในห้องสอบสวน

พี่ชาย ธีรเมธ จับมือฉันแน่นอย่างกระวนกระวาย

“จื้อจื้อ… อันตราย… หนีไป…”

ฉันยื่นมือไปปลอบให้เขาสงบลง

ฝั่งตรงข้าม

ผบ.กิตติเคาะนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะ

ก่อนเอ่ยคำถามที่ติดใจเขามาตลอด

“พ่อแม่ของเธอเป็นคนดีที่ใคร ๆ ก็ยกย่อง

พวกเขายอมตายเพื่อช่วยเธอ

แล้วทำไมเธอถึงต้องหยามเหยียดศพพวกเขา?”

คนดีงั้นเหรอ?

ฉันยิ้มอย่างเย็นชา

พอฉันไม่พูดอะไร ผบ.กิตติเลยเปิดไลฟ์ขึ้นมาตรงหน้า

“ดูนี่สิ งามวดี ภรรยาพี่ชายเธอ กำลังคุกเข่าอยู่หน้าหมู่บ้าน ขอให้ชาวบ้านช่วยลงชื่อขอลดโทษให้เธอ”

“เธอไม่สงสารพี่สะใภ้รองหน่อยเหรอ ที่ต้องลำบากขนาดนี้?”

ฉันหันไปมองจอ

งามวดี ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใต้ตาดำ คุกเข่าอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านคำอินทร์

“ขอร้องนะคะทุกคน เห็นแก่พ่อแม่ของหนูเถอะ ช่วยเซ็นชื่อให้หน่อย”

“ใจจันทร์ไม่ควรติดคุก ถ้าเธอเข้าไปจริง ๆ ชีวิตเธอก็จบกันพอดี”

ผู้ใหญ่บ้านเดินตรงไปฉีกจดหมายขอลดโทษต่อหน้ากล้อง

“ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยใจจันทร์ หมู่บ้านเราก็คงไม่ต้องเสียคนดีสองคนในคืนเดียว”

“จะให้เราช่วยคนที่เฆี่ยนศพพ่อแม่ตัวเองเหรอ? ฝันไปเถอะ วันนั้นคงต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกก่อน”

คอมเมนต์ไหลรัวขึ้นเต็มหน้าจอ ไลฟ์เต็มไปด้วยคำด่า

“มีพี่สะใภ้แบบนี้ใครก็อยากได้!”

“เลิกคุกเข่าเถอะ คนที่ตีศพพ่อแม่ตัวเองไม่สมควรได้รับการให้อภัยหรอก”

“หรือว่าเธอมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่จริง ๆ? ไม่งั้นใครจะทำแบบนี้กับพ่อแม่ตัวเอง?”

มีบางคอมเมนต์พยายามตั้งคำถาม แต่ก็โดนด่ากลบหายไปหมด

ฉันยิ้มมุมปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“งามวดีนี่เก่งจริง ๆ นะ หาโอกาสรีดมูลค่าจากฉันได้แม้แต่ตอนนี้”

ผบ.กิตติสีหน้าเครียด ชี้ไปที่พี่ใหญ่ธีรเมธที่นั่งอยู่ข้างฉัน

“ได้ยินมาว่าเธอกับพี่ชายสนิทกันมาก แล้วเคยคิดไหม ถ้าเธอติดคุก งามวดีจะยอมดูแลพี่ชายเธอไปตลอดชีวิตจริงเหรอ?”

“อีกอย่าง สิ่งที่เธอทำมันผิดศีลธรรมมากนะ ถ้าเธอเข้าไปจริง ๆ พี่ชายเธอก็อาจจะโดนสังคมตราหน้าไปด้วย เธอโอเคกับเรื่องนั้นเหรอ?”

ฉันหันไปมองพี่ใหญ่ พี่ชายวัยสามสิบที่ยังนั่งกอดตุ๊กตาหมีอยู่เหมือนเด็ก

ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองเพดาน

“ผบ.กิตติ… คุณคิดว่าฉันควรเชื่อใจคุณได้ไหม?”

น้ำเสียงฉันเต็มไปด้วยนัย

เขาขยับตัว นิ่งขึ้นมาทันที

“ถ้าเธอยอมพูดความจริง ต่อให้มีแรงกดดันแค่ไหน ฉันก็จะเดินหน้าต่อ”

ฉันหัวเราะเบา ๆ น้ำตาเริ่มเอ่อในดวงตา

“งั้นก็ขอให้คุณอย่าเสียใจในภายหลัง”

“ถ้าคิดว่ารับไหว ก็ลองไปฟังเสียงร้องของวิญญาณใต้ต้นมะขามหน้าบ้านฉันดูสิ”

“โดยเฉพาะ... ใต้โคนต้นไม้นั่น”

ดวงตาของผบ.กิตติเบิกกว้างทันที

สัญชาตญาณของคนเคยคลี่คลายคดีมานับไม่ถ้วนบอกเขาได้ว่า สิ่งที่ฉันพูดมันไม่ธรรมดาแน่

เขาจ้องฉันไม่กระพริบ เสียงเริ่มเย็นลง

“ใต้ต้นมะขาม… มีอะไรอยู่?”

ฉันไม่ตอบ ขอเชิญชมฝีมือการแสดงไร้ที่ติของพี่สะใภ้รองต่อไป

“พี่ชายเธอก็ไม่ปกติ ใจจันทร์นั่นแหละคงเสียสติถึงได้ทำเรื่องแบบนั้น”

“ถ้าเธอรอดออกมาได้ ฉันยอมขายทุกอย่างพาเธอไปรักษาเลย”

คำพูดของเธอทำให้คนดูบางส่วนเริ่มเห็นใจ

ผบ.กิตติตั้งท่าจริงจัง พูดขึ้นอีกครั้ง

“ใจจันทร์ เธอรู้ใช่ไหม ว่าทุกคำพูดที่พูดในห้องนี้มีผลตามกฎหมาย”

ฉันตอบเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงมีอะไรซ่อนอยู่

“พ่อแม่ฉันชอบเอาของไปฝังไว้ใต้ต้นมะขามนั่นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ลองไปขุดดูเองก็ได้”

เขาลุกขึ้น เดินไปถึงประตู แล้วหันกลับมาพูดช้า ๆ

“ถ้าขุดแล้วไม่เจออะไร เธอจะโดนเพิ่มข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ด้วยนะ นอกจากหมิ่นศพ”

ฉันไม่เงยหน้า แค่พูดกลับไปเบา ๆ

“ถ้าเจอของจริง ก็หวังว่าคุณจะไม่ถอยหลังนะคะ”

ฉันตั้งใจเน้นคำว่าคุณให้ชัดเจน

ร่างเขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายเข้าไปในทางเดินมืด ๆ...