เสน่ห์ร้าย บทที่ 2
“ต้องการอะไร”
ฉันหยุดยืนตรงหน้าของผู้ชายที่ยืนพิงขอบโต๊ะจ้องหน้าฉันเช่นกัน เขาไม่ยอมพูดอะไร เพียงแต่เดินเข้าไปในห้องทำงานของฉันอย่างถือวิสาสะ และมองไปรอบห้อง
“อยากได้ห้องทำงานห้องนี้”
“ไม่จำเป็นก็ได้มั้งคะ เพราะฉันจะไม่ยอมเซ็น” เข้ามาก็มาบอกว่าอยากได้ห้องทำงานฉัน มันจะมากไปหน่อยมั้ง
“ก็อย่างที่บอก ผมอยากได้ห้องทำงานห้องนี้ เพราะอีกไม่นานผมจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทนี้แล้วนะ ยังไม่ได้อ่านจดหมายเหรอครับ” เขาพูดพร้อมนั่งพิงมองหน้าฉันอย่างหาเรื่อง
ผมดำสนิท ผิวขาวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ดวงตาสีนิลมีเสน่ห์ สันจมูกโด่งรับกับรูปหน้า ริมฝีปากแดงนั่น สรุปถ้าไม่ได้เป็นหมอนี่ฉันจะยอมรับเลยนะว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมากคนหนึ่ง แต่เพราะเป็นเขา คนที่ฉันเกลียดเข้ากระดูกดำ
“อ่านแล้ว ก็บอกไปแล้วไงว่าจะไม่เซ็น” ฉันพูดอย่างอดทน ใจเย็นไว้โซยู
“งั้นเหรอ”
“ฉันจะหาเงินมาคืน”
“ได้สิ ก่อน 5 โมงเย็นวันนี้ ฉันจะรอ” จะบ้าหรือไง
“เป็นบ้าหรือไง ไม่ใช่เงินหลักร้อยนะ”
“ก็ถ้าไม่มีปัญญาก็อยู่เงียบ ๆ แล้วเซ็นรับไปแค่นั้น คิดถึงความปลอดภัยของพี่เธอด้วย ฉันไม่ใช่คนใจดีหรอกนะ เงินจำนวนขนาดนั้นน่ะ” จะเอาคืนฉันมากกว่าถึงมาเล่นวิธีแบบนี้
“เล่นแบบนี้ใช่ไหม...เอาพี่ไปไว้ที่ไหน”
“พี่เธอเหรอ ไปอยู่ต่างประเทศสักพัก ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนเธอ ฉันจะดูแลเป็นพิเศษเอง” ตอนนี้ฉันไม่สนใจพี่ฉันละ ฉันสนใจคำสุดท้ายที่เขาพูด
“ดูแลฉันเป็นพิเศษเหรอ ต้องการอะไรอีก ทำให้น้องฉันฆ่าตัวตายแล้วยังจะให้พี่ฉันตายด้วยหรือไง เมื่อไรนายจะตาย” ฉันไม่เข้าใจ ทำไมน้องฉันถึงรักคนแบบนี้ไปได้ เขาเปลี่ยนสายตาเป็นนิ่งขรึมทันทีเมื่อฉันพูดถึงเรื่องการตายของน้องสาว สีหน้าแบบนี้ไม่ได้สำนึกอะไรเลยสินะ
“คนอย่างเธอไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยสินะ นอกจากเรื่องตัวเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแสดงถึงอาการหงุดหงิด
“นายเองก็ไม่เคยสำนึกเลยสักนิด ที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องตาย” นายหงุดหงิดฉัน แต่ฉันเกลียดนาย
เขาไม่พูดอะไร เอาแต่เงียบ หึ! ฉันพูดแทงใจดำสินะ ฉันคนนี้แหละที่จะทำให้นายสำนึกเอง ต่อจากนี้
“ว่าแต่จะดูแลฉันไหวเหรอ” ทั้งฉันและเขาต่างจ้องหน้ากัน
“เธอนั่นแหละทนฉันไหวเหรอ”
“พรุ่งนี้รีบมาล่ะ อดใจรอไม่ไหวละ”
“พรุ่งนี้ฉันจะเอาสัญญามาให้เธอเซ็น แล้วหวังว่าเธอจะไม่หนีหายไปไหน”
“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องหนี และหลบหน้าใคร...เอ๋! หรือว่าที่นายแวะมาที่นี่วันนี้ เพราะอยากเห็นหน้าฉันหรือเปล่า ไม่ต้องคิดถึงมากก็ได้นะ ฉันพึ่งเกือบจะเผาบ้านนายเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาเอง” พูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ รู้แบบนี้เผาไปให้หมดเลยซะก็ดี เขามองหน้าฉันแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ อะไร! หน้าฉันมันมีอะไรติดอยู่หรือไง
“นั่นสินะ...นี่ฉันมาที่นี่เพราะฉันอยากเห็นหน้าเธอเหรอเนี่ย งั้นอีก 3 วันเธอเตรียมตัวย้ายของทั้งหมดเข้าไปอยู่บ้านฉันได้เลย เพราะฉันจะได้เห็นหน้าเธอทุกวัน”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร มาสั่งให้ฉันต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นที่นี่” มันเหมือนกับการเอาชีวิตตัวเองไปโยนทิ้งดี ๆ นี่เอง เขาไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่เอื้อมมือไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่อยู่บนโต๊ะก่อนจะหยิบเอกสารที่อยู่ด้านในออกมาวางลงตรงมาหน้าฉัน
“สิทธิ์ของการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทนี้ และพี่ของเธอได้เซ็นสัญญาการส่งตัวเธอไปทำงานกับฉันไว้เรียบร้อยแล้ว” อย่ามาตลก! ไม่จริง ฉันรีบเดินเข้าไปคว้าเอาเอกสารที่อยู่บนโต๊ะมาไล่ดูอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองอีกครั้ง เอกสารใบอื่นที่อยู่ด้านหลัง เพราะฉันอ่านไม่ละเอียด ลายเซ็นของพี่ถูกต้องแน่นอน
“...!”
ทำไมพี่ทำกับฉันแบบนี้ เป็นคนที่ฉันเชื่อใจมากที่สุด ให้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัท ให้บริหารดูแลมาตลอด แต่ตอนนี้พี่กำลังหักหลังฉันด้วยการหนีหายไปคนเดียวแล้วทิ้งให้ฉันต้องสู้กับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ แย่มาก! แย่ที่สุด! แต่ที่แย่กว่าก็คือเขา คนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าฉันอย่างผู้ชนะ
“ทำงานก็ส่วนทำงาน มันไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ฉันต้องไปอยู่บ้านนายเลย” หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ไป
“ฉันรับปากกับพี่เธอไว้แล้วว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด” รอยยิ้มของผู้ชนะนั้น เห็นกี่ครั้งก็จะอ้วก อย่าเอาพี่ฉันมาอ้าง เขารู้ว่าฉันเกลียดเขา คิดจะทำให้ฉันตายหรือไง แค่เห็นหน้าฉันก็เอียนแล้ว
“ไม่ต้องเอาพี่ฉันมาอ้าง ถ้าฉันไม่ไปใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้” ฉันพูดพร้อมกับจ้องหน้าเขา
“อย่าลืมสิว่าพี่เธอยังอยู่กับฉันนะ ถึงจะแค่ไปทำงานให้ฉันที่นั่น แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะทำอะไรเขาไม่ได้” คำพูดนิ่ง ๆ ที่ท้าทายของเขากำลังทำให้ฉันหมดทางเลือก อยากจะทำเป็นไม่สนใจไปซะเลย แต่ยังไงเราก็เหลือกันแค่ 2 คนพี่น้องแล้ว ถึงฉันจะโดนทิ้งให้อยู่ในสภาพแบบนี้ก็เถอะ อยากเจอฉันมากใช่ไหม เดี๋ยวฉันจัดให้ แล้วเรามาดูกันว่าฉันกับนายใครมันจะเป็นโรคประสาทก่อนกัน
“อยากเจอฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ แอบสนใจฉันหรือเปล่าคะคุณภาคิน”
ฉันพูดพร้อมเขย่งขาขึ้นนั่งบนขอบโต๊ะทำงาน และโน้มหน้าลงไปใกล้ ๆ หน้าเขา คิดจะเล่นสงครามประสาทกับฉัน เดี๋ยวจะอ่อยให้ติดหนึบแล้วเหยียบให้มิดเลย
“พึ่งรู้ตัวเหรอ”
ภาคินพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ทำให้ฉันต้องรีบดีดตัวออกจากโต๊ะ และยืนขึ้นเพื่อตั้งหลักใหม่ ไอ้บ้า! ปากเขาเกือบโดนปากฉันแล้วนะ จะพลาดอีกไม่ได้ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกก็เถอะ ดูเขาจะพอใจกับท่าทีตกใจของฉันมาก
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ตลกมากหรือไง” ฉันถามกลับอย่างอารมณ์เสีย
“ก็ไม่เท่าไร...เอาละ ฉันหมดธุระแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน อย่าหนีล่ะ แล้วอีก 3 วันอย่าลืมเตรียมของไว้ แล้วรอให้ฉันไปรับแบบสวย ๆ อย่าสร้างปัญหา” ฉันนี่แหละจะเป็นปัญหา เขาพูดพร้อมกับลุกออกมาโต๊ะทำงานแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่กลับเอื้อมมือมาดึงเอวฉันเข้าประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดันหลังฉันชิดกับผนังห้อง
“กรี๊ด! จะทำอะไร” ตาสีนิลจ้องลึกเข้าไปในตาฉัน เหมือนพยายามที่จะค้นหาอะไรสักอย่าง
“...”
“ปล่อย” ถึงจะสั่งให้ปล่อย แต่เหมือนจะไม่ได้ผล เพราะนอกจากเขาจะเงียบแล้ว ยังเบียดอกกว้างเข้ามาชิดมากกว่าเดิม
“...”
“จะเงียบอีกนานไหม”
สุดจะทนแล้วเอาแต่เงียบ เอาแต่จ้องหน้า ฉันยิ่งเกลียดนายอยู่ยังจะเอาหน้ามาใกล้อีกครั้ง ยิ่งถามก็ยิ่งเงียบ คนถูกถามก็เอาแต่เพียงแค่จ้องตาเท่านั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นี่ไม่ใช่ละครนะที่พระนางจะค่อย ๆ เอาหน้ามาใกล้กันก่อนจะจูบ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ถึงนายจะหล่อมากแต่ฉันเกลียดนาย
“จะเงียบให้มันได้อะไร ปล่อยฉันแล้วเชิญ จะไปไหนก็ไป ฉันกะ...อื้อ อื้อ”
เสียงที่กำลังด่าคนตรงหน้าหายกลับเข้าไปในลำคอ เพราะคนตัวใหญ่ก้มหน้าลงประกบจูบอย่างรวดเร็ว ลิ้นร้อนชื้นพยายามจะเข้าชิมรสหวานในริมฝีปากแดงสด มือบางทั้ง 2 ข้างที่พยายามทุบตีอกกว้างถูกรวบด้วยมือหนาดึงขึ้นไว้เหนือหัวด้วยเพียงมือข้างเดียวของเขา หมดสิ้นทางหนีใด ๆ ขาเล็กที่พยายามดีดดิ้นหาทางออกก็ถูกขาของคนตัวใหญ่แทรกกลางระหว่างขาทั้ง2ข้าง ลิ้นชื้นของคนตัวใหญ่พยายามจะดันเข้ามาในปากบางอย่างยากลำบาก คนตัวเล็กก็พยายามจะเม้มริมฝีปากหนีอย่างยากลำบากเช่นกัน
“อื้อ!” เสียงคนตัวเล็กพยายามส่งเสียงทักท้วงเมื่อลิ้นร้อนเข้าไปในปากของเธอได้สำเร็จ ลิ้นของเขาหยอกล้อเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กอย่างพอใจ
คนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเหนื่อยจากการดิ้น เปลี่ยนมาเป็นส่งเสียงในลำคอแทน และพยายามจะหันหน้าหนี ยิ่งหนีเขาก็ยิ่งไล่ต้อน ดูเหมือนว่าคนตัวใหญ่จะพอใจพอสมควรแล้วจึงถอนริมฝีปากออกช้า ๆ คนตัวเล็ก เมื่อได้หลุดพ้นออกจากพันธนาการของคนตรงหน้าแล้วก็หอบหายใจเหมือนปลาขาดน้ำทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้
เธอดูแรง ดูตรง ดูสง่า แต่กับเรื่องแบบนี้เธอดูเหมือนลูกกวางตัวน้อย ๆ ที่โดนหมาป่าไล่ต้อนจนจนมุมซะมากกว่า ภาคินค่อย ๆ ก้มหน้าลงมาแล้วกระซิบข้างหู พูดทิ้งท้ายก่อนออกจากห้องทำงานฉันไป ประโยคที่ทำให้เสียงเต้นของหัวใจมันดังจนฉันแทบบ้า!
“ฉันเคยเจอคนที่สวยกว่าเธอนะ แต่ฉันสนใจเธอมากกว่าคนอื่นที่ฉันเคยเจออีก ... แล้วพบกัน” ไอ้บ้านี่!
ณ บริษัท เจ.ที กรูปมหาชนจำกัด (บริษัทของคิน)
ร่างสูงสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำนั่งพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบาย ในใจก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พึ่งจะเคยชิมรสหวานขนาดนี้เป็นครั้งแรก ริมฝีปากนุ่มนั่นกำลังทำให้ใจเขาปั่นป่วน มีโอกาสได้คุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกก็ไม่อยากทำให้ตื่นตูมขนาดนี้ แต่ท่าทางที่เหมือนเด็กกวนประสาท ชอบท้าทายนั่นทำให้เขาอดใจไม่ไหว ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามที่ตัวเขาต้องการ
เหตุการณ์ที่เธอเกือบจะเผาบ้านเขายังติดอยู่ในใจมาตลอด เธอกล้าที่จะบุกมาบ้านเขาคนเดียว ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีแต่ผู้ชายเต็มบ้าน ไหนจะบรรดาลูกน้องอีกเป็นสิบ ๆ ชีวิต แต่เธอกล้าที่จะเอาพวงหรีดเป็นสิบพวงมาวางเผาหน้าบ้าน แล้วเรื่องที่เธอเข้าใจผิดเรื่องการตายของน้องสาวเธออีกทำให้เขาปวดประสาท ในใจก็อยากจะอธิบายเรื่องจริงทั้งหมดให้มันจบไป แต่ก็กลัวว่าถ้าเธอรู้แล้วเธออาจจะไม่ให้ความสนใจเขาอีกเลยก็ได้ ถึงตอนนี้จะเป็นการสนใจในแบบการเกลียดเขาก็เหอะ
ก๊อก ก๊อก!
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงของเลขาประจำตัวของผมเคาะประตูขออนุญาตก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับกองเอกสาร
“วันนี้ช่วงเย็นคุณคินมีไปร่วมงานวันเกิดคุณหญิงพิมพานะคะ”
เลขาประจำตัวผมพูดพร้อมกับค่อย ๆ วางเอกสารลงบนโต๊ะ แล้วกางออกให้ผมเซ็นทีละชุด การที่ต้องคอยบริหารงานคนเดียว เพราะพ่อกับแม่และพี่ก็พากันดูแลบริษัทฝั่งยุโรปกันหมด ถือว่าเป็นงานหนักพอควรเลย
“ช่วยให้คนเอารถไปล้างให้ทีนะ แล้วก็ช่วยหาของขวัญไว้ให้ด้วย”
เลขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเก็บเอกสารออกจากห้องทำงานผมไป แต่เหมือนจะนึกอะไรออกได้จึงรีบหันกลับมา
“เอ่อ...คุณคินคะ คุณราฟาแจ้งว่าจะเข้ามาพบค่ะ”
“ครับ” ตัวปัญหามาอีกละ ขยันโผล่มาจริง มกุฎราชกุมารลำดับที่ 2 เพื่อนสนิทของผมเอง เป็นถึงเจ้าชาย แต่ไม่เคยจะอยู่ติดประเทศเลยสักครั้ง ขยันโผล่มากวนประสาทตลอด
ณ ห้องทำงานของโซยู
ตอนนี้ฉันเหมือนคนบ้าเต็มทีแล้ว ปวดหัวปวดประสาทอะไรก็ไม่รู้ นี่หลังจากที่เขากลับไปฉันก็ต้องรีบเรียกหุ้นส่วนทุกคนเข้าประชุมเพื่อแจ้งเรื่องการที่จะมีหุ้นส่วนคนใหม่เข้ามาทำงานแทนพี่ ตอนแรกก็มีคนทักท้วงกันเยอะ แต่พอทราบว่าใครจะเข้ามาถือหุ้นในบริษัททุกคนต่างยินดีปรีดากันใหญ่ ให้มันได้แบบนี้สิ แสดงว่าพี่บริหารงานได้ห่วยแตกมากแน่ ๆ แล้วไหนจะเรื่องที่หมอนั่นทำกับฉันไว้อีก อยากจะเอาเป็ดม่วงมาราดลงคอจริง ๆ อย่าคิดว่าทำมาเป็นพูดกับฉันแบบนั้นแล้วฉันจะหวั่นไหวนะ คนอย่างฉันเข้มแข็งพอ เอาเหล็กมาฟาดก็ไม่แตก
“Good morning!” เสียงของเพื่อนสาวตัวดีของฉันดังออกมาจากทางประตูห้องทำงาน อลิส นางแบบสาวสวย เพื่อนสนิทเพียงคนที่ไว้ใจมากที่สุด พอกลับมาจากงานเดินแบบที่ต่างประเทศนี่เสียงดังใหญ่เลยนะ
“ไม่นง ไม่นิ่งแล้ว จะเที่ยงแล้วย่ะ แล้วไหนของฝาก” ยายอลิสเบะปากใส่ทันทีที่ถามหาของฝากมากกว่าจะถามหาเพื่อน ยายนี่นี่
“หัดถามหาเพื่อนบ้างนะ ถามหาแต่ของนิสัยเสียจริง ๆ” ถึงปากจะบ่น แต่ก็โยนถุงใส่กระเป๋ามาให้
“ขอบใจ” ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย เจอแต่เรื่องแย่ ๆ มาทั้งวัน
“แล้วเป็นอะไรทำหน้าเหมือนตูดเลย”
“เห็นด้วยหรือไง พุ่งพรวดเข้ามานึกว่าจะไม่สนหัวใครเลยซะอีก” พอโดนฉันเหน็บหน่อยยายอลิสก็ทำท่าจะเอากรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะปาใส่ฉัน
“ฉันไม่ใช่แกนะที่สนใจแต่ของฝาก ไม่สนใจฉันเลย พูดแล้วเจ็บ เสียใจ” มารยาจริงยายนี่ ฉันเอากล่องกระดาษทิชชูปาใส่ยายอลิสอย่างรำคาญ คนโดนปาก็เอาแต่หัวเราะชอบใจ ยายโรคจิต! เวลาอยู่บนรันเวย์คนละแบบกับที่เห็นตอนนี้เลย
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า... ไหนแกจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมหน้าเหมือนตูดแบบนั้น” เฮ้อ...อลิสเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด และฉันก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับบริษัทตอนนี้ให้ฟัง
“พี่แกนี่มัน น่าจับมาสับ ๆ ให้เละ!” อลิสบ่นพร้อมกับเอามือทุบโต๊ะแบบไม่กลัวเจ็บ
“ฉันก็อยากให้โดนจัดการบ้างสักครั้ง เฮ้อ!”
“แล้วเงินส่วนต่างล่ะ อย่าบอกนะว่าโอนไปให้พี่แกเผาเล่น” นั่นดิ! ลืมถาม
“ฉันลืมถาม” อลิสถอนหายใจใส่หน้าฉันอย่างจัง
“แล้วแกก็ต้องเข้าไปอยู่บ้านเขาอีก ภาคินนี่แทบจะไม่เคยขาดเรื่องผู้หญิงเลยนะ ตัวอันตรายอันดับต้น ๆ เลย”
“มันไม่มีทางเลือกนี่ ถ้าไม่ไป พี่ฉันจะมีสภาพเป็นไงบ้างก็ไม่รู้” ยังไงก็พี่ จะปล่อยให้ตายก็ไม่ได้
“แต่อย่างนี้ก็เข้าทางแกเลย ภาคินคือคนที่ทำให้น้องแกฆ่าตัวตาย ได้อยู่ใกล้เขามันยิ่งทำให้ทำอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น” ก็จริง! ต่อจากนี้ตาฉันบ้างละนะ
“เออ แล้วถ้าเป็นแกที่ต้องเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับคนที่แกเกลียดจะทำไง” อลิสทำหน้าคิดหนัก
“ไม่รู้สิ ฉันเป็นคนดี ไม่ชั่วแบบแก ฉันคิดไม่ออก”
“แล้วอีคนที่บอกว่าเข้าทางฉัน จัดการอะไรง่ายขึ้นนี่มันแกไม่ใช่หรือไง” ฉันพูดพร้อมกับยกกล่องกระดาษทิชชูเคาะหัวอลิสไปอีกทีหนึ่ง
“เออ แล้วเย็นนี้ไปงานวันเกิดคุณพิมพาปะคะเพื่อน!”
“ไปสิ นี่ยังไม่ได้เตรียมชุดเลย พึ่งประชุมเสร็จ”
“ไป เดี๋ยวพี่จะพาไปแต่งสวยนะ”
“จ้า” แล้วเราทั้งคู่ก็ออกจากบริษัท เพื่อเตรียมตัวไปร่วมงานวันเกิดคืนนี้ เฮ้อ! ปวดหัวมาทั้งวัน หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้ปวดหัวอีกแล้วนะวันนี้