เสน่ห์ร้าย บทที่ 5
เวลา 10.00 น.
วันนี้เป็นวันครบกำหนดที่ฉันต้องย้ายเข้าไปทำงานที่บ้านของเขาแล้ว ฉันกำลังยืนเช็กของที่ต้องเตรียมไป ทุกอย่างพร้อม ส่วนบ้านก็ให้อลิสคอยดูแลไปก่อน ตอนนี้ยายนั่นก็ออกไปทำงานแต่เช้าแล้วด้วย ฉันที่ยืนรอรถมารับอย่างว่าง่าย ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำเป็นยอมตามน้ำไปก่อน
ปิ๊น! เสียงแตรรถดังมาจากประตูหน้าบ้าน
ป้านงค์รีบวิ่งออกไปเปิดประตู รถตู้สีดำวิ่งเข้ามาภายในบ้าน และหยุดลงตรงหน้าประตูจุดที่ฉันยืนอยู่พอดี ประตูรถตู้ก็เปิดออกพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถพร้อมกับผู้ชายอีกสองคน ฉันจำเธอได้ เธอเป็นเลขาส่วนตัวของคินที่เจอกันวันเซ็นสัญญา ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะไม่ได้มาด้วย ยิ่งไม่ค่อยอยากเห็นหน้าอยู่
“สวัสดีค่ะคุณโซยู คุณคินให้ฉันมารับแทนค่ะ”
“เขาไม่มาด้วยใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ คุณคินกำลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ประมาณบ่ายก็ถึงแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องมาเลยจะดีกว่า” เลขาของภาคินยิ้มหน้าเจื่อน
“เราไปกันเถอะนะคะ... พี่ดังลอดคะขนของได้เลย” เลขาของภาคินหันไปสั่งให้ผู้ชายสองคน ช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นรถ
อ้อ! จริงสิ ลืมสิ่งสำคัญไปได้ไง
“ป้านงค์คะ พาถั่วงอกกับลูกชิ้นมาได้แล้วค่ะ” ไม่ได้ จะปล่อยให้เขาสองตัวอยู่บ้านลำพังโดยไม่มีฉันไม่ได้
สักพักป้านงค์ก็จูงสุนัขออกมา 2 ตัว ตัวสีขาวดำชื่อถั่วงอก และตัวสีขาวน้ำตาลแดงชื่อว่าลูกชิ้น ลูกชายกับลูกสาวฉันเอง เขาอยู่กับฉันตลอด เพราะพี่ไม่ค่อยอยู่บ้าน
“เอ่อ คุณโซยูคะ จะพาเขาไปด้วยจริง ๆ เหรอคะ” เลขาของภาคินสะกิดถามฉันอย่างตกใจ
“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“คุณคินทราบเรื่องนี้มั้ยคะ”
“ไม่ค่ะ...มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็คุณคินไม่ชอบหมาค่ะ” จริงเหรอ
“ไม่เป็นไร เขาสองตัว ฉันรับผิดชอบเอง”
“เอ่อ เอางั้นเหรอคะ” เลขาของภาคินทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ หึ! นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการ อะไรที่หมอนั่นไม่ชอบฉันจะทำมันทุกอย่าง
“ไปกันเถอะค่ะ... ถั่วงอก ลูกชิ้น ไปเที่ยวบ้านใหม่กันดีกว่า”
โฮ่ง!! เสียงตอบกลับจากถั่วงอกและลูกชิ้นที่แสดงถึงอาการดีใจที่จะได้ไปเที่ยว ต่อจากนี้แหละ ขอเป็นตาฉันบ้าง ที่ผ่านมานายทำฉันไว้เยอะมาก แล้วเราเจอกัน
รถตู้วิ่งออกจากบ้านฉันมาประมาณไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงบ้านของเขา ประตูบ้านคุ้นตาที่ครั้งหนึ่งฉันเคยเกือบจะเผามัน รถตู้วิ่งเข้ามาในตัวบ้านและจอดลงในโรงรถ
“คุณโซยูคะ เชิญค่ะ” เมื่อลงจากรถได้ เลขาก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในบ้าน กระเป๋าและของทั้งหมดก็มีคนของภาคินมาขนไปให้ ฉันจูงถั่วงอกกับลูกชิ้นเดินตามหลังเข้าไปในตัวบ้าน บ้านของหมอนั่นหลังใหญ่กว่าบ้านฉันหลายเท่า คนใช้ภายในบ้านก็เยอะแยะเดินแทบจะชนกัน รวยจริงนะ
“ฉันจะพาไปห้องของคุณโซยูนะคะ”
“เดี๋ยว...ที่นี่มีหอคนใช้หรือเปล่า” ฉันหันไปถามเลขาของภาคิน
“เอ่อ...มีค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ฉันจะไปอยู่หอคนใช้” แค่ต้องมาอยู่บ้านเดียวกันก็เต็มกลืนแล้ว ขอไปอยู่ในส่วนไกล ๆ หน่อยเหอะ
“ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณคินกลับมาต้องไม่พอใจแน่ค่ะ”
“ช่างเขาสิ ฉันจะไปอยู่หอคนใช้ ปล่อยกระเป๋าฉันนะ” อีกมือก็จับเชือกจูงถั่วงอกกับลูกชิ้น อีกมือก็พยายามแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าจากลูกน้องของเขา
“คุณโซยูคะ ไปห้องที่คุณคินให้คนจัดไว้ดีกว่านะคะ”
“ไม่ แค่ต้องมาอยู่ที่นี่ฉันก็อึดอัดจะแย่แล้ว ต้องมาเห็นหน้ากันตลอดมีหวังกินข้าวไม่ลงพอดี” ปากก็พูดไป มือก็พยายามดึงทั้งกระเป๋าทั้งเชือกของสุนัข 2 ตัว
“คุณโซยูคะ อย่าไปอยู่เลยค่ะ มันไม่ปลอดภัยนะคะ ห้องก็เล็กด้วย”
“อยู่ที่หอคนใช้ยังจะปลอดภัยกว่านี้ที่นี่อีก ปล่อยกระเป๋าฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณโซ...!” เลขากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็มีเสียงมาแทรกซะก่อน
“โซยู” มาละตัวปัญหาของฉัน กลับมาเร็วจริงนะ
“มีอะไรกัน” คินหันไปถามเลขาของเขาเมื่อเห็นสภาพการแย่งกระเป๋าของฉันที่กำลังวุ่นวาย
“เอ่อ...คือคุณโซยูจะไปอยู่ที่หอคนใช้” ตาดุมองมาที่ฉันอย่างคาดโทษ ก่อนที่สายตาของเขาจะก้มลงมองถั่วงอกกับลูกชิ้นที่นอนอยู่ข้าง ๆ ฉัน
“แล้วนี่หมาใคร”
“ของฉันเอง”
“ใครอนุญาตให้พามาด้วย”
“ฉันนี่แหละอนุญาตตัวเอง” เขาถอนหายใจออกมาในความดื้อดึงของฉัน
“ฉันไม่ชอบหมา”
“แต่ฉันชอบ”
“ฉันไม่ให้เลี้ยง”
“แต่ฉันจะเลี้ยง แค่มาที่นี่ฉันก็ไม่มีเพื่อนแล้ว ฉันขอพาถั่วงอกกับลูกชิ้นมาด้วยไม่ได้หรือไงล่ะ”
“ชื่อว่าอะไรนะ”
“... ถั่วงอกกับลูกชิ้น”
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอและก้มมองหมาทั้งสองตัวอีกครั้ง
“ชื่อหมาฉันมันตลกมากหรือไง”
“ก็นะ ฉันให้เธอเลี้ยงก็ได้ และเธอต้องขึ้นไปอยู่ห้องที่ฉันเตรียมไว้ ห้ามไปอยู่ที่หอคนใช้เด็ดขาด มันไม่ปลอดภัย”
“อยู่กับนายนั่นแหละที่ไม่ปลอดภัย”
“...”
“ฉันจะไปอยู่หอคนใช้ และเลี้ยงหมาด้วย”
“โซยู” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของเขาหลุดออกมาหลังจากเรียกชื่อฉันเบา ๆ
“ฉันมาทำงาน ไม่ต้องมาใส่ใจชีวิตการเป็นอยู่ของฉันมากนักหรอก” ฉันพูดใส่เขาก่อนจะเดินไปลากกระเป๋าออกจากมือของลูกน้องเขา และจูงถั่วงอกกับลูกชิ้นมุ่งหน้าไปทางหอของคนใช้ โดยไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ส่วนไหนของบ้าน แต่ตอนนี้ขอออกจากตรงนี้ก่อน ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา
“เอากระเป๋าของเธอไปไว้ที่ห้องนอนฉัน ให้เธอนอนกับฉันนี่แหละ และเธอจะมาเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของฉันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เสียงประกาศดังไปทั่วบริเวณบ้านเพื่อให้ทุกคนได้ยิน
“อะไรนะ...” จะบ้าไปแล้วหรือไง
“ก็ตามที่เธอได้ยิน ในเมื่อฉันให้ในสิ่งที่เธอขอร้องได้ เธอก็ต้องทำตามในสิ่งที่ฉันสั่งได้เหมือนกัน”
บางทีฉันก็ไม่เข้าใจนะว่าสรุปฉันโง่ หรือนายมันเจ้าเล่ห์เกินไปกันแน่ ไม่ว่าฉันจะดิ้นไปทางไหนก็เข้าทางของเขาไปซะหมด แค่ต้องมาอยู่บ้านเดียวกันนี่มันก็แย่มากพอแล้ว แต่นี่จะต้องอยู่ห้องเดียวกันอีก มีหวังเป็นโรคประสาทตายซะก่อนพอดีฉัน
“อีกหน่อยไม่สั่งให้ฉันไปตายเลยหรือไง”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ไป” ใครไปก็โง่เต็มทีแล้ว
“ใช่ ฉันไม่ไปตาย และไม่ยอมไปอยู่ห้องเดียวกันนายด้วย” ฉันจะเถียงคอเป็นเอ็นอยู่ตรงนี้แหละ ใครจะไปยอม
“ไปเอากระเป๋าโซยูไปเก็บที่ห้องฉัน” เขาไม่สนใจในคำเถียงของฉันเลยสักนิด แต่หันไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังให้มาเอากระเป๋าฉันอย่างหน้ามึน ๆ
“หยุด!”
เสียงของฉันทำให้ลูกน้องของเขาหยุดลงทันที เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเต็มที
“อะไรของเธออีก ฉันกลับมาเหนื่อย ๆ ต้องมาปวดหัวกับเธอ ไม่ดื้อ ไม่เถียงสักครั้งไม่ได้หรือไง”
“ไม่เถียงได้ไงล่ะ จะบ้าหรือไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้ไปนอนห้องเดียวกันกับนายได้ไง เข้าใจมั้ยคำว่าผู้หญิงน่ะ!”
“เข้าใจสิ ฉันพิสูจน์มาแล้ว” ลูกน้องรอบ ๆ ตัวเขาต่างพากันอมยิ้มในคำพูดของเขา
“นี่ เอาละ ฟังนะ ฉันไม่นอนกับคุณ ฉันจะไปนอนหอพักคนใช้กับหมาของฉัน จบนะคะเจ้านาย” พอเหนื่อย ยิ่งเถียงยิ่งหงุดหงิด
“ไปเอากระเป๋าโซไปไว้ที่ห้องฉัน เธอถ่วงเวลาการพักผ่อนของฉันมากเกินไปแล้ว” ใบหน้าหล่อของเขาเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ลูกน้องของเขาเดินเข้ามาหาฉันอย่างจำใจ
โฮ่ง! โฮ่ง!
ถั่วงอกกับลูกชิ้นเริ่มทำหน้าที่ปกป้องฉันอย่างเต็มกำลัง แต่ก็เท่านั้นแหละเจ้า 2 ตัวก็ได้แต่นั่งมองคนของภาคินมาลากกระเป๋าไปจากฉันอย่างง่ายดาย อยากจะถามเป็นภาษาหมาว่าเพื่อ! จะเห่าเพื่ออะไร ไม่ได้มีความโหดเลย
“เอาสองตัวนั้นออกไปด้วย” เขาหันไปสั่งคนใช้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
เธอเดินหายเข้าไปด้านหลัง และออกมาพร้อมกับลูกบอลในมือ เฮอะ! เสียใจด้วยนะ เจ้า 2 ตัวนี้ไม่เล่นลูกบอลหรอก คนใช้ผู้หญิงของเขามองหน้าฉันอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะก้มสายตาลงมองเจ้า 2 ตัวที่นั่งกระดิกหางอยู่ข้าง ๆ ฉัน และออกแรงโยนลูกบอลไปทางประตูด้านหลังบ้าน
เจ้าสองตัวที่ตั้งหลักรออยู่นานออกวิ่งไปตามทิศทางลูกบอลอย่างเร็ว ทำให้เชือกที่ฉันจับไว้แบบหลวม ๆ หลุดออกติดปลอกคอไปพร้อมกับเจ้าสองตัวนั้น แม้แต่หมายังทิ้งเลย ชีวิต! ตอนนี้ตรงหน้าฉันเหลือแต่คินที่ยืนถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น และเดินมาตรงเข้ามา ตอนนี้ไม่เหลือตัวช่วย เหลือแต่ตัวใครตัวมัน
ฉันหันหลังทำท่าจะเดินออกจากบ้านไป แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเขา มือหนาเอื้อมมาดึงแขนก่อนจะหมุนตัวฉันให้หันหน้ากลับเข้าหาเขา คนตัวสูงย่อตัวลงแล้วช้อนอุ้มร่างบางพาดบ่า
กรี๊ด! (เลือดตกหัว หน้ามืด)
“ตอนเด็กกินนกหวีดเป็นอาหารหรือไง เสียงดัง” เสียงบ่นจากเขาทำให้ฉันอดหยิกเข้าที่หลังไม่ได้
“บ่นให้มันน้อยหน่อย ๆ แล้วก็ปล่อยได้ละ ฉันมีขาเดินเองได้”
ทั้งหยิก ทั้งตี แต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยฉันลงเลย หน้ามืดไปหมดแล้วเลือดลงหัว คินอุ้มฉันพาดบ่า และเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน และเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก่อนจะโยนฉันลงบนเตียงอย่างไม่ไยดี เมื่อเขาโยนฉันลงบนเตียงแล้วก็ยืนนวดหัวไหล่ตัวเองข้างที่อุ้มฉันพาดบ่ามา
“นี่ ฉันไม่ได้ตัวหนักขนาดนั้น ไม่ต้องแสดง”
“เธอตัวไม่หนักขนาดนั้นหรอก แต่เธอตัวหนักมากเลยต่างหากล่ะ” ด่าว่าอ้วนยังจะไม่เจ็บเท่านั้นเลยนะ
“แล้วนี่ห้องใคร อย่าบอกนะว่าห้องนาย หลบไป” ฉันพยายามจะลุกออกจากเตียง
“จะห้องใคร ก็อยู่ในบ้านฉัน ยังไงก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี”
“แล้วหมาฉันล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง คนของฉันจะดูแลให้เอง”
“แล้วกระเป๋าฉันล่ะ”
“นั่นไง” เขาชี้ไปทางมุมห้อง ซึ่งมีกระเป๋าของฉันวางอยู่
“แล้วรถฉันล่ะ รถฉันอยู่ที่บ้าน ฉันจะเอารถที่ไหนขับไปทำงาน”
“ฉันให้คนไปเอามาให้แล้ว เดี๋ยวสักพักก็มา”
“แล้วจะให้ฉันทำอะไรบ้าง รีบ ๆ บอกมาสิ”
“ไม่ต้องทำอะไร อย่าสร้างปัญหาก็พอ”
“แต่นายให้ฉันมาทำงานนี่ จะให้ทำอะไรก็รีบบอกมา”
“อยู่เฉย ๆ อย่าสร้างปัญหาให้ฉันปวดหัวก็พอ” ทำไมต้องทำหน้าเหมือนว่าฉันมันเป็นตัวปัญหาด้วยเนี่ย
“...”
“มีอะไรจะถามฉันอีกมั้ย” ร่างสูงยืนกอดอกมองฉันที่นั่งห้อยขาอยู่บนเตียงจะให้ถามอะไร หมดแล้วชีวิตฉันมาเป็นนักโทษดี ๆ นี่เอง
“ถ้าไม่มีฉันไปแล้วนะ ห้องฉันอยู่ตรงข้ามเธอ อย่าคิดทำอะไรแปลก ๆ มีอะไรก็เรียกฉันได้ตลอด” เหมือนจะเป็นคนดี
แต่ขอโทษที! ฉันรู้ตัวตนจริง ๆ ของนายนานละ เขาหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องฉันไป แต่เหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่าง จึงหันกลับมามองหน้าฉันอีกที
“ตอนกลางคืน อย่าพยายามออกไปเดินข้างนอกมากนักล่ะ ลูกน้องฉันมีแต่ผู้ชาย ระวังตัวไว้บ้างก็ดี”
“โอ๊ะ! จริงเหรอ ฉันชอบมากผู้ชายเนี่ย”
“แล้วเธอไม่ชอบฉันหรือไง”
“ถามอะไรออกมาละอายใจมั้ย”
“ไหนบอกชอบผู้ชายไง ฉันก็ผู้ชาย”
“ชอบผู้ชาย แต่ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณค่ะ จะให้ต่อพ่วงคำด่ามั้ย”
สายตาที่มองมาของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ฉันทำอะไรผิดหรือไง
“ดูเป็นคนง่าย ๆ ดีนี่ ขนาดผู้ชายยังเอาใครก็ได้ไม่เลือก”
“นี่ ฉันบอกว่าชอบ ไม่ได้บอกว่าจะเอา อย่ามาดูถูกกันได้มั้ย” เริ่มโมโห ยิ่งพูดกันก็ยิ่งเถียง
“อยู่ที่นี่ก็เพลา ๆ เรื่องผู้ชายลงบ้างนะ ไว้หน้าฉันบ้าง อย่ามามั่วกันอยู่แถวนี้”
“นี่ จะดูถูกกันเกินไปละ เป็นอะไรกับฉันหรือไง ถึงทำเป็นห่วงฉันอยู่ได้ ฉันจะทำอะไรกับใคร นายก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม”
ฉันยืนขึ้นบนเตียงตะโกนเถียงเขาอย่างไม่ยอม นัยน์ตาดุมองมาที่ฉันอย่างเอาจริง ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันที่อยู่บนเตียง เมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามา ฉันที่อยู่บนเตียงก็รีบกระโดดลงไปข้างล่าง และวิ่งไปตั้งหลักหน้าประตูห้องน้ำ ซวยละยายโซยู! หาเรื่องเข้าตัวอีกแล้ว
“จะหนีไปไหนล่ะ ใครก็ได้ไม่ใช่หรือไง งั้นจะเป็นฉันก็ได้นี่”
“ใครก็ได้ แต่ไม่ใช่นายไง ฉันบอกไปแล้วนี่”
“งั้นถ้าฉันไม่ได้ ใครก็ต้องไม่มีสิทธิ์ได้สินะ ถ้าอยากได้มากนักจะสนองให้เธอคนเดียวเอง”
“หยุด! อย่าเข้ามา” เมื่อไม่มีทางให้ไป การแหกปากเป็นทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คินไล่ต้อนฉันจนมุม ด้านหลังเป็นโต๊ะ ด้านข้างเป็นเตียง และด้านหน้าฉันเป็นเขา!
ร่างบางกระโดดขึ้นบนเตียงเพื่อที่จะข้ามไปอีกฝั่งเพื่อหนี แต่ก็โดนมือหนาจับเข้าที่ข้อเท้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกแรงดึง จนทำให้ฉันล้มลงบนเตียง เขาโถมตัวขึ้น คร่อมบนตัวฉัน แขนถูกตรึงไว้เหนือหัวทั้ง 2 ข้าง ขาทั้ง 2 ข้างของฉันทั้งพยายามดิ้นและถีบ แต่ไม่สามารถทำให้เขาหลุดออกไปจากบนตัวได้เลย
“ปากดีต่อสิ” เสียงกระซิบข้างหูดังขึ้นพร้อมกับสันจมูกโด่งซุกไซ้ตามซอกคอ คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก