บทที่ 4 อ้อมกอดอุ่นๆที่คุ้นเคย 2
“ไอ้โรคจิต เพราะมีผู้ชายแบบแก คนสวยๆอย่างฉันถึงไม่ปลอดภัย ฉันจะฆ่าถลกหนังหัวล้านๆของแกซะ” เท้าเรียวในส้นสูงแหลมจี๊ดเตะป๊าบเข้าที่ชายโครงบุญรอดเต็มแรง โดยมีศิวาก้าวเข้ามาห้าม
“พอได้แล้วน่า”
“อย่า อย่ามาห้ามฉัน ถ้าฉันไม่ได้ฆ่ามันตาย ฉันจะไม่มีวันอยู่เป็นสุข” เท้าเล็กๆพยายามยื่นออกไปเตะร่างฮิปโปที่นอนเกยตื้นอยู่มุมห้อง แต่แขนแกร่งรวบเอวเล็กไว้เสียก่อน
ความรู้สึกคุ้นเคยผสานกับความอบอุ่นอย่างน่าประหลาดทำให้นาวิกาชะงักงัน คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อภาพบางอย่างเริ่มซ้อนทับเหตุการณ์ปัจจุบัน
“เธอเกลียดฉันมากนักใช่มั้ย”
เพี๊ยะ!
“ว้ายยย”
“เฮ้ย หยุดนะ พอได้แล้ว” เสียงผู้ชายร้องห้าม แล้วหลังจากนั้น…เขาก็เข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง
“เอ๊ะ!” ตากลมโตฉายแววงุนงงขึ้นมาสักพักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววกราดเกรี้ยว
“กรี๊ดดดดด คุณนี่เองที่เข้ามากอดฉันเมื่อคืนนี้ กรี๊ดๆๆ” นาวิกาตีปีกพั่บๆ พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดแกร่ง แต่ยิ่งดิ้น เขาก็ยิ่งกอดเธอแน่นมากขึ้นจนหญิงสาวแทบจะหายใจไม่ออก
“จะกรี๊ดทำไม ผมความจำสั้น จำไม่ได้หรอกนะว่าเคยกอดคุณเมื่อคืนนี้ ผมจำได้แต่เฉพาะปัจจุบันที่มีคุณอยู่ในอ้อมกอดตอนนี้เท่านั้น” เขากระซิบข้างๆหู ยิ่งทำให้นาวิการู้สึกเหมือนสติจะแตกมากยิ่งขึ้น เส้นชีพจรที่ข้างขมับพากันเต้นตุบๆเหมือนจะแตกออกมาได้ทุกเมื่อ
“ปล่อยฉัน ไอ้คนหื่นกาม วิปริต อุบาทว์”
“ว่าผมอุบาทว์เหรอ ทุกข้อกล่าวหาที่คุณว่าผมมา รีบถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ” เขากระซิบสั่ง แต่มีหรือที่คนอย่างนาวิกาจะทำตาม เธอกลับเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ปากจิ้มลิ้มยื่นออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
“ไม่มีทาง คนอย่างฉันไม่มีวันเปลี่ยนคำพูด สิ่งที่ฉันพูดออกไป มันก็ตรงความเป็นจริงทุกอย่างแล้ว”
“ไม่ถอนใช่มั้ย”
“ใช่” เธอเชิดหน้าสูงขึ้นกว่าเดิม ศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ตอนนี้ทำให้เธอไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่าขอโทษเขา
“ดี” เขากระแทกเสียงหนักๆเหมือนประชด ก่อนจะเลื่อนมือจากเอวเล็กขึ้นมาเชยคางมนให้เงยขึ้นแล้วก้มหน้าคมลงมาแนบริมฝีปากอุ่นเข้าที่เรียวปากนุ่มอย่างรวดเร็ว
จุ๊บ
ปากร้อนบดขยี้กลีบปากบางราวจะลงทัณฑ์ เรี่ยวแรงที่เคยคิดว่ามีเยอะกลับหดหายลงไปจนเกือบหมด แข้งพาพาลอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวยืนต่อไปไม่ไหว หากไม่มีมือหนาอีกข้างของเขากอดกระชับที่สะโพกเธอไว้ ป่านนี้เธออาจจะรูดลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วก็ได้
ความไม่คุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอมที่ถูกสอดเข้ามาในโพรงปาก ทำให้นาวิกาทั้งงุนงงและสับสน แต่เหนือความรู้สึกใดๆ เธอรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า เท้าสัมผัสกับปุยเมฆสีขาวเบาๆ เหมือนเขาพาเธอไปสัมผัสกับอีกโลกหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
กายสาวเริ่มสั่นระริก เมื่อลิ้นร้อนๆพลิกพลิ้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงลิ้นอ่อนนุ่มอย่างชำนาญ จุมพิตที่เน้นหนักเหมือนจะสูบวิญญาณของเธอออกไปจากร่างด้วย ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
และก็ดูเหมือนเขาจะรู้ทันว่าเธอกำลังจะขาดอากาศ ชายหนุ่มจึงถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง ตาคมหลุบลงมองเรียวปากอิ่มที่แดงช้ำจากการรุกรานของเขาอย่างพอใจแล้วเหลือบตาขึ้นสบกับดวงตากลมโต
“จูบคุณ…หวานดีนะ”
คำแซวของเขา ไม่ต่างจากไปยั่วภูเขาไฟให้ระเบิด นาวิกา รวบรวมสติของตัวเองให้คืนกลับมาเหมือนเก่า ก่อนจะกระชากคอเสื้อชายหนุ่มอย่างแรง
“ไอ้บ้า คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ” หญิงสาวเงื้อกำปั้นขึ้นสูง ในขณะที่คิ้วเข้มยังคงเลิกขึ้นข้างหนึ่งอย่างยียวน
“เหรอครับ”
ยิ่งเห็นเขาทำท่าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนที่บังอาจมาจูบปากสาวบริสุทธิ์อย่างเธอ เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นจนระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“ตายเสียเถอะ!!” ยังไม่ทันที่กำปั้นเล็กๆจะเสยเข้าที่คางของศิวา เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
‘พี่คอยนวลอยู่ในสวนลำไย คอยซะจนกลุ้มใจ ปีนี้ลำไยลูกดกจังเลย อย่าว่าเซ้าซี้ โปรดเห็นใจพี่ทรามเชย นัดไว้ที่เคย ไม่น่าลืมเลย’
เสียงเพลงลูกทุ่งที่ดังไปทั่วห้อง ทำให้นาวิการีบปล่อยมือออกจากคอเสื้อของชายหนุ่มแล้วหันไปมองที่มาของเสียงเพลงปริศนาทันที
ร่างระหงทรุดลงนั่งยองๆบนพื้นแล้วลงมือค้นตัวบุญรอดอย่างรวดเร็ว
“นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ จะข่มขืนไอ้หมอนี่เหรอไง” น้ำเสียงกวนประสาทดังลอยเข้ากระทบหู เล่นเอาหญิงสาวต้องหันไปตวาดแว้ดใส่อย่างหงุดหงิด
“อีตาบ้า ฉันไม่ได้อยากมีสามีเป็นฮิปโปนะยะ”
“อ้าว นึกว่าอยากจะข้ามสายพันธ์”
“ถ้าคุณยังไม่หุบปาก คุณเจอดีแน่” เธอขู่ ซึ่งเขาก็เงียบกริบ แต่ที่เงียบไม่ใช่ว่ากลัว แต่เป็นเพราะเขาอยากรู้ต่างหากล่ะว่าเธอคิดจะทำอะไร
นาวิกาตบที่กระเป๋ากางเกงของบุญรอดก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบเจ้าโทรศัพท์เครื่องใหม่ล่าสุดออกมา เห็นแสงไฟหน้าจอกระพริบวิบแวมและเสียงเพลงที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เธอจึงรีบกดรับสายทันที
ยังไม่ทันจะกรอกเสียง‘ฮัลโหล’ไป ทางปลายสายก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า
“เป็นไงล่ะเสี่ยรอด เด็กใหม่ของเจ๊น่ะโอเคดีมั้ย แต่ช่วงแรกๆมันก็พยศหน่อยนะ บอกแล้วไงว่าให้เอายาปลุกเซ็กส์ให้มันกิน มันจะได้เชื่องๆ เสี่ยก็ไม่เอาเองนี่นา อยากได้แค่ยานอนหลับ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ใช้ได้ไหม ยังไงก็อย่าลืมจ่ายเงินค่าตัวนังนกกาในส่วนที่เหลือให้เจ๊ด้วยนะ” สวยสมพูดฉอดๆ ไม่คิดเอะใจเลยแม้แต่น้อยว่าคนที่รับสายเธอไม่ใช่บุญรอด
นาวิกาเม้มปากแน่น พยายามเก็บเสียงไม่ให้เผลอด่ากราดออกไป ก่อนจะกดปิดสายด้วยแววตาโกรธแค้น
“นังสวยสม แกกล้าทำแบบนี้กับฉันได้ไง” เธอพูดลอดไรฟัน ก่อนจะปาโทรศัพท์ของบุญรอดลงพื้นอย่างแรงจนก้อนแบตเตอรี่กระเด็นหลุดออกมาข้างนอก
ความโกรธกำลังดำเนินไปด้วยอัตราสูงขึ้น ทั้งโมโหทั้งน้อยใจ ทำไมนะ…ทำไมสวยสมถึงได้เห็นแก่ตัวถึงขนาดนี้ เพียงแค่กระดาษหลายใบที่เรียกว่าเงินก็ทำให้เจ๊เจ้าของร้านถึงกับยอมส่งตัวเธอเข้าปากฮิปโปแบบนี้เลยน่ะหรือ??
สวยสมไม่คิดบ้างเลยหรือไงนะว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อจะรู้สึกหวาดกลัวมากขนาดไหน เดชะบุญที่เธอรอดจากปากฮิปโปมาได้ในคืนนี้ แต่เธอก็ไม่คิดจะให้อภัยสวยสมหรอกนะ…
คนที่ทำกรรมอะไรไว้ก็จะต้องได้รับกรรมแบบนั้นกลับคืน มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน!!
ความคิดของหญิงสาวสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้นเมื่อมีเสียงทุ้มๆถามออกมาว่า
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
เมื่อนาวิกาหันไปมองด้านหลัง จึงเห็นศิวายืนกอดอกพิงผนังห้องด้วยท่าทางสบายๆมองเธออยู่
หญิงสาวหลับตาลงพักหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่แล้วตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแค้นเคืองว่า
“มี”
“…” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นด้วยท่าทางรู้ทัน น้ำเสียงเรียบๆจึงถามขึ้นมาอีกว่า
“มีอะไรให้ผมช่วยล่ะ…บอกผมมาสิ ผมยินดีช่วยทุกอย่าง เพื่อแลกกับจูบเมื่อครู่นี้!!”