บทที่ 2
คืนนั้นเอง ผบ.กิตติพาคนชุดหนึ่งมาถึงหมู่บ้านคำอินทร์
เหล่าบล็อกเกอร์และคนทำคอนเทนต์หลายรายรีบแห่มาทำไลฟ์สด หวังโกยยอดวิวจากคดีร้อนแรงนี้
เมื่อเห็นว่าผบ.กิตติมาถึงต้นมะขามใหญ่หน้าบ้านฉัน งามวดี พี่สะใภ้รองฉัน ก็ไม่พลาดโอกาสขายความสงสารอีกเช่นเคย
เธอคุกเข่าอยู่หน้ากล้อง พูดเสียงสั่นขอความเห็นใจให้ฉัน
“ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำอะไรใจจันทร์เลย... เด็กคนนั้นแค่ควบคุมตัวเองไม่ได้...”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ผบ.กิตติก็พยุงเธอลุกขึ้น
“ครั้งนี้เรามาเพื่อขุดใต้ต้นมะขามต้นนี้ หาหลักฐานที่อาจช่วยลดโทษให้ใจจันทร์ได้”
สีหน้าของงามวดีแวบหนึ่งดูตื่นตระหนก แต่ไม่นานเธอก็ก้มหน้าเงียบ ๆ ถอยออกไปให้พื้นที่
เชือกที่เคยใช้แขวนศพพ่อแม่ฉัน ยังแกว่งไปตามลมอยู่บนกิ่งไม้
ในยามค่ำคืน ต้นมะขามดูน่ากลัวและเย็นยะเยือกกว่าทุกวัน
งามวดีสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำว่า
“ช่วงนี้เรื่องราวมากมายเหลือเกิน... ฉันไม่มีแรงจะรับมืออะไรอีกแล้ว...”
ผบ.กิตติไม่ได้พูดอะไรกับเธออีก สั่งทีมงานเริ่มขุดทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ได้ยินเสียง “กึง!” บางอย่างกระทบโลหะ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตาโตด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่เตรียมจะขุดลึกลงไปอีก ผู้ใหญ่บ้านซึ่งนำชาวบ้านทั้งกลุ่มมามุงที่ต้นไม้ก็เข้ามาขวางไว้
สีหน้าเขาดูประจบ แต่เสียงกลับแข็งกร้าว
“ผบ.กิตติ ต้นมะขามต้นนี้เป็นต้นไม้มงคลประจำหมู่บ้านเรา ขุดไม่ได้นะครับ”
ผบ.กิตติหยิบใบอนุญาตออกมาอย่างใจเย็น
“นี่คือใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ กรุณาอย่าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”
ผู้ใหญ่บ้านถึงกับตบต้นขาตัวเองแล้วทรุดลงร้องไห้เสียงดัง
“บาปกรรมจริง ๆ...”
แต่ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว
ในที่สุด กล่องเหล็กใบหนึ่งก็ถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดิน
ทุกคนกลั้นหายใจ มองผบ.กิตติเปิดฝากล่องด้วยความลุ้นระทึก
ข้างใน... เป็นรูปถ่ายครอบครัวที่ฉันถ่ายตอนอายุแปดขวบ
และรูปทุกใบของฉัน ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุสิบเก้าปี ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยภายในกล่องนั้น
แม้รูปถ่ายบางใบจะเริ่มซีดเหลืองตามกาลเวลา แต่กลับไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว
ใต้รูปถ่ายเหล่านั้น คือเสื้อผ้าที่ฉันเคยใส่ ของเล่นที่ฉันเคยเล่น ทุกชิ้นถูกเก็บไว้อย่างดีในกล่องเหล็กนั้น
พ่อแม่ที่รักลูกขนาดนี้... ยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อช่วยลูกสาวคนเดียว
แต่ลูกคนนั้น กลับแขวนศพของพวกเขาขึ้นไปเฆี่ยนหลังจากตายไปแล้ว
ชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ ทันใดนั้นก็โกรธจัด
ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเปิดประเด็น พุ่งนิ้วใส่ผบ.กิตติอย่างเดือดดาล
“ไอ้นั่น จันทร์จิรา มันป้ายยาอะไรใส่นายเหรอ ถึงได้อยากช่วยมันพ้นโทษแบบนี้?!”
“ยังมีความยุติธรรมเหลือในโลกนี้ไหมเนี่ย!”
“พวกเราคนบ้านคำอินทร์จะรวมตัวกันร้องเรียนถึงหน่วยเหนือแน่นอน!”
แต่ผบ.กิตติไม่ใส่ใจกับคำต่อว่าเหล่านั้นแม้แต่น้อย
เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงแข็ง
“ขุดต่อไป ต้องเจอหลักฐานให้ได้”
ฉันที่กำลังมองหน้าจออยู่ รู้สึกจมูกแอบแสบขึ้นมา
ตำรวจที่นั่งเฝ้าฉันข้าง ๆ เหล่มามองอย่างไม่พอใจ
“ถ้าขุดไม่เจออะไรขึ้นมา ผบ.กิตติจะซวยเพราะเธอแน่”
ฉันที่กำลังลูบโซ่ตรวนอยู่ ก็ชะงักไปชั่วครู่
จากเช้ายันค่ำ พวกเขาขุดลึกลงไปจนถึงชั้นน้ำใต้ดิน แต่กลับไม่เจออะไรเลย
คอมเมนต์ในไลฟ์ยังคงด่าอย่างต่อเนื่อง
“ผบ.กิตติต้องได้อะไรตอบแทนแน่ ๆ ถึงอยากช่วยจันทร์จิราแบบนี้”
“ไม่งั้นใครจะลงทุนทำเรื่องไร้ค่าแบบนี้?”
มีเพียงฉันที่พึมพำเบา ๆ
“ทำไม... ถึงหายไปได้?”
ประตูห้องถูกผลักเข้ามา ผบ.กิตติเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามฉัน ไม่พูดอะไร
“ฉันไม่ได้โกหกคุณ”
ฉันเป็นคนทำลายความเงียบก่อน
เขามองฉันนาน ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ฉันอ่านไม่ออก
“ลองคิดดูให้ดี ว่าทำไมในกล่องถึงมีแต่รูปฉันหลังอายุแปดขวบ”
“แล้วทำไมต้นมะขามนั่นที่อยู่ในบ้านฉันเอง ผู้ใหญ่บ้านถึงกล้าพูดว่ามันเป็นของหมู่บ้าน?”
เขาลุกขึ้นทันที ทุบโต๊ะเสียงดัง แล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
ฉันหัวเราะเยาะตัวเองเบา ๆ
คนที่บอกว่าจะช่วยฉันสุดท้าย... ก็ยังเลือกจะถอย
ตำรวจที่เฝ้าฉันอยู่ถอนหายใจ
“เธอก็อย่าโทษผบ.กิตติเลย ได้ข่าวว่าเขาถูกสั่งพักงานชั่วคราวแล้ว”
รอยยิ้มฉันแข็งค้างอยู่ที่ใบหน้า
ฉันกำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เพิ่งถูกยัดใส่มือแน่นยิ่งขึ้น...
