เสน่ห์ร้าย บทที่ 3
ห้องทำงานของคิน
ก๊อก ๆ !
“คุณราฟามาแล้วค่ะคุณคิน” เสียงเลขาบอกพร้อมกับเจ้าของชื่อเดินเข้ามา
“ดี” ผมทักทายอย่างคุ้นเคย ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่เพราะสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเด็กทำให้ไม่ต้องมีพิธีอะไร
“เออ” ไร้ซึ่งมารยาทเหมือนเดิม
“มีธุระอะไร ไม่เคยอยู่ติดประเทศตัวเองบ้างเลยนะ” ราฟาทำท่ายักไหล่แบบไม่แคร์ในคำพูดของผมเลยสักนิด
“คุณหญิงพิมพาเชิญมางานวันเกิดน่ะ เลยแวะมาหามึงก่อนเลย พอดีว่ากูได้รู้ข่าวร้อนมาว่ามึงไปซื้อหุ้นของอาร์วีเค ไว้ในมือแล้วเหรอ” จมูกไวจังนะ
“อือ”
“เฮ้ย! ได้ไง บริษัทนั้นดูท่าไปได้สวย ไม่น่าเทขายหุ้นเยอะขนาดนั้น” ไอ้เจ้าชายดูตกใจมากที่ทุกอย่างเป็นความจริง
“ไม่ได้สนใจหุ้นนี่ สนใจคนมากกว่า” โซยู ถ้าคิดจะอยากได้เธอ ผมก็ลงทุนละนะ ลงทุนเยอะมากซะด้วยสิ
“มึงสนใจใคร อย่าบอกนะว่าสนใจผู้บริหารสาวสวยแห่งอาร์วีเค “
“ก็มีคนเดียวนั่นแหละ” ผมตอบกลับอย่างหงุดหงิด
“กูว่ามึงขายต่อมาให้กูดีกว่า จ่ายเพิ่มอีกเท่าตัวเลย” นั้นไงว่าแล้ว ไอ้นี่ต้องการกวนประสาทละสิ กว่าจะทำให้พี่เธอยอมขายหุ้นได้มันยากขนาดไหน
“เก็บเงินไว้อม”
“อะไรกัน ปกติมึงไม่เคยหวงอะไรกับกูเลยนะ แต่นี่เกิดอะไรขึ้น” ราฟามองอย่างจับผิด
“เออ เรื่องอื่นไม่หวง แต่เรื่องนี้อย่ายุ่งได้มั้ย” ราฟาทำหน้าขัดใจอยู่พอสมควร พอถามว่าทำไมถึงอยากได้หุ้นบริษัทนี้มันก็ไม่ยอมพูด มีเพื่อนตัวปัญหานี่มันน่าเบื่อจริง ๆ ช่างมันเหอะไอ้เจ้าชายนี่ อดทนรออีก 3 วันไม่ไหวแล้วสิ รอวันที่โซยูจะเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับผมไม่ไหวแล้วจริง ๆ
โรงแรม อินยามา (งานวันเกิดคุณหญิงพิมพา)
ฉันอยู่ในชุดเกาะอกราตรียาวสีน้ำเงิน ส่วนอลิสอยู่ในชุดราตรียาวสายเดี่ยวสีครีม ตั้งแต่ก้าวขาเข้าในงานผู้คนต่างให้ความสนใจยายอลิสกันเป็นพิเศษ ฉันเลยโดนหางเลขไปด้วย สายตาผู้ชายที่จ้องกันมันกำลังทำให้อึดอัด และหงุดหงิด พวกหัวงู
ตอนนี้งานก็เริ่มขึ้นมาได้สักพักแล้ว แต่ละมุมก็มีแบ่งกันเป็นโซนอาหารนานาชาติ เรียกได้ว่ามีแทบจะทุกชาติเลยก็ว่าได้ อลิสขอตัวไปรับโทรศัพท์จากผู้จัดการส่วนตัว ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียวแทน หรือเรื่องของพี่ฉันมันแพร่กระจายออกไปแล้วนะ น่าเบื่อจัง หาจังหวะออกไปเดินเล่นนอกระเบียงแก้เบื่อดีกว่า
ฉันเดินหลบออกมานอกระเบียงอย่างลำบาก เพราะพอจะก้าวเดินของมีท่านผู้หญิงคนนั้นคนนี้พาลูกชายมาแนะนำ อย่างบางคนเป็นนักเรียนนอก ดีกรีนักกีฬามหา’ลัย แต่ตัวเตี้ยกว่าฉันตอนถอดรองเท้าส้นสูงซะอีก ความรู้สึกเหมือนยืนคุยกับเด็กป.6 ซะมากกว่า ในที่สุดฉันก็สามารถเดินออกมาสู่ระเบียงได้สำเร็จ ลมตอนกลางคืนนี่สดชื่นดีเหมือนกันนะ ฉันสูดหายใจเขาลึก ๆ แล้วหมุนตัวไปทางซ้าย แต่ก็ต้องสะดุดกับภาพหนึ่ง
ผู้หญิงกับผู้ชาย2คนกำลังยืนจูบกันอย่างดูดดื่ม เอ๋! นี่มันยายแพรี่นี่ ยายเซเลบตัวเหวี่ยง ฉันไม่ค่อยถูกกับยายนี่สักเท่าไร ส่วนผู้ชายยืนหันหลังให้ฉันอยู่จึงทำให้ไม่เห็นว่าเป็นใคร แพรรี่นี่มีคู่หมั้นแล้ว และที่แน่ ๆ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คู่หมั้นของเธอ เพราะคู่หมั้นเธอตัวเตี้ยกว่าฉันอีก ฉันกำลังจะหันหลังกลับก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะยายแพรี่ทำท่าทีตกใจขวัญเสียที่มีคนมาเห็นหล่อนกำลังวุ่นวายกับผู้ชายคนอื่น
“นั่นใครน่ะ มาแอบดูพวกเราทำไม” ยายแพรี่ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสตอของเธออย่างล้นหลาม ก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับคล้องแขนผู้ชายคนนั้นมาด้วย จึงทำให้ฉันเห็นหน้าเขาชัด ๆ คนที่ฉันไม่อยากเจอบนโลกนี้มากที่สุด ภาคิน
“อ้าว โซยูเองเหรอ” น้ำเสียงของยายแพรี่ที่แสดงเหมือนตกใจที่เห็นฉัน
“ว่าไง” ฉันตอบกลับแบบหน้าตาย เขาก็เอาแต่จ้องหน้าฉันแล้วยิ้มมุมปาก ทำไมต้องมาเจอตอนนี้ด้วยเนี่ย
“เธออย่าบอกนักข่าวนะเรื่องเมื่อกี้อะ ฉันกลัวคุณภาคินเสียหาย” เธอนี่ไม่กลัวตัวเองเสียหายเลยสินะ ผู้หญิงอะไรเนี่ย
“ฉันคิดว่าเธออยากให้บอกนักข่าวซะอีก เพราะเธอจะได้ควงเขาเต็มที่ ดีกว่าควงคู่หมั้นเตี้ยม่อต้อของเธอใช่มั้ยล่ะ” เพราะฉันก็อยากให้เขามีข่าวว่าแย่งแฟนชาวบ้านเหมือนกัน
“ไม่จริงนะ นี่โซ ใครจะอยากมีข่าวเสียหาย ก็แค่การทักทายกันเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยคิดจะจับคุณคินเลยนะ” ทำเป็นออดอ้อน รอบนี้ไม่แสดงกำพืดตัวเองออกมาเลยเหรอเนี่ย เมื่อก่อนเจอฉันละชอบจิกกัดก่อนประจำ แต่นี่สร้างภาพ
“แพรี่ รอบหน้าฉันแนะนำนะ ไปกินกันที่โรงแรมจะดีกว่า โอ๊ะ! ไม่สิ อย่างเธอม่านรูดก็น่าจะพอแล้วนะ เกรดอย่างเธอม่านรูดก็หรูแล้ว” ยายแพรี่ปล่อยมือที่คล้องแขนภาคินออกแล้วกำมือแน่น โมโหเหรอ เอาสิ ฉีกหน้าแกได้แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว
“โซยู” ยายแพรี่ที่ทำท่าจะกรี๊ดเพื่อเรียกร้องความสนใจและสงสารอย่างที่ผ่านมา แล้วก็จะล้มลงเพื่อทำเป็นว่ามีคนรังแกหล่อน
“อย่ากรี๊ดนะ ไม่ต้องเอามุกเดิมมาใช้ ถ้าลงไปดิ้นกับพื้นเมื่อไรฉันซ้ำจริง ๆ” ฉันชี้หน้ายายแพรี่อย่างเอาเรื่อง พออยู่ต่อหน้าหมอนี่แล้วเธอไม่กล้าแสดงตัวตนออกมาเลยหรือไงบ้าผู้ชาย
“โซ!” ยายแพรี่พูดพร้อมกับสะบัดหน้าใส่ฉันแล้วเดินเข้างานไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่กับภาคินแค่2คน เมื่อนึกขึ้นได้ฉันจึงรีบเดินเข้างานตามหลังยายแพรี่ทันที แต่ก็โดนมือหนาของเขาคว้าแขนแล้วดันตัวฉันเข้ามุมมืดอย่างรวดเร็ว
“จะทำอะไร ปล่อย” ฉันพยายามทั้งดิ้นทั้งดีดเพื่อหลุดออกพันธนาการของเขา
“เธอเข้ามาขัดจังหวะฉัน เธอต้องรับผิดชอบนะ” อะไร! รับผิดชอบอะไรอีก
“ปล่อย” ฉันยิ่งดิ้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกอดแน่นมากเท่านั้น
เขาจัดการรวบมือทั้งข้างของฉันไว้ข้างหลังด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว และเบียดตัวประชิดเข้ามาทำให้หลังของฉันอยู่ติดชิดกำแพง มือที่เหลืออยู่ก็ค่อย ๆ ดึงเลื่อนชุดเกาะอกฉันลงจนเห็นเนินอกขาวสวยได้รูปโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบชุด คนตัวสูงก้มหน้าลงเข้ามาใกล้ และไล่จูบลงบนเนินอกขาว เขาทำให้ฉันแทบจะหมดแรงขัดขืนขาอ่อนเพราะความตกใจ
“ผู้ชายมองเธอกันทั้งงาน เธอรู้ตัวหรือเปล่า” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาฉันอย่างรอคำตอบ รู้สึก และเพราะรู้นี่แหละฉันถึงเดินออกมาข้างนอก แต่ใครจะมองมันก็ไม่เกี่ยวกับนายเลยนะ
“ใครจะมองฉันมันก็ไม่เกี่ยวกับนายเลย ฉันพอใจให้มอง แล้วก็ปะ อื้อ!” ปากที่กำลังด่าก็ถูกปากของเขาประกบปิดลงมาสนิท
มืออีกข้างที่ยังว่างของภาคินดันหลังของฉันให้ยิ่งชิดกับเขามากเข้าไปอีก ฉันพยายามดิ้น และหันหน้าหนี ปากของเขาก็ยิ่งไล่ต้อนตามมามากเท่านั้น ครั้งนี้ไม่เหมือนกับการจูบเมื่อเช้า ร่างกายฉันมันกำลังร้อน ตามรสจูบที่เขาเป็นคนมอบให้
ลิ้นร้อนเกี่ยวพันลิ้นของคนตัวเล็กอย่างชำนาญ ยิ่งเธอดิ้นมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกดริมฝีปากลงหนักเท่านั้น ปากที่ชอบท้าทายของเธอ เขาคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์สั่งสอน เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เพราะดูเหมือนว่าคนตัวเล็กตรงหน้ากำลังจะขาดอากาศหายใจ
เขาก้มหน้าลงขบเม้มตามเนินอกที่โผล่พ้นชุดขึ้นมาทีละจุด รอยแดงโผล่ขึ้นมาแสดงความเป็นเจ้าของ ตอนนี้เขาทำได้เพียงเท่านี้ เขาอยากจะถนอมเธอไปนาน ๆ และไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับคนของเขา หลังจากที่วุ่นวายกับการสร้างรอยตีตราเสร็จแล้วเขาก็ก้มหน้าลงมองใบหน้าคนตัวเล็กที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย ต้องทำแบบนี้สินะเธอถึงจะสิ้นฤทธิ์
“อย่าให้ผู้ชายคนไหนมองเธออีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน แล้วชุดแบบนี้โยนทิ้งไปได้เลย มันโชว์เกินไป นี่เป็นคำสั่ง” คนตัวเล็กจ้องหน้ากลับอย่างโมโห แต่ถ้าทำอะไรไปก็จะมีแต่เสียเปรียบ เมื่อถูกปล่อยเธอก็เดินหนีเข้าไปในงานทันที
หลังกลับมาจากงานวันเกิดคุณหญิงพิมพา ฉันยังหาตัวอลิสไม่เจอเลย เมื่อคืนยายนั่นก็ปล่อยให้ฉันกลับคนเดียว ดีนะที่ขับรถไป แล้วไอ้รอยแดงนี่อีก หมอนั่นตั้งใจแกล้งฉันชัด ๆ จะให้ฉันเป็นบ้าหรือไง แล้วไอ้รอยนี่ทำยังไงก็ไม่จางลงเลย วันนี้ก็ต้องเซ็นสัญญาเรื่องหุ้นอีก ฉันนั่งคิดหาวิธีการเอาคืนเขาฆ่าเวลาแก้เซ็ง เสียงโทรศัพท์จากอลิสก็ดังขึ้น
ตี๊ด ตี๊ด ตื้อตื้ด~ ติ๊ด!
“ว่าไง หายหัวทิ้งฉันไปเลยเมื่อคืน ยายบ้า” กดรับสายปุ๊บฉันก็ใส่ยาว
(ขอโทษนะ มีปัญหานิดหน่อย)
“ปัญหาอะไร แล้วเป็นอะไรหรือเปล่าน่ะ”
(ฉันโอเคมาก แกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันโทรมาเช็กแกเฉย ๆ ว่ายังอยู่รอดปลอดภัยดี)
“ไปงานวันเกิดนะ ไม่ได้ไปสงครามโลก”
(เออ! งั้นแค่นี้นะ ฉันง่วงแล้ว)
“ไปทำไรมาไม่ได้หลับไม่ได้นอน... เออ พักผ่อนไป บาย~”
เฮ้อ~โอเค ยายอลิสปลอดภัย ฉันก็หมดห่วง
จนป่านนี้แล้วฉันติดต่อพี่ชายไม่ได้สักที หมอนั่นไม่ได้เอาพี่ฉันไปโยนเป็นอาหารปลาแล้วเหรอ มีกันแค่สองคนก็มาหายหัวไปอีก ไหนจะหาวิธีจัดการหมอนั่น ฉันยังคิดไม่ออกเลยว่าจัดการเขายังไง ทำยังไงก็โดนกลับคืนมาหนักตลอด
ตื๊ด~
(คุณโซยูคะ คุณภาคินมาขอพบค่ะ)
เสียงจากพี่มุกเลขาของฉันผ่านโทรศัพท์โต๊ะทำงาน มาเร็วไปนะ นี่พึ่งจะ 10 โมงเช้า ฉันยังทำใจไม่ได้ แต่คนอย่างโซยู ต้องเลิศและเชิดเท่านั้น พร้อม!
ตื๊ด~
“ให้เขาเข้ามาค่ะ” ฉันบอกกับพี่มุกพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเขาตามมารยาท ถึงในใจจริง ๆ จะไล่ให้กลับไปมากกว่า
แอด!
“เชิญค่ะคุณภาคิน” เสียงของพี่มุก และเสียงเปิดประตูห้องทำงานฉันดังขึ้นพร้อมกับนายภาคินที่เดินเข้ามาในห้อง ด้านหลังของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งตามหลังเข้ามา ดูแล้วน่าจะเป็นเลขาส่วนตัวของเขา
เขาเดินมานั่งลงที่โซฟารับแขกหน้าโต๊ะทำงานของฉัน และมีเลขาของเขานั่งอยู่ที่โซฟาด้านข้างอีกที วันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ เป็นสีประจำตัวเขาเลยแหละฉันว่า ดูเป็นผู้ชายมืดมนดี เหมือนจิตใจของเขา
“ขอโทษนะคะ...คุณภาคินจะรับเป็นกาแฟหรือชาดีคะ แล้วก็คุณเลขาด้วย” พี่มุกเลขาของฉันกระซิบถามเลขาของภาคินอย่างเบา ๆ ส่วนเขาก็เอาแต่จ้องหน้าฉันแล้วส่งยิ้มให้
“คุณคินขอเป็นกาแฟดำค่ะ ฉันขอน้ำเปล่าละกันค่ะ” แล้วพี่มุกก็รีบเดินออกไปจัดแจงให้ทันที
“จะยืนอย่างนั้นอีกนานมั้ยครับ” เขาถามฉันที่ยืนกอดอกมองหน้าเขา ส่วนเขาเองก็ยิ้มเยาะกวนประสาทฉันเหมือนกัน
“ขอบคุณที่วุ่นวายกับฉันค่ะ” ฉันตอกกลับอย่างหมั่นไส้
“นั่งลงเหอะ ขาก็ใหญ่มองแล้วไม่เจริญตาเลย”
“นี่...!” อยากจะด่าก็ต้องทนเอาไว้ ฉันได้แต่เดินไปนั่งลงตรงข้ามเขาอย่างหงุดหงิด จังหวะเดียวกันพี่มุกก็เดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องดื่มพอดี
“มาทำธุระของเราให้เสร็จดีกว่า” เสียงทุ้มพูดพร้อมกับที่เลขาของเขาหยิบแฟ้มเอกสารออกมากางตรงหน้าฉัน
“นี่เป็นเอกสารการขายหุ้นนะคะคุณโซยู รบกวนอ่านรายละเอียด และเซ็นตรงนี้ด้วยค่ะ” ฉันรับเอกสารจากเลขาของภาคินมาไล่อ่านทีละส่วน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่พ่อกับแม่ฉันสร้างมากับมือ พี่นะพี่ อย่าให้เจอตัว
เมื่ออ่านรายละเอียดเรียบร้อยแล้วฉันก็เซ็นลงบนเอกสารอย่างจำใจ ในช่องข้าง ๆ มีลายเซ็นพี่อยู่ก่อนแล้ว นี่คงเซ็นไว้ก่อนจะไปสินะเนี่ย หลังจากเซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้วเลขาของเขาก็เก็บแฟ้มเอกสารคืน ก่อนที่เขาจะบอกให้เธอลงไปรอที่รถ เพื่อจะขอคุยธุระกับฉันก่อน ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแค่เราสองคนเท่านั้น
“มีธุระอะไร”
“ลืมเรื่องที่ฉันบอกเธอไปหรือยัง”
“เรื่องอะไร เรื่องในชีวิตฉันมันเยอะมากพอละ เรื่องไร้สาระไม่จำหรอก” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้น และหันหลังเพื่อที่จะเดินไปที่โต๊ะทำงาน นั่งมองหน้าเขานาน ๆ มันทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา
เมื่อฉันลุกขึ้นยืนและกำลังจะก้าวขาเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก็โดนมือหนาของภาคินกระชากแขนฉันไปด้านหลัง ทำให้เซนั่งลงบนตักของเขาพอดี มือของภาคินกอดรัดฉันจากด้านหลัง และจับแขนทั้งสองข้างไว้เพื่อไม่ให้ดิ้นหนี
“ปล่อย” ฉันพยายามดิ้นทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่บนตักเขา
“อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นเธอก็ยิ่งถูอะไรต่อมิอะไรของฉันนะ” คำพูดของเขาทำให้ฉันนั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง อี๋! มันไปถูอะไร ๆ ของนายบ้างเนี่ย
“ต้องการอะไรอีก หมดธุระแล้วก็เชิญ”
“ถ้าเธอเอ่ยปากไล่ฉันอีกทีนะ ฉันจูบจริง ๆ ด้วย รอยแดงเมื่อคืนมันหายแล้วหรือไง ถึงกลับมาปากเก่งได้อีก” พูดถึงทำไมเนี่ย!
“มีธุระอะไรก็บอกมาสิ แล้วเอาหน้าออกไปจากคอฉันได้มั้ย มันขนลุก” ลมหายใจร้อนของเขาที่เป่ารดต้นคอกำลังทำให้ฉันจั๊กจี้
“ฉันถามว่าเธอลืมเรื่องที่ฉันบอกไปหรือยัง” ถามจบเขาก็ค่อย ๆ ไล่จูบตามหัวไหล่และต้นคอฉัน เหมือนกำลังเร่งให้ฉันคิดคำตอบ ยิ่งทำแบบนี้ใครจะไปคิดออกกัน
“เรื่องอะไร มันมีหลายเรื่องที่บอกฉันนี่ อย่านะ เอามือออกไป” มือหนาพยายามจะดึงสายเดี่ยวชุดทำงานออก แต่ก็โดนมือเล็กที่ดิ้นหลุดออกมาจับไว้ก่อนที่มันจะหลุดติดมือเขาไป
“ฉันให้เธอคิดอีกที ก่อนที่ฉันจะถอดไอ้ชุดบ้านี่ออก” น้ำเสียงที่เริ่มแสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน ชุดบ้างั้นเหรอ
“ฉันนึกออกแล้ว แต่นายต้องปล่อยฉันก่อน” ตอนนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อนอันดับแรก
“เธอคิดว่าเธอกำลังสั่งใคร ถ้าเธอยังไม่ยอมบอก ฉันจะถอดชุดนี้ออกมันตรงนี้จริง ๆ” ปากไม่พูดเปล่า แต่มือของเขาก็กำลังจะดึงมันออก
“นายบอกว่าให้ฉันเอาชุดที่มันโชว์เกินไป...ไปโยนทิ้ง เรื่องนี้ใช่มั้ย” ฉันรีบพูดไปก่อนที่ตัวเองจะอยู่ในสภาพโป๊
“ใช่ แล้วนี่อะไร ชุดสายเดี่ยว ของของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครมอง” พูดอะไรน่ะ
“ฉันมีเสื้อคลุม นายไม่ต้องมาสั่งฉัน ไม่ใช่พ่อสักหน่อย” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่เสื้อคลุมสีแดงที่พาดอยู่บนเก้าอี้ทำงานของฉัน
“ไม่ใช่พ่อหรอก แต่เถียงมาก ๆ เข้าระหว่างจะได้สามีนะ หรือว่าอยากได้ฉันอยู่แล้วเลยทำเป็นเล่นตัว เธอไม่ต้องเล่นไปมากกว่านี้ก็ได้นะ ฉันจ่ายส่วนต่างให้พี่เธอไปเยอะพอสมควรเลย”
พลั่ก!
ฉันกระแทกส้นสูงลงบนเท้าของเขาอย่างจัง ทำให้เขาปล่อยมือออกมาจากการกอดฉันอย่างลืมตัว เมื่อได้โอกาสจึงรีบลุกออกห่างจากตัวเขาอย่างรวดเร็ว พี่ฉันติดหนี้นายก็จริง แต่พูดดูถูกยังกับว่าพี่ฉันเห็นแก่เงินแล้วกล้าขายฉันให้กับนายอย่างนั้นแหละ
“อย่ามาพูดดูถูกพี่ฉันเหมือนกับว่าพี่ขายฉันให้กับนายนะ ฉันยอมรับว่าพี่ฉันพลาดที่ไปติดหนี้นาย แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกพี่ฉัน และอีกอย่างอย่าคิดว่าผู้หญิงทุกคนมันจะอยากได้นายทำพันธุ์ไปซะหมดทุกคน จำเอาไว้” เมื่อตั้งหลักได้ฉันก็สวดยาวอย่างโมโห เขาลุกขึ้นจากโซฟา และจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
“งั้นฉันจะบอกอะไรให้ก็แล้วกัน ว่าพี่เธอนั่นแหละที่เป็นคนขายเธอให้กับฉัน พี่เธอขายทั้งหุ้นบริษัท และขายเธอเพื่อแลกกับเงิน ในเมื่อฉันซื้อเธอมาแพง ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มามอง” ไม่จริง!
“พี่ฉันไม่มีทางเห็นแก่เงินแล้วกล้าขายน้องตัวเองแน่”
“แต่พี่เธอทำไปแล้ว ยอมรับความจริงซะ ต่อจากนี้เธอก็แค่ยอมทำตามที่ฉันสั่งก็พอ”
“ฉันจะให้ใครมอง หรือให้ใครจับตรงไหนมันก็สิทธิ์ของฉัน นายจ่ายเงินให้พี่ นายก็ไปเอาตัวพี่มาอยู่กับนายสิ มันไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด”
พึ่บ! เขาพุ่งเขามากระชากแขนฉันเข้าหาตัวเขาอย่างแรง
“เธอคิดว่าสถานะตอนนี้มีสิทธิ์มาเถียงฉันหรือไง พี่เธอก็อยู่กับฉัน และตัวเธอก็กำลังจะเป็นของฉัน”
“ฉันเกลียดนาย” ขอบตาที่เริ่มร้อนกำลังจะกลั้นน้ำตาของฉันไว้ไม่อยู่ ฉันโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวมันก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี่ยังต้องมาเจอความจริงที่พี่ขายฉันเพื่อแลกกับเงินอีก
“โซ...”
“ฉันเกลียดนายได้ยินมั้ย ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนความรู้สึกตัวเองได้ นายจะทำอะไรฉันไม่รู้ แต่ฉันจะอยู่เกลียดนายไปอย่างนี้ตลอด แล้วอย่าหวังว่าฉันจะให้อภัย” น้ำตาของความอ่อนแอกำลังไหลอาบแก้ม มันน่าอายที่ฉันแสดงมันออกมาต่อหน้าฉันคนที่ฉันเกลียด แต่ฉันไม่ไหวแล้วกับความจริงที่พี่ทรยศฉัน