บทที่ 9 ผู้ชายปลาหมึก! 1
บทที่ 9
ผู้ชายปลาหมึก!
รุ่งเช้าของวันต่อมา
แปร๊ดดดดดดดดดดดดดดปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงเป่าเขาควายเป็นท่วงทำนองอ่อนหวาน ปลุกให้คนในละแวกนั้นที่ยังคงหลับใหลได้ตื่นขึ้นมาในยามเช้าอย่างพร้อมเพรียง หลายๆคนกระวีกระวาดออกมาซื้อหมู แต่สำหรับเธอแล้ว…ก็ลุกมาเพื่อเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากสดชื่น ตาสว่างดีแล้ว นาวิกาก็อดที่จะเดินออกไปหยุดยืนตรงหน้าต่างเหมือนเมื่อวานนี้ไม่ได้ สายตาทั้งสองข้างพุ่งตรงไปยังจุดที่ใต้ต้นตะขบก่อนเป็นอันดับแรก และเธอก็ได้พบ…เขาจริงๆ
“เฮ้ย! มาอีกแล้วเหรอ” เธออุทานเสียงดัง และก็ได้เห็นหน้าหล่อๆยิ้มกว้างมาให้เธอแต่ไกล
หญิงสาวรีบหันไปคว้าผ้าขนหนูมาพาดบนไหล่ก่อนจะเดินฉับๆเปิดประตูออกไปทันที ตั้งใจจะไปหาเรื่องเขาเต็มที่ แต่พอเดินไปถึงต้นตะขบ เขากลับยื่นถุงอะไรบางอย่างให้ จนเธอต้องชะงักกึก ปากที่เตรียมจะอ้าออกด่าเขาก็เปลี่ยนเป็นถามด้วยความสงสัยแทน
“อะไร”
“เปิดดูเองสิ” ศิวาบอก ซึ่งเธอก็รับไปแต่โดยดี และทันทีที่เธอก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในถุง เธอก็เบิกตากว้างทันที
“มะขวิด!!”
“ใช่ มะขวิด ความจริงผมก็ไม่รู้จักหรอกนะว่ามะขวิดมันมีรูปร่างเป็นยังไง แต่ผมก็ให้ลูกน้องของผมไปหาซื้อมา หายากนะจะบอกให้ ลูกละตั้งสิบบาท ผมซื้อมาให้คุณตั้ง5ลูก ว่าไงล่ะ เปลี่ยนใจจะไปทำงานกับผมมั้ย” ประโยคหลังเขาถามด้วยเสียงกริ่มๆ ก่อนจะผวาเล็กน้อยเมื่อเห็นนาวิกาหยิบลูกมะขวิดลูกใหญ่กว่ากำปั้นขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ผมถามแค่นี้ ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ”
นาวิกาไม่ตอบอะไรเขา แต่กลับฟาดลูกมะขวิดลูกกลมๆในมือเข้าที่ต้นตะขบอย่างแรงจนลูกมะขวิดแตกออกมาจนเห็นเม็ดสีน้ำตาลเข้มข้างในอย่างชัดเจน
โพล๊ะ!
“เอ่อ วันนี้ผมไม่กวนคุณแล้วก็ได้ ลาล่ะ” ภาพความจำตอนที่เธอเงื้อไม้กวาดฟาดหลังจนเขายังเจ็บไม่หายถึงวันนี้ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึก เขาจึงตัดสินใจหมุนร่างเดินตรงไปยังรถทันทีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งแล้วขับจากไปโดยมีสายตางุนงงของนาวิกามองตามไปด้วยความไม่เข้าใจ
“กลัวอะไรของเขาวะ งงกับผู้ชายคนนี้จริงๆ” นาวิกาบ่นงึมงำก่อนจะเลิกสนใจพฤติกรรมแปลกๆของเขาแล้วก้มหน้าก้มตากินมะขวิดในมืออย่างรวดเร็ว
ที่เธอทุบมะขวิดให้แตกก็เพื่อจะกินเนื้อข้างในของมันนี่แหละ!!
เวลา10.00 น.
ร้านเหล้าวันนี้ดูจะอึมครึมมากเป็นพิเศษ เพราะในช่วงกลางวันไม่ค่อยมีคนเข้าร้าน ปกติลูกค้ามักจะมากันในช่วงหลังเลิกงานจนถึงดึกดื่น แต่สำหรับคนที่กำลังตกงานอย่างเธอ เรื่องเวลาจึงไม่เป็นปัญหา เธออยากจะมากินเมื่อไหร่ก็ได้
ข้อดีของการไม่มีงานก็คือ…มีอิสระ
ส่วนข้อเสียของการตกงานก็คือ…ไม่มีตังค์
“เบาๆหน่อยสินกกา เธอดื่มเยอะแล้วนะ” เสียงหล่อๆของผู้ชายหน้าตาดีแบบเรียบๆที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ทำให้หญิงสาวต้องวางแก้วเหล้าลงพร้อมจ้องหน้าหนุ่มรุ่นพี่ด้วยสายตาเซ็งๆ
“พี่ทดอย่าห้ามฉันเลยค่ะ ตอนนี้ฉันอยากดื่มจริงๆนะ ทั้งเครียดทั้งเบื่อหน่าย”
“เป็นสาวเป็นนาง หัดเครียดมากๆเดี๋ยวจะหน้าแก่ไวนะนกกา” ทศรถพูดเป็นเชิงติดตลกแต่หญิงสาวไม่ยักจะขัน เธอยังคงมีสีหน้าระอาโลกอยู่เหมือนเดิม
“พี่ลองมาตกงานเหมือนฉันดูสิ แล้วพี่จะรู้ว่าความเครียดมันเป็นยังไง”
“ไม่ล่ะ พี่ไม่อยากเจอความเครียดเหมือนเธอ” ทศรถส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นมาจิบ
“เพราะพี่กินน้ำส้มแบบนี้ไง คุณหงส์ถึงว่าพี่เป็นเกย์น่ะ” นาวิกาพูดเสียงอ้อแอ้ มือเรียวยังคงขยันกรอกน้ำใสๆแต่กลิ่นฉุนลงคอเรื่อยๆเหมือนดื่มน้ำเปล่า ในขณะที่ทศรถเหล่ตามองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ก็พี่เป็นเกย์จริงๆ เขารับไม่ได้ก็เรื่องของเขาสิ เขาคงคิดว่าพี่เป็นแฟนเธอล่ะสิ ถึงได้มายุ่งด้วยแบบนั้น”
“คุณหงส์เขาสวยมากนะ พี่ไม่คิดเปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงบ้างเหรอ” นาวิกาวางแก้วเหล้าลงพลางจ้องหน้าทศรถอย่างคาดคั้น ในขณะที่ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มตอบก่อนหลุบเปลือกตาลงมองมือตัวเองแล้วตอบออกมาว่า
“ไม่คิด พี่ชอบผู้ชายมากกว่า น่ารักกว่าผู้หญิงอีก”
“ง่ะ ก็คงมีพี่คนเดียวล่ะมั้งที่พูดแบบนี้”
“ก็พี่เป็นเกย์”
“ใช่ เพราะพี่ทดเป็นเกย์ ถ้าเป็นผู้ชายแท้ๆนะ ไม่มีใครปฏิเสธผู้หญิงสวยๆอย่างคุณหงส์ได้ลงคอหรอก” หญิงสาวพูดอย่างขมขื่น และก็ดูเหมือนทศรถจะเข้าใจความรู้สึกนั้นของสาวรุ่นน้อง มือใหญ่จับมือเรียวขึ้นมากุมไว้อย่างปลอบโยน
“ถึงเธอจะโดนคุณหงส์แย่งแฟนไปหมด แต่อย่างน้อยก็มีพี่ชายคนนี้นะที่ไม่โดนแย่งไป”
“เฮ้อ” เธอระบายลมหายใจออกมาสั้นๆ
“ยังคิดมากเรื่องคุณหงส์อีกเหรอ”
“เปล่าหรอกนะ ฉันแค่กำลังนึกถึงผู้ชายคนหนึ่ง” นาวิการำพึงขึ้น เล่นเอาทศรถรีบปล่อยมือนุ่มแล้วทำตาโตทันทีอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ผู้ชาย?? ใครกัน แฟนเธอเหรอนกกา”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แฟนฉัน”
“อ้าว แล้วเธอจะไปนึกถึงเขาทำไม”
“ฉันแค่กำลังนึกหาสาเหตุที่ทำให้เขามายุ่งกับฉัน”
“มายุ่ง? หมายความว่าไงงั้นเหรอ” ทศรถถามอย่างแปลกใจ ร้อยวันพันปี เขาไม่เคยเห็นนาวิกาจะเก็บเรื่องผู้ชายคนไหนมาคิดมากแบบนี้มาก่อน รายนี้เป็นรายแรก เขาจึงต้องการรู้ให้ได้
“หมายความว่าเขาชอบมายุ่มย่ามกับฉันน่ะสิ”
“ตกลงว่าเป็นคนหรือแมงมุมกันแน่ ถึงได้ยุ่มย่าม” พูดจบ ชายหนุ่มก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ใช่แมงมุมหรอกค่ะ หมอนั่นน่าจะเป็นปลาหมึกมากกว่า” ยิ่งนึกถึงคืนแรกที่เจอกัน แล้วเขากอดเธอเพื่อห้ามไม่ให้เธอตบตีกับคู่ขาของเขา และไหนจะครั้งต่อมาที่เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน แต่เธอเองก็ต้องเสียจูบให้เขาไปหลายที ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แค้นจนอยากระบายออกมาให้ใครสักคนได้ฟัง แต่พอหันมามองท่าทางอยากรู้อย่างไม่คิดปิดบังของคนที่นั่งกางหูผึ่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วปฏิเสธออกมาเสียงเบาหวิวว่า
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่พูดขึ้นมาลอยๆ”
“ผู้ชายคนที่นกกาพูดถึงน่ะ เขาชอบมายุ่งกับเธอเหรอไง”
“ก็…ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ แน่ล่ะสิ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันควรจะจบไปแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังตามมาหาเธอถึงบ้าน มาตามกวนประสาทเธอถึงที่ ทำเหมือนกับว่ามีเรื่องเจ็บแค้นอะไรกับเธอมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“อ๋อ รู้แล้วล่ะ” ทศรถดีดนิ้วเปาะ ตาเป็นประกายวิบวับจนหญิงสาวชักจะแปลกใจ
“รู้อะไรเหรอคะ”
“ผู้ชายคนนั้นคงจะชอบเธอน่ะสิ ไม่งั้นเขาไม่ยุ่งกับเธอจนเธอรำคาญแบบนี้หรอก!!”