บทที่ 3 ผูกพันแค่กาย…หัวใจผูกมัดไม่อยู่ 1
บทที่ 3
ผูกพันแค่กาย…หัวใจผูกมัดไม่อยู่
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง มือใหญ่ปิดแฟ้มตรงหน้าลงพร้อมเอนกายพิงพนักเก้าอี้ มือสอดประสานกันไว้ตรงหน้าท้อง มองคนที่ก้าวฉับๆเข้ามาในห้องอย่างรู้เท่าทัน
“มาหาผมเพราะเรื่องในหนังสือพิมพ์เหรอไงอร” ศิวาเปิดปากถาม ขณะที่อินอรเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังเก้าอี้ผู้บริหารของเขา พร้อมโอบรอบลำคอแกร่งอย่างออดอ้อน
“คุณก็เห็นใช่มั้ยคะว่าในข่าวนั่นพูดถึงอรว่ายังไง”
“อือ แล้วไงครับ” ชายหนุ่มถามอย่างเซ็งๆ กลิ่นน้ำหอมฉุนๆทำให้เขารู้สึกแสบจมูกอย่างบอกไม่ถูก
“คุณต้องรักษาหน้าให้อรนะคะ”
“รักษายังไงล่ะ ผมไม่ใช่หมอ” เขาตอกกลับด้วยเสียงทื่อๆเล่นเอาหญิงสาวชักสีหน้าขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเหมือนเดิมพร้อมกับวางคางลงบนไหล่กว้างของเขา
“ไม่ใช่หมอก็รักษาได้ค่ะ”
“ทำยังไงล่ะ”
“ก็คบกับอรเป็นแฟนอย่างออกหน้าออกตาไงคะ”
“…” ศิวาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะแกะมือเรียวออกจากบ่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน หันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“เราเคยตกลงอะไรกันไว้ล่ะอร จะไม่ผูกพันกันใช่มั้ย”
“ค่ะ แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ครับ “
“แต่อรจำเป็นต้องพูด อรรักคุณเข้าจริงๆเสียแล้วนี่คะ ความสาวก็เสียให้คุณไปแล้วด้วย” อินอรยกมือมาเกาะท่อนแขนแข็งแรงราวจะเรียกคะแนนสงสาร แต่ชายหนุ่มกลับเพียงยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะหยัน
“คิดว่าผมไม่รู้เหรอไงว่าคุณเคยผ่านผู้ชายมาหลายคนแล้ว ถ้าคุณเป็นสาวบริสุทธิ์ ผมคงไม่สร้างรอยบาปให้คุณหรอกอร”
“คุณซี!!” อินอรตะเบ็งเสียงลั่น จนศิวาต้องยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง
“คุณเคยบอกกับผมว่า เรื่องของเรามันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว สนุกๆเท่านั้น ไม่คิดถึงขั้นจริงจัง แล้วตอนนี้คุณจะมาเรียกร้องอะไรอีกงั้นเหรอ”
“แต่ว่า….” อินอรอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่มือหนายกขึ้นมาเป็นเชิงห้ามเสียก่อน
“กลับไปก่อนเถอะ ผมจะทำงานต่อ”
“ไล่อรเหรอคะ”
“แล้วแต่จะคิด” ชายหนุ่มตอบพร้อมทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิมแล้วหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่านต่อ ในขณะที่มืออีกข้างก็ถือปากกาหมุนเล่นไปมาเหมือนไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างหลังสักนิด
อินอรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รู้สึกอึดอัดใจจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา แต่สิ่งที่ทำได้ คือกำมือแน่นแล้วสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิด
เมื่อลับร่างของอดีตคู่ควงคนล่าสุดแล้ว ศิวาก็วางปากกาลงพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลงนิ่งนาน
ภาพที่ปรากฏในหัวสมองของเขาไม่ใช่ภาพของผู้หญิงที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ แต่เป็นภาพของผู้หญิงหน้าตาสวยแบบเรียบๆแต่เซ็กซี่บาดใจคนนั้นต่างหากล่ะ
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด เตรียมพร้อมจะทำงานต่อไปจนกว่าจะเสร็จ แล้วตอนกลางคืน…เขาจะได้กลับไปเยือนที่ผับแห่งนั้นอีกครั้งตามเสียงเรียกร้องจากส่วนลึกๆในใจที่กำลังรบเร้าเขาอยู่ในขณะนี้
สีของท้องฟ้าถูกฉาบไล้ด้วยสีดำสนิท เมื่อรัตติกาลเริ่มมาเยือนประเทศไทย หากเป็นต่างจังหวัดที่อยู่ในแถบชนบท เวลานี้คงเป็นเวลานอนหลับที่มีความสุขและสงบที่สุด แต่ที่นี่เป็นกรุงเทพ…เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ท้องถนนยังคงสว่างจ้าเหมือนเมื่อช่วงกลางวัน ผู้คนยังคงคึกคักเหมือนไม่รู้สึกง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะ…ในผับสยาม
เสียงดนตรีเร่งเร้าเป็นจังหวะเร้าใจ ปลุกสายเลือดความคึกคะนองให้โหมกระหน่ำ เหล่าวัยรุ่นและวัยทำงานต่างพากันขยับเอว ขยับแขน และขยับขา โชว์ลีลาเต็มที่ โดยมีเหล้าดีกรีแรงเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้เกิดความสนุกและหรรษา
หญิงสาวร่างระหงในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา เสื้อเกาะอกสีขาว เอวลอยจนเห็นหน้าท้องแบนราบ และกระโปรงยาวแนบพลิ้วกรอมข้อเท้า ทำให้เธอดูโดดเด่นที่สุดในผับแห่งนี้
สายตาของผู้ชายหลายคู่กำลังมองมาทางเธออย่างแทะโลมราวกับว่าเธอเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งที่พวกเขาอยากทดลองใช้
แต่ดูเหมือนหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาจะไม่สนใจใครเลย เพราะเธอยังคงทำงานของเธอต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หน้าเรียวเชิดขึ้นสูงอวดลำคอระหงราวจะบอกเป็นนัยๆว่าคนอย่างนาวิกา…มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่หวั่นไหวต่อสายตาของใครง่ายๆหรอก
มีหลายต่อหลายคนที่เรียกเธอไปหาถึงที่โต๊ะ แล้วพูดจาเป็นเชิงเชิญชวนให้เธอยอมเข้าโรงแรมด้วยเพื่อแลกกับจำนวนเงินก้อนใหญ่ บางคนยิ่งซ้ำแล้วใหญ่…ถึงขนาดอยากได้เธอไปเป็นเมียน้อย โดยสัญญาว่าจะให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หรือที่ดิน
แต่…เธอไม่สนใจข้อเสนอของพวกตัณหากลับเหล่านั้น เธอปฏิเสธไปชนิดไม่รักษาน้ำใจจนแขกหลายคนถึงกับออกอาการไม่พอใจ
นาวิกาเชิดคอให้สูงขึ้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของตัวเองให้กลับมาเต็มร้อยเหมือนเก่า
ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอสวย ผู้ชายหลายๆคนก็ต้องอยากเชยชมเป็นธรรมดา แต่อย่าหวังเลยว่าเธอจะสนใจพวกไก่แจ้ทั้งหลายพวกนี้ ไม่มีวันเสียหรอก!
เมื่อหลงตัวเองเสร็จแล้ว ขาเรียวก็ก้าวฉับๆเดินไปเสิร์ฟน้ำเมาตามโต๊ะต่างๆด้วยสีหน้าที่เริ่มดีขึ้น ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับเมื่อต้องกับแสงไฟที่เธอเห็นจนเริ่มจะชินตา
ทำงานต่ออีกไม่นาน เจ๊เจ้าของผับที่ชื่อ‘สวยสม’ก็เดินมาสะกิดไหล่เธอยิกๆ
“มีอะไรเหรอคะ” นาวิกาหันมาถามอย่างงงๆ
“ไปดูแลแขกโต๊ะนู้นหน่อยสิ” สวยสมทำท่าบุ้ยปากไปทางโต๊ะที่มีผู้ชายหัวล้านคนหนึ่งนั่งอยู่ แถมคนหัวล้านที่มีผมแซมตามข้างกกหูยังมองมาทางเธอด้วยสายตาหวานฉ่ำอีกต่างหาก
“เอ่อ ให้ฉันไปเหรอคะ” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างงงๆ
“ใช่ ไปเลย” สวยสมดันแผ่นหลังของเธอให้ออกเดิน สายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้าของผับทำให้นาวิการู้สึกสะกิดใจอย่างประหลาด ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะเริ่มจางลงไปเมื่อเธอจำใจต้องเดินไปหาแขกหัวมันวับคนนั้นอย่างไม่เต็มใจ
“มาดื่มด้วยกันสิจ๊ะน้องสาว” คนหัวล้านเชิญชวน เล่นเอานาวิกาแทบอยากจะอ้วก … วัยขนาดนี้น่าจะเป็นลุงของเธอได้แล้วล่ะ ไม่น่ามาเรียกเธอว่าน้องสาวเลย ฟังแล้วขยะแขยงชอบกล
“ค่ะ” เธอจำใจต้องทรุดกายลงนั่งพร้อมรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่มาดื่มลงคอ
“น้องนี่สวยมากเลยนะจ๊ะ พี่ชื่อบุญรอด” พ่อหนุ่มไก่แจ้แนะนำตัวเอง เล่นเอานาวิกาแทบอยากจะกรี๊ดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
โอ้ พระเจ้า…นายคนนี้ทั้งหัวล้าน พุงยื่น มีทองเส้นโตคล้องที่คอ มาดเหมือนอาเสี่ยแบบนี้ ไม่น่าชื่อบุญรอดเลย น่าจะชื่อ‘ขุนช้าง’มากกว่า
“แล้วน้องชื่ออะไรจ๊ะ นกกาใช่ไหม”
แน่ะ นอกจากจะหน้าเหมือนตัวละครในวรรณคดี (ขุนช้าง) แล้ว เขายังรู้ดีในเรื่องของคนอื่นอีกด้วย
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างประหยัดคำพูด พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบต่อด้วยท่าทางเซ็งๆ
“หนูนี่หน้าตาเหมือนนางเอกเลยนะจ๊ะ”
“จริงเหรอคะ” คราวนี้หูของเธอเลยเริ่มกระดิกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชม
“จริงสิ ผิวแทนๆ หน้าตาออกไทยๆเหมือนนางในวรรณคดีเลย” หนุ่มบุญรอดยังคงหยอดคำหวานต่อไปจนนาวิกาเริ่มอารมณ์ดี จะว่าไปแล้ว…นายบุญรอดนี่ก็นิสัยดีนะ
“เหมือนนางในวรรณคดีเชียวเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เหมือนนางพิมพาเลย” บุญรอดยิ้มกริ่ม แต่นาวิกากลับหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ
“เหรอคะ แต่ฉันไม่อยากเป็นนางพิมพาหรอกนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ” บุญรอดถามอย่างสงสัย
“ก็เพราะว่าพิมพาต้องกลายเป็นเมียขุนช้างน่ะสิคะ”
“อ้าวเหรอ ฮะๆ” บุญรอดผู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนนาวิกาแอบตั้งฉายาให้ในใจว่า‘ขุนช้าง’หัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะชวนหญิงสาวคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยๆ ในขณะที่เธอเองก็จิบแอลกอฮอล์ในแก้วจนหมด
เมื่อดื่มจนหมดแก้วแล้ว หญิงสาวก็รู้สึกมึนหัวอย่างบอกไม่ถูก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ สมองเตือนเธอว่า…เธอโดนวางยา!!
“ในแก้วเหล้าที่ฉันกินเข้าไป…มันมีอะไร” เธอถามออกมาด้วยเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ นาวิกาก็ฟุบหน้าหมดสติคาโต๊ะเข้าเสียก่อน
“หึ” บุญรอดกระตุกยิ้มอย่างสมใจ ก่อนจะลุกขึ้นมาอุ้มร่างบางแนบอกแล้วพาเธอออกไปจากผับด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง โดยไม่รู้เลยว่า…มีสายตาคมกริบของใครบางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลคอยจับตามองมาโดยตลอดตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่ศิวาจะถอนใจเฮือกแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกผับอย่างเงียบเชียบ!!