บทที่ 5 จูบอีกครั้ง… และอีกครั้ง 2
“แหม มองผมนานซะขนาดนี้ ผมเขินนะนั่น” ชายหนุ่มเกาท้ายทอยตัวเองแกรกๆ และนั่นก็ทำให้นาวิการู้สึกตัวว่ากำลังจ้องอะไรของเขาอยู่ เธอจึงแหกปากลั่น
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”
“จะร้องทำไม” เขาถามเหมือนหงุดหงิด คิ้วเข้มยาวขมวดเข้าหากันแน่นจนเป็นปม ตาคู่คมหรี่ลงมองคนตัวเล็กเหมือนจะประเมินท่าที
“ก็ใครใช้ให้คุณถอดเสื้อผ้ากันล่ะ ไอ้โรคจิต” เธอว่าเขาฉอดๆแล้วก้าวถอยเขาไปเสียหลายก้าว
“อ้าว ก็…คุณโมโหที่ผมมองอกคุณไม่ใช่เหรอ ผมเลยถอดเสื้อให้คุณดูบ้าง” เขาบอกเสียงซื่อ แต่นัยน์ตาวาววับอย่างขบขันเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก
“อะ ไอ้บ้า ชอบโชว์นักหรือไง” เสียงแหลมๆพุ่งสูงปรี๊ดจนแก้วหูของศิวาลั่นเปรี๊ยะ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะชินกับเสียงแปดหลอดของเธอเสียแล้ว เพราะเขายังคงตีหน้านิ่งเหมือนเก่า แต่มือนี่สิ…ไม่ยอมนิ่ง
“นั่นคุณจะทำอะไรอีกน่ะ!!” นาวิกาถามอย่างหวาดระแวง ตาคู่สวยจ้องมองมือใหญ่ที่ขยับเข็มขัดของตัวเองไปมา
“จ้องส่วนล่างของผมจังนะ ลุ้นให้ผมถอดอยู่ล่ะสิ” เขาว่าเสียงกระเซ้า
“ว่าไงนะ ถอด ถอดอะไร!!” เธอถามเสียงดังเหมือนได้ยินไม่ถนัด
“ถอดกางเกงไง เผื่อว่าแค่ถอดเสื้อมันจะไม่พอ”
“อ๊ากกกไอ้บ้า !!” เธอชี้หน้าด่าเขา หน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า ขาเล็กๆก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติและ…
โครม!!
สะดุดร่างของหนุ่มหัวมันแผล่บที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นห้องเข้าอย่างจังจนร่างยวนใจล้มลงใส่ร่างอ้วนแผละเข้าเต็มๆ
“เฮ้ย!!” ศิวาอุทานอย่างตกใจ ส่วนนาวิกาน่ะหรือ…
“อ๊ากกก กรี๊ดดดดด ฉันล้มทับฮิปโป!!”
“เลิกกรี๊ดสักทีเถอะ แล้วทำไมไม่รีบลุกขึ้นมา จะนอนทับมันอีกนานมั้ย” เสียงเข้มๆฟังดูติดจะหงุดหงิดชอบกล แต่นาวิกาไม่คิดจะสนใจ เพราะตอนนี้เธอสนใจตัวเองมากกว่า
“คะ คือ” เสียงใสๆเริ่มตะกุกตะกัก ขณะที่ศิวาใส่เข็มขัดให้แน่นหนาเหมือนเดิม ตาคู่คมที่เคยแฝงแววทะเล้น มาตอนนี้กลับเครียดขรึมจนน่ากลัว
“ทำไมไม่ลุกออกมาจากตัวหมอนั่นเสียที ห๊ะ!!”
“ก็ๆๆ ก็ฉัน” เธอเสียงอ่อย ตากลมโตมองเขาอย่างอ้อนวอน
“มองผมแบบนี้ หมายความว่าไง ห๊ะ” เขาตะคอก
“ก็ฉัน…ปวดข้อเท้าอ่ะ ลุกไม่ได้ ช่วยดึงฉันหน่อยสิ” นาวิกาพูดพลางทำตาปิ๊งๆใส่ชายหนุ่มเพื่อขอความเห็นใจ
“จะให้ผมช่วยน่ะ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยนะ” เขายกมือขึ้นกอดอกพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ ท่าทางหงุดหงิดเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“แลกเปลี่ยน? หมายความว่าไง”
“ผมเป็นนักธุรกิจ การที่ผมจะลงทุนอะไรไป ผมจะต้องได้รับกำไรตอบแทนกลับมาเสมอ”
“ขอแบบตรงๆเลยได้ป่ะ ฉันไม่ชอบคนอ้อมค้อม”
“ก็หมายความว่า ผมจะช่วยคุณ แต่คุณต้องให้ผมจูบอีก1ที” เขาชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว ตาคมกริบเปล่งประกายวิบวับอย่างพอใจในข้อเสนอของตัวเอง แต่สำหรับนาวิกาแล้ว…ข้อเสนอของเขาเหมือนคมมีดที่จะมาปาดคอเธอชัดๆ
“แค่ช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้น มันเหมือนการลงทุนเลยหรือไง”
“ใช่” เขาพยักหน้ารับ “ตกลงว่าจะให้ผมช่วยหรือเปล่าล่ะ”
“ยังไงฉันก็…” นาวิกาพูดค้างไว้เพียงเท่านั้นแล้วก็หันมามองร่างอ้วนๆที่เธอนอนหงายทับอยู่ จะว่าไปแล้ว..พุงของบุญรอดนี่ก็นิ่มดีนะ เธอใช้แทนหมอนหนุนได้สบายเลย แต่…บุญรอดก็เป็นผู้ชาย เธอไม่อยากมานอนทับตัวเขานานๆแบบนี้ แต่ถ้าจะให้ศิวามาช่วยดึงเธอให้ลุกขึ้น เธอก็ต้องโดนเขาจูบอีกรอบ มันจะดีหรือ…ถ้าเธอตกลง ศิวาคงจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายคนหนึ่งที่อยากจะจับเขาจนตัวสั่นแน่ๆ
“ตอบมาเร็วๆสิ ก็..อะไร” เขาเร่งเร้า
“ยังไงฉันก็ไม่…” ยังไม่ทันจะปฏิเสธ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน … เป็นเสียงแผ่วๆเหมือนเสียงปล่อยลมยางรถ
ฟี้….
เสียงนั้นหายไป พร้อมกับกลิ่นเหมือนควายเน่าเริ่มโชยมา เล่นเอานาวิกาตาเหลือก ตะเกียกตะกายจะลุกจากร่างอ้วนๆที่เธอหนุนทับอยู่ให้ได้ แต่ลุกเท่าไหร่ก็ลุกไม่ได้เพราะข้อเท้าของเธอแพลงอยู่ แถมบุญรอดยังยกแขนมาพาดที่หน้าท้องเธอเหมือนจะล็อกตัวเธอเอาไว้อีกต่างหาก
“ตกลงว่ามันสลบหรือว่ามันหลับเลยละเมอวะ” หญิงสาวบ่นงึมงำ พยายามแกะแขนใหญ่ออกจากตัวให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จ
“เป็นอะไรน่ะ” เขาถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นหน้าเขียวๆ ตาเหลือกๆ และท่าทางร้อนรนเหมือนคนขาดอากาศหายใจของเธอ
“หืม??” ศิวาทำจมูกฟุดฟิดเมื่อรู้สึกเหมือนได้กลิ่นตุๆลอยมาแตะจมูก เขายกมือขึ้นปิดจมูกโด่งแล้วถามเธอด้วยสายตากล่าวหาว่า
“นี่คุณตดเหรอนกกา”
และคำถามของเขาก็ทำให้ฟิวส์ของเธอขาดสะบั้นลง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“จะกรี๊ดทำไม” เขาถามเสียงตำหนิ “นอกจากตดเหม็นแล้วยังกรี๊ดดังอีกนะ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้”
“ฉันไม่ได้ตด ไอ้หมอนี่ต่างหากที่ตด” เธอแก้ตัว แต่เขากลับทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“จริงหรือ??”
“จริงสิ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก
แปร๊ดดดด
คราวนี้ไม่ได้เป็นเสียงเหมือนปล่อยลมยางอีกแล้ว แต่มาเป็นเสียงเหมือนเป่าทรัมเป็ดเลยทีเดียว แถมกลิ่นยังรุนแรงจนนาวิกาตาเหลือกอีกรอบ
“ชะ ช่วย ฉัน ด้วย ฉันยอมแล้ววว” เธอบอกเสียงอ่อยๆ ในขณะที่ศิวาหัวเราะลั่น
“โอเค ถ้ายอมตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” พูดจบ เขาก็ก้าวเข้าหาเธอ ในขณะที่เธอยื่นมือให้เขา แต่เขากลับ…จับแขนหนักอึ้งของบุญรอดออกจากหน้าท้องของหญิงสาวแล้วก้มลงช้อนร่างเธออุ้มแนบอก
“เอ๊ะ ดะเดี๋ยวสิ ทำไมไม่ไปใส่เสื้อก่อน”
“อ้าว ลืมใส่ ช่างมันเถอะ”
“จะให้ช่างมันเถอะได้ไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ”
“มันก็ถูกต้องแล้วนี่นา คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย” เขาพูดพลางก้มลงมองหน้างามของคนที่อยู่ในอ้อมแขน ตาคมหลุบลงมองเรียวปากอิ่มนิ่งนานพร้อมก้าวตรงไปยังเตียงกว้าง
“แค่พยุงก็พอ ไม่เห็นจะต้องอุ้มเลย”
“ก็ผมอยากอุ้ม”
“แต่ว่า…” เสียงของนาวิกาขาดหายไป ลมหายใจติดๆขัดๆเมื่อสัมผัสไออุ่นจากคนตัวใหญ่ได้อย่างใกล้ชิด
แผงอกกว้างที่อบอุ่น กลิ่นโคโลญจน์ผู้ชายลอยเข้าแตะจมูกเป็นระยะจนเธออดที่จะสูดเข้าไปจนเต็มปอดอย่างเผลอไผลไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะวินาทีสั้นๆแต่เธอก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
รู้สึกดี…!!
เธอขมวดคิ้วให้กับความคิดแปลกๆของตัวเอง นี่เธอรู้สึกดีที่โดนเขาอุ้มอย่างนั้นเหรอ ทั้งๆที่เธอเพิ่งจะได้เจอกับเขาเป็นครั้งที่สอง
ความคิดเริ่มสะดุดลงเมื่อแผ่นหลังของเธอสัมผัสกับความเย็นนิ่มของเตียงนอน ศิวาวางร่างเธอลงอย่างอ่อนโยน มือใหญ่ปัดปอยผมที่ระใบหน้านวลออกให้อย่างเบามือ ตาคมเชื่อมหวานเมื่อมองที่ริมฝีปากอิ่มอย่างต้องการ
เหมือนมีมนต์สะกดอะไรบางอย่างมาตรึงให้นาวิกานอนนิ่ง ไม่โวยวายเหมือนที่เคยเป็น ปากจิ้มลิ้มเผยอออกนิดๆ ตาคู่สวยหลับพริ้มลงพร้อมกับหน้าคมที่ค่อยๆก้มลงต่ำ แนบปากร้อนๆเข้ากับริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธออย่างดูดดื่ม
ปลายลิ้นร้อนๆชำแรกแทรกเข้าหาความอ่อนนุ่มของลิ้นเล็กๆที่โต้ตอบเขาอย่างสะเปะสะจนชายหนุ่มต้องเผลอครางในลำคออย่างพอใจโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าจะได้เจอกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับเริ่มก่อตัวขึ้นมาในความรู้สึกของหนุ่มสาวที่มีชีวิตแตกต่างกันราวขั้วบวกกับขั้วลบ
บทจุมพิตได้จบลงอย่างอ้อยอิ่งเมื่อเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น ศิวายืดตัวขึ้นตรงเต็มความสูง185เซนติเมตร พลางตวัดตามองริมฝีปากช้ำๆของคนที่นอนหน้าแดงก่ำอยู่บนเตียงชั่วครู่ ก่อนจะหันไปทางประตูแล้วถามเสียงห้วนว่า
“ใคร!!”
“ผมเองครับ โจโจ้ ผมพาตัวคุณสวยสมมาให้คุณซีตามคำสั่งได้แล้วนะครับ” เสียงจากบุคคลภายนอกตอบกลับมา และนั่นก็ทำให้นาวิกาถึงกับดีดตัวลุกผึงขึ้นมาทันที ในขณะที่ศิวาตรงไปเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว!!