บทที่ 6 เมื่อฮิปโปถูกพรากพรหมจรรย์ 2
ความเจ็บช้ำตามใบหน้าที่เกิดจากแรงหมัดของศิวาดูจะจางหายไปจนเกือบหมด เหลือแต่ความกลัวเสียความหนุ่มให้แก่เจ้าของผับเข้ามาแทนที่
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดตามขมับทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศชั้นดีกำลังทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ความสงสัยที่ว่า…ทำไมสวยสมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ดูจะไม่เข้ามาในสมอง ตอนนี้เขาคิดแค่ว่า….ทำไม ทำไมเขาถึงได้โชคร้ายแบบนี้ ทำไมคนที่จะโดนข่มขืนต้องเป็นเขา!!
“อิอิ น่ารักเชียว” สวยสมกระถดตัวลงต่ำพร้อมใช้มือช้อนเจ้าอาวุธขึ้นมาพินิจใกล้ๆอย่างสนอกสนใจ
“อย่า…” เสียงแหบพร่าร้องห้าม “อย่า…อย่ายุ่งกับหนอนน้อยของผม”
“แหม ต้องยุ่งสิคะ เพราะฉันต้องการคุณ มาเป็นของฉันเถอะนะคะ” สวยสมพูดพลางปลุกเร้าส่วนกลางตัวของเขาเต็มที่จนมันเริ่มฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล
“อิอิ” สวยสมหัวเราะอย่างสมใจ ในขณะที่บุญรอดกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นสวยสมทำท่าจะนั่งทับลงที่กลางตัวของเขา
“อย่า!!!!” เขาร้องห้ามสุดเสียง แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อเจ้าของผับสุดร้อนแรงนั่งทับลงมาเต็มที่ เล่นเอาหนุ่มหัวล้านถึงกับสะอึกด้วยความจุก
แอ้ก!
เสียงเหมือนคนใกล้จะช้ำในดังขึ้น ในขณะที่สวยสมยังคงตั้งหน้าตั้งตาขยับสะโพกขึ้นลงเป็นจังหวะหนักหน่วง แต่บุญรอดนี่สิ…หน้าเขียวปนม่วงเหมือนจะขาดใจ
“คะ ค่อยๆก็ได้” บุญรอดร้องขอ
“ไม่ได้ค่ะ เบาๆมันไม่ถึงใจฉัน” สวยสมพูดเสียงกระหยิ่ม ร่างอวบอ้วนเหมือนนางในวรรณคดี (ผีเสื้อสมุทร) ยังคงบรรเลงรักบนตัวของบุญรอดต่อไปชนิดไม่คิดจะสงสารคนที่นอนน้ำตาไหลพรากเลยสักนิด
บุญรอดได้แต่นอนเฉยปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม น้ำตาของไอ้หนุ่มที่เพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ให้กับสาวใหญ่ที่เชี่ยวชาญเรื่องบทรักไหลลงมาเป็นทาง เขาทนนอนนิ่งอยู่แบบนั้นอีกครู่หนึ่งจนกระทั่งสวยสมหมดแรงล้มฟุบไปนอนข้างๆตัวเขาพร้อมเอาแขนอวบเหมือนต้นกล้วยมาวางทับบนพุงพลุ้ยๆของเขาอย่างแสนเสน่หา และช่วงจังหวะนี้นี่เองที่บุญรอดได้ตะโกนออกมาเสียงดังเหมือนคนที่สิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างว่า
“ทำไม ทำไมต้องเป็นผม โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ! ”
เช้าวันนี้ดูจะเหมือนเช้าวันอื่นๆที่แสนน่าเบื่อหน่าย วิถีชีวิตที่จืดชืดไร้รสชาติกำลังดำเนินต่อไปเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนไปเรื่อยๆอย่างไม่มีสิ้นสุด
ร่างสูงนั่งอยู่หน้าโต๊ะที่มีแฟ้มเอกสารมากมายวางกองอยู่ คิ้วเข้มยาวขมวดมุ่น ตาคมดุหลุบลงมองแผ่นเอกสารในมือ ก่อนจะตวัดปลายปากกาเซ็นลงไปอย่างรวดเร็ว
ลมหายใจร้อนๆถูกระบายออกจากจมูกโด่งเป็นสันยืดยาว ก่อนที่ศิวาจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ มือหนาประสานกันนิ่งบริเวณหน้าอก ริมฝีปากสีแดงตามธรรมชาติเหยียดออกจนเป็นเส้นตรง
ทุกๆวัน ชีวิตของเขาได้ดำเนินไปโดยมีจุดมุ่งหมายคือ…กำไรเป็นหลัก
สมองของเขามีไว้เพื่อคิดวิธีการที่จะเพิ่มจำนวนเงินในธนาคารให้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนเครื่องจักร…ที่ต่อให้เหนื่อยแต่ก็ต้องทำงานต่อไป หยุดพักไม่ได้
วันเวลาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียนหนังสือ จวบจนกระทั่งเขาได้เป็นผู้บริหารสูงสุดในบริษัทยักษ์ใหญ่วนเวียนเข้ามาในสมองครั้งแล้วครั้งเล่า
ความทรงจำที่น่าเบื่อแต่เขากลับจำได้ทุกขั้นตอนเหมือนทุกเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ยามเด็ก…เขาต้องเรียนหนังสืออย่างหนัก รวมทั้งต้องหาเวลาเรียนพิเศษไปด้วยจนไม่มีเวลาไปเล่นสนุกเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
เมื่อเรียนเก่ง เขาก็ถูกเลื่อนชั้นให้ขึ้นไปอยู่ในระดับชั้นที่สูงขึ้นก่อนเวลาสมควร ทำให้เขาไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันอยู่ร่วมห้องด้วยเลย
ความแตกต่าง ทำให้เขาเก็บตัวเงียบและตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไปจนจบปริญญาโทจากอเมริกาด้วยอายุที่ยังน้อย
เมื่อเรียนจบแล้วต้องมาทำงานในบริษัทตัวเอง ชีวิตของเขาก็ยังคงดำเนินไปเหมือนเมื่อช่วงเรียนไม่มีผิด
ตอนเช้า…รีบลุกแต่งตัว ทานข้าว แล้วออกจากบ้าน
ตอนเย็น…กลับบ้าน อาบน้ำ กินข้าว แล้วเข้านอน มีบางครั้งที่เขาจะไปหาสถานที่ผ่อนคลายสมองบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก
ทุกๆวัน เขาต้องใช้แต่สมองอย่างหนัก
จนมาวันนี้ ชีวิตที่แสนจืดชืดของเขาเริ่มจางลงไป เมื่อใบหน้าของใครบางคนปรากฏขึ้นมาในความคิด
หน้าเฉี่ยวๆ หุ่นเซ็กซี่ แต่ปากคอเราะร้าย แถมชอบวีนเป็นที่หนึ่ง
สมองของเขาเริ่มหยุดสั่งการ สิ่งที่จะออกมาทำหน้าที่แทนสมองคือ…หัวใจ
น่าแปลก ที่เขากลับรู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่พบหน้าเธอ
ศิวายิ้มออกมานิดๆเมื่อนึกถึงวันแรกที่พบกับเธอ เพียงวันแรกที่เจอกัน เขาก็ได้เจอฉากตบของเธอกับอินอร
และวันที่สองที่พบกัน เธอกลับดูน่าสงสารมาก เธอจะโดนข่มขืน โชคดีเหลือเกินที่เขาไปช่วยเธอได้ทัน ไม่เช่นนั้น…เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกยังไงหากเธอโดนย่ำยีแบบนั้น
และเธอก็ทำให้เขาต้องอึ้งอีกครั้ง ถึงแม้จะเจอเรื่องร้ายๆมา แต่เธอก็ยังคงแสบชนิดทิงเจอร์เรียกพี่ด้วยการแก้เผ็ดหนุ่มหัวล้านกับเจ้าของผับ
ภาพใบหน้าที่แสดงออกถึงความสะใจที่เธอมีตอนที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการณ์แก้แค้นที่สำเร็จด้วยดียังคงติดตาเขาอยู่จนถึงวันนี้
ผู้หญิงคนนี้ร้าย…แสบ….แต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
เธอเป็นความท้าทายสำหรับเขา เป็นขนมชิ้นหนึ่งที่เขาหยิบมากินได้ยาก และเขาก็อยากจะรู้เสียด้วยสิว่า…ผู้หญิงอย่างเธอจะน่าค้นหาแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
เธอจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น หรือว่า…เขาแค่ดูเธอผิดไป
ตาคมกริบเริ่มฉายแววรื่นรมย์ นิ้วแข็งแรงเคาะลงที่โต๊ะเป็นจังหวะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ราคาหลักหมื่นขึ้นมากดหาหมายเลขลูกน้องคนสนิท
/สวัสดีครับ/ โจโจ้รับสายเสียงสุภาพ /มีอะไรจะให้ผมรับใช้ครับคุณซี/
“รู้ด้วยเหรอว่าฉันมีธุระ” ศิวาถามอย่างสงสัย
/อ้าว ก็ต้องรู้สิครับ ถ้าไม่มีธุระ คุณซีคงไม่โทรหาผมหรอก/ โจโจ้พูดเสียงกระแอมเล็กน้อย
“ก็นายไม่ใช่สาวนี่หว่า ฉันจะได้โทรไปคุยเล่นด้วยน่ะ” ศิวาพูดเสียงขันๆ ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์ของตัวเองออกมา “ฉันอยากให้นายสืบประวัติของผู้หญิงคนหนึ่ง”
/ใครครับ/ โจโจ้ขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่ศิวาจะสั่งให้เขาไปสืบเรื่องผู้หญิง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เขาจึงงงไม่น้อย
“จำผู้หญิงคนเมื่อคืนได้มั้ยล่ะ คนที่หุ่นดีๆ ตัวดำๆหน่อย”
/อะ อ๋อ จำได้ครับ ทำไมเหรอ/
“ช่วยสืบประวัติให้ที ฉันรู้มาแค่ว่าเขาชื่อนาวิกา เคยเป็นดารารับบทนางร้ายมาก่อน แต่ไม่รู้อะไรมากกว่านี้ ช่วยหน่อยนะ”
/ห๋า!/ โจโจ้อ้าปากค้าง งงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ถามออกมาว่า /ต้องการเมื่อไหร่ครับ/
“ภายในสามวัน”
/สามวัน!! มันไม่น้อยไปเหรอครับ/ โจโจ้ท้วง แต่ศิวาไม่คิดจะฟัง เขาย้ำออกมาเสียงเข้มว่า
“ยังไงฉันก็จะต้องได้ประวัติของผู้หญิงคนนี้ภายในสามวัน” พูดจบ ชายหนุ่มก็กดตัดสายโทรศัพท์ไปทันที ทิ้งให้ลูกน้องยืนเหงื่อตก ถือโทรศัพท์ค้างต่อไป