บทที่ 2 ทองแท่งในกะลา 2
คุณวรนาทเองก็ดูเหมือนจะรู้จักนิสัยของบุตรชายทั้งสองเป็นอย่างดีจึงได้นำทองแท่งจำนวน3แท่งใส่ในกะลาใบใหญ่ ส่วนทองที่เหลืออีก17แท่งได้ใส่ไว้ในหีบ แล้วใช้กระดาษสัญญาเซ็นมอบอำนาจให้ศิวาเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวใส่ลงในกะลาอีกใบหนึ่ง
จากนั้นคุณวรนาทก็มอบทองให้ศินันท์ และมอบสัญญาฉบับนั้นให้ศิวา
หลังจากที่แบ่งสมบัติให้ลูกๆอย่างเท่าเทียมกันแล้ว คุณวรนาทก็สิ้นใจลงท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้องและบุคคลที่รู้จักมักคุ้นกับคุณวรนาท
เมื่องานศพผ่านพ้นไป ศิวาก็หันมาบริหารงานในบริษัทอย่างจริงจังและมุมานะจนบริษัทเติบโตจนแตกสาขาไปได้อีกหลายแห่ง ส่วนด้านศินันท์นั้นก็นำเงินสดไปลงทุนจริงๆอย่างที่เคยบอกกับมารดาไว้ แต่เป็นการ…ลงทุนในบ่อนพนัน
ช่วงแรกๆก็ได้เงินดีอยู่หรอก ได้ครั้งละล้าน หรือไม่ก็สองล้าน แต่พอนานๆวันเข้า มันก็เริ่มมีแต่เสียกับเสีย แต่ศินันท์ก็ไม่สนใจ เพราะเขาถือว่า เงินของเขายังมีอีกมาก จะใช้จ่ายอีกเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปง่ายๆ
แต่แล้วทุกอย่างก็เริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเงินในส่วนของศินันท์เริ่มร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีแต่การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยแล้วไม่มีการหามาเพิ่ม เงินก็ค่อยๆหมดไป
ศินันท์จึงนำทองออกมาขายทีละแท่งแล้วก็นำเงินไปละลายในบ่อนพนันจนแทบจะหมด
ตอนนี้ศินันท์จึงเริ่มรู้สึกกลัว…กลัวความจนที่จะมาเยือนตัวเองในอีกไม่นานนี้ เขาจึงเริ่มหันกลับมามองผู้เป็นพี่ชาย
พี่ชายของเขานั้นเก่ง ป่านนี้คงทำงานมีเงินในธนาคารนับพันๆล้าน หากไม่มีศิวาสักคน สมบัติของศิวาทั้งหมดก็จะต้องตกเป็นของเขา
รอยยิ้มแปลกๆผุดขึ้นที่มุมปากของศินันท์เมื่อเขาพิงหลังลงบนความนุ่มนิ่มของพนักโซฟา ดวงตาจับจ้องมองหนังสือในมือของพี่ชาย
“ผมตื่นนานแล้วครับ เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พี่ไม่รีบเข้าบริษัทเหรอ”
“วันนี้คงเข้าสายหน่อย” ศิวาตอบก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ
“ว่าแต่นายเถอะ ช่วงนี้เพลาๆเข้าบ่อนเสียหน่อยก็ดีนะ การพนันไม่เคยทำให้ชีวิตใครรุ่งเรืองขึ้น มีแต่จะจมดิ่งลงเรื่อยๆ สุดท้ายนายจะไม่เหลืออะไรเลยนะนันท์” ศิวาเตือนอย่างเป็นห่วง ในขณะที่ศินันท์เองก็นิ่งรับฟัง แต่…ไม่คิดจะทำตาม
“อย่าบ่นนักดิพี่”
“แค่เตือนเพราะหวังดี นายก็หาว่าพี่บ่น” ศิวาส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
“ผมไม่หมดตัวง่ายๆหรอก” ศินันท์พูดอย่างไว้ฟอร์ม พลางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นไปอ่าน ก่อนจะไปสะดุดโครมเข้าที่ข่าวฉาวในผับเมื่อคืนนี้
“นี่มันข่าวพี่นี่ครับ” ศินันท์เลิกคิ้วขึ้นสูงพลางกวาดตาไปทุกตัวอักษร แล้วหันมาพินิจดูรูปภาพที่ถ่ายมาไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมองเห็นได้รางๆว่า ผู้หญิงสองคนนั้นคือ…อินอรกับนาวิกา ดาราเซ็กซี่ตัวร้าย
“แฟนพี่ตบกับนกกาเหรอครับ”
“อรไม่ใช่แฟนของพี่” ศิวาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะถามกลับอย่างสนใจว่า “แล้วนกกาเป็นใคร”
“อ้าว นกกาก็เป็นคนเดียวกันกับนาวิกาน่ะสิครับ เมื่อสองสามปีก่อน ผมชอบดูละครที่เธอแสดง ผู้หญิงอะไร…แสดงได้แรดสมบทบาทมาก” คำวิจารณ์ของผู้เป็นน้องชายทำให้ศิวาต้องเงียบ ตาคมหลุบลงมองมือตัวเองที่กำลังหมุนแก้วกาแฟเล่นอยู่
ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่นอกจากตัวของเขาเองเท่านั้น…
หลังจากนั่งคิดอะไรไปชั่วครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองศินันท์แล้วยิ้มเย็นๆ
“พี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันทีหลัง” พูดจบ ศิวาก็ลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านหลังงามด้วยสีหน้าที่ยังครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องอยู่ไม่หาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่า…มีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังเขาไปอย่างริษยา
“นี่มันอะไรกัน!!” อินอรขว้างหนังสือพิมพ์ลงบนพื้นอย่างกราดเกรี้ยวจนคนรับใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต้องรีบลนลานมาเก็บหนังสือพิมพ์ให้
“ทำไมมีข่าวแบบนี้ได้ โธ่เอ้ย!!” อินอรสบถอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปกวาดข้าวของบนโต๊ะลงพื้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆท่ามกลางสีหน้าที่ซีดเผือดหนักกว่าเก่าของสาวใช้
เพล้งๆ !!
“แล้วแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน กรี๊ดๆๆ” อินอรกรีดร้องระบายความอึดอัดใจ แล้วหันไปหยิบกระเป๋าถือขึ้นมาคล้องแขน ดวงตาที่ถูกกรีดอายไลเนอร์ไว้จนดำคมตวัดฉับไปมองหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือของสาวใช้อีกครั้งด้วยสายตาเหมือนจะเผากระดาษให้ไหม้เป็นจุณๆ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินออกไปจากตัวบ้านทันที
งานนี้เธอเสียหน้าอยู่เห็นๆ เพราะฉะนั้น…ศิวาจึงเป็นคนเดียวที่จะช่วยรักษาหน้าให้กับเธอได้
ส่วนนังผู้หญิงคนนั้น…นังนาวิกา อย่าให้เจออีกทีก็แล้วกัน เธอจะตบให้คอหักเลยทีเดียว
อย่าให้เจออีกนะ!!!