บทที่ 9 ผู้ชายปลาหมึก! 2
หนุ่มรุ่นพี่เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงนาวิกาที่นั่งเอ๋อถือแก้วเหล้าค้างอยู่เพียงผู้เดียวในโต๊ะที่ใหญ่พอที่คนจะมานั่งกันได้สามสี่คน
“ผู้ชายคนนั้นคงจะชอบเธอน่ะสิ ไม่งั้นเขาไม่ยุ่งกับเธอจนเธอรำคาญแบบนี้หรอก!!”
คำพูดของทศรถยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทไม่ยอมจางหายไปง่ายๆ ตาคู่งามเบิ่งกว้างจนแทบจะถลนเมื่อนึกถึงท่าทางยียวนและคำพูดจากวนประสาทของเขาทุกครั้งที่พบกับเธอ
ผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขา ไม่มีวันที่เธอจะสนใจเป็นอันขาด ต่อให้เขามีดอกไม้ช่อโตมาให้เธอ หรือบ้านหลังงามยกให้เธอฟรีๆเลยก็ตาม
ความคิดของนาวิกาสะดุดลงเพียงแค่นั้น เมื่อมีแก้วเหล้าถูกยื่นมาเบื้องหน้าเธอ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอก็พบผู้ชายผิวขาวสะอาดคนหนึ่ง ยืนฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างมีมาด มืออีกข้างล้วงอยู่ที่กระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางของคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง
“อะ เอ่อ มีอะไรคะ” หญิงสาวถามตะกุกตะกัก
“ดื่มกันสักแก้วนะครับ” ศินันท์พูด พร้อมกับถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งในฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“ค่ะ” เพื่อมารยาทที่ดี หญิงสาวจึงหยิบแก้วเหล้าของตัวเองไปชนกับแก้วของเขา
“คุณมากับแฟนเหรอครับ” คำถามของเขา ทำให้หญิงสาวนึกรู้ขึ้นมาทันทีว่าเขาคงจับตามองเธอมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว
“เปล่าค่ะ มากับพี่”
“อ้อ ครับ” คราวนี้ในดวงตาดูมีแววคล้ายๆดีใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“ผมชื่อศินันท์ครับ คงไม่รู้จักใช่มั้ยล่ะ”
“ค่ะ” เธอยอมรับออกมาตามตรง ถึงแม้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้จะจัดว่าอยู่ในประเภทหล่อเหลาก็ตาม แต่เธอก็ไม่รู้สึกคุ้นเหมือนเคยเห็นเขาตามสื่อเลยสักนิด
“แต่ถ้าพูดถึงพี่ชายผม รับรองว่าคุณคงรู้จัก” ศินันท์พูดคล่องปรื๋อ ในขณะที่คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงอย่างฉงน แต่ก็สงวนท่าทีไว้พอควร
“พี่ชายของผมชื่อ ศิวา”
คำว่าศิวา ทำให้นาวิการู้สึกใจกระตุกวูบอย่างประหลาด ก่อนที่เธอจะเตือนตัวเองว่า มันคงแค่บังเอิญเท่านั้น คนชื่อศิวามีตั้งหลายคน
“พี่ชายผมเป็นนักธุรกิจ ผมว่าคุณคงรู้จักพี่ผมดีอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่มีข่าวคุณตบกับคุณอรเพื่อแย่งพี่ซีหรอก”
“ข่าวตบกัน?” คราวนี้หน้างามซีดเผือดทันที ความคิดย้อนไปนึกถึงเหตุการณ์ในผับสยามเมื่อคืนนั้น คืนที่เธอได้พบเขาครั้งแรกและได้ปะฝีมือกับอินอร
งั้นแสดงว่าศิวาที่ศินันท์พูดถึงกับศิวาที่เธอรู้จักก็เป็นคนคนเดียวกันน่ะสิ
“ค่ะ แต่คุณคงเข้าใจผิดแล้วนะคะ ฉันไม่เคยคิดตบแย่งพี่ชายคุณ”
“จริงหรือ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ตาตกลงมองที่หน้าอกอวบสร้างที่พุ่งดันเนื้อผ้าออกมาเป็นรูปร่างอย่างชัดเจนด้วยสายตาประหลาดจน นาวิกาเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ดวงตากลมโตอดที่จะมองเปรียบเทียบลักษณะของศิวากับผู้ชายคนนี้อยู่ในใจไม่ได้
ศินันท์ดูหยิบโหย่ง สำอาง เหมือนพวกนายแบบทั่วๆไป
ส่วนศิวาเอาจริงเอาจัง หล่อแบบมีเสน่ห์ของความเป็นบุรุษเพศฉายชัดอยู่เต็มเปี่ยม
“ผมเคยติดตามผลงานละครของคุณ เดี๋ยวนี้คุณไม่แสดงหนังแล้วเหรอครับ” ศินันท์ถามอย่างชวนคุยมากกว่าจะอยากรู้อย่างจริงจัง
“ค่ะ ฉันไม่อยากเป็นนักแสดงแล้ว” เธอตอบพลางยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นจิบ
“ทำไมล่ะครับ”
“…” ไม่มีคำตอบจากหญิงสาว และเขาก็ไม่คิดจะซักไซ้หาคำตอบอีก
“รอนานหรือเปล่านกกา” เสียงห้าวๆของผู้ชายดังขึ้น ทำให้ศินันท์ถึงกับชะงัก เขาเหลือบตาขึ้นมองทศรถเล็กน้อย
“ไม่นานหรอกค่ะพี่ทศ”
“งั้นผมกลับก่อนดีกว่า มีธุระน่ะครับ” ศินันท์ลุกขึ้นยืน พลางก้มลงสบตากับเธออย่างมีความหมาย “หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก”
“เช่นกันค่ะ” นาวิกายิ้มฝืนๆให้มิตรใหม่ ในขณะที่ศินันท์หันไปสบตากับทศรถชั่วครู่หนึ่ง แล้วเดินเลี่ยงออกไป
“ใครกันน่ะนกกา กิ๊กใหม่ของเธอเหรอไง” ทศรถทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ศินันท์เพิ่งลุกไป แล้วถามอย่างอยากรู้
“ไม่ใช่หรอก เขาชื่อศินันท์ค่ะ เขาเข้ามาทักทายฉันเฉยๆ”
“คนรู้จักเธอเหรอ”
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ้าว ไม่รู้จักกันแล้วจะมาทักทายกันได้ไง”
“ไม่รู้เขาสิคะ”
“เธอนี่ดวงดีใหญ่แล้วนะ มีหนุ่มมาทักด้วย” ทศรถกระเซ้า ก่อนจะทำสีหน้าจริงจัง “แต่เธอระวังเอาไว้สักหน่อยก็ดีนะนกกา หมอนี่น่ะ ถึงเขาจะหล่อ แต่แววตาเขาดูหลุกหลิกดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้”
“โอ๊ย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะพี่ทด ยังไงฉันกับเขาก็คงไม่เจอกันอีกแล้ว” หญิงสาวทำท่าสะบัดมือพึ่บพั่บ พลางส่ายหัวไปมาอย่างเห็นเป็นเรื่องขันมากกว่าจะเป็นเรื่องจริงจัง
“เหรอ” ชายหนุ่มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะทำตาโตเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออนี่ เห็นว่าเธอตกงานอยู่”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีเงินติดตัว พี่มีงานจะแนะนำให้ฉันเหรอ”
“ไอ้มีน่ะ มันก็พอมีอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเธอจะทำหรือเปล่านี่สิ วันนึงก็ได้สองร้อยบาท”
“ทำค่ะ”
“มั่นใจจังนะว่าจะทำได้น่ะ”
“งานอะไรก็ได้ ขอให้ทำแล้วได้ตังค์ก็พอ คราวหน้าค่อยคิดหางานใหม่”
ทศรถจ้องหน้านาวิกานิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจบอกออกมาด้วยน้ำเสียงแห้งแล้งว่า “งาน‘รับจ้างหัวเราะ’น่ะ เธอจะว่าไง” !!