บทที่ 2 ทองแท่งในกะลา 1
บทที่ 2
ทองแท่งในกะลา
“ฉันเป็นคนสวย”
“ฉันเป็นคนมีเสน่ห์”
“ฉันเป็นคนเซ็กซี่”
“ฉันเป็นคนน่ารัก”
“เพราะฉะนั้น…โชคชะตาจะต้องเข้าข้างคนสวยๆอย่างฉันเข้าสักวัน ฉันจะต้องไม่เครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่งั้นหน้าจะแก่ไว”
เสียงงึมงำดังออกมาจากปากบางของคนที่นอนอยู่ บนหน้าเรียวมีชิ้นแตงกวาที่ฝานบางๆแปะเต็มใบหน้ารวมทั้งดวงตาทั้งสองข้างด้วย
เรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอจะถือเสียว่าเป็นบททดสอบจากนรก สักวันสวรรค์จะต้องเห็นใจแล้วประทานความโชคดีมาให้เธอบ้าง
นาวิกาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ความเย็นจากชิ้นแตงกวาไม่ได้ทำให้ใจของเธอเย็นลงแม้แต่น้อย ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าเธอน่ะงามแค่ไหน แต่ความกังวลก็ยังคงเกาะอยู่ในใจไม่ยอมคลาย
เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่สมศักดิ์ไปรับจากสถานเด็กกำพร้ามาเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมเพราะไม่มีลูก
แต่พอเธอมาอยู่ได้ไม่นาน ภรรยาของสมศักดิ์ก็เกิดตั้งครรภ์แล้วให้กำเนิดบุตรสาวผิวขาวน่าเอ็นดูขึ้นมา และได้ตั้งชื่อให้ว่า…หฤดี ซึ่งมีชื่อเรียกเล่นๆว่า…หงส์
เพียงแค่ชื่อก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอชื่อเล่นว่านกกา ส่วนน้องสาวต่างสายเลือดชื่อว่าหงส์
เมื่อหฤดีเกิดมา ความสำคัญของนาวิกาก็ถูกลดลงไป ทั้งพ่อและแม่บุญธรรมต่างหันไปถ่ายเทความรักให้หฤดีจนหมดสิ้น แต่ถึงกระนั้น สมศักดิ์ก็ยังมีน้ำใจพอที่จะส่งนาวิกาเรียนจนจบปริญญาตรี
แต่ถึงจะเรียนมาสูง เธอก็หางานทำไม่ได้ งานสมัยนี้หายากพอๆกับทองคำ จนในที่สุด…เธอก็ถูกทาบทามให้ไปเป็นนักแสดงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เปล่าหรอก…เธอไม่ได้แสดงเป็นนางเอก แต่บทที่เธอได้รับคือ…นางร้าย รับบทร้ายสุดๆจนคนทั่วประเทศแทบจะเกลียดเธอไปด้วย
เมื่อนาวิกาได้เป็นดารา หฤดีก็แวะมาเยี่ยมเธอที่กองถ่ายทั้งๆที่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้งจนไปเข้าตาผู้กำกับ และได้ถูกทาบทามให้มาเป็นนางเอกละคร
เมื่อหฤดีได้เป็นนางเอก เธอก็พยายามดันนาวิกาออกจากงานให้ได้ ซึ่งหฤดีก็ทำสำเร็จเสียด้วยสิ
ในที่สุดนาวิกาก็ต้องกลับมาอยู่ในสภาพตกงานอีกครั้ง จนต้องบังคับใจตัวเองให้มายอมทนทำงานกลางคืนอย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างที่เป็นอยู่
เสียงทอดถอนหายใจดังออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ ความน้อยใจในโชคชะตาผลักดันให้เธอแสดงออกด้วยท่าทางแข็งกร้าว
ชีวิตของเธอเลือกเกิดไม่ได้ แต่เธอก็จะพยายามเลี้ยงชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดในสังคมปัจจุบันให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป นาวิกาคนนี้ก็พร้อมที่จะรับมือเสมอ!!
ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาวบุนวมหนา หน้าคมยังคงเรียบเฉยเหมือนวันก่อนๆ สีหน้าที่เย็นชาเหมือนไร้อารมณ์ของศิวาดูจะเป็นที่ชินชาของทุกๆคนเสียแล้ว
ชายหนุ่มยกขาขึ้นไขว่ห้าง พลางยกแก้วกาแฟที่คนรับใช้นำมาเสิร์ฟขึ้นมาจิบ ในมือมีหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง
ตาคมกวาดไปตามตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ข่าวไหนก็ไม่สามารถดึงความสนใจของเขาได้เท่ากับ…ข่าวเมื่อคืน
จะว่าไปแล้ว นักข่าวของเมืองไทยก็ทำงานได้ฉับไวไม่หยอก จมูกดมกลิ่นข่าวได้ไวไม่เบา เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน วันนี้ก็ลงข่าวได้แล้วว่า…ศิวา หนุ่มนักธุรกิจพันล้านควงสาวอินอรไฮโซสาวไปเที่ยวผับยามราตรี มีผู้พบเห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่าเมื่อคืนนี้ที่ผับสยามที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ได้มีเหตุศึกชิงหนุ่มเกิดขึ้น ระหว่าง…ไฮโซสาวกับนางร้ายตัวแม่
คำว่านางร้ายตัวแม่ทำให้คิ้วเข้มต้องขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงก่อนจะพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ไปที่หน้า6เพื่อจะอ่านเนื้อเรื่องต่อ และก็ได้รับรู้สมใจ
ในข่าวได้บอกไว้ว่า…นาวิกาก็คืออดีตดาราสาวที่แสดงบทนางร้ายได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่เพราะนิสัยร้ายกาจและความขี้วีนของเจ้าหล่อนทำให้ทางวงการเอือมระอาจนไม่มีใครจ้างงาน เธอจึงตกอับมาทำงานตามผับตามบาร์
นาวิกา…นาวิกา
ศิวาทวนชื่อนี้ซ้ำไปมาหลายๆครั้งในหัว ก่อนที่รอยยิ้มแปลกๆจะผุดขึ้นที่มุมปาก
อยากรู้จริงๆว่านางร้ายอย่างเธอจะ‘แซ่บ’ขนาดไหน เมื่อต้องมาอยู่บนเตียงกับเขา
เมื่อความคิดของบุรุษเพศเริ่มล่องลอยไปไกล ความตื่นตัวก็เริ่มเกิดขึ้น ภาพท่าทางเย้ายวน เรียวขาสวย หน้าท้องแบนราบที่เจาะสะดือเอาไว้ รวมทั้งหน้าอกอึ๋มเกินตัวที่เห็นด้วยตาเขาก็เดาออกแล้วว่าจะต้องเป็น‘ของจริง’ไม่ใช่ยัดฟองน้ำอย่างอินอรแน่นอน
แล้วไหนจะหน้าตาสวยเฉี่ยวของเธออีกล่ะ เมื่อมารวมเข้ากับดวงตาเหมือนแม่เสือสาวที่ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเอาชนะ
อยากเห็นดวงตาไม่ยอมคนคู่นั้นอ่อนแสงลงเหมือนดวงอาทิตย์ยามอัสดง อยากสัมผัสตัวตนของเธอว่าเธอจะเป็นพริกหยวกหรือว่าพริกแจวกันแน่
ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงเมื่อเท้าที่สวมรองเท้าหนังมันปลาบของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้องโถง เพียงแค่ได้ยินเสียงรองเท้าที่หนักหน่วงเดินลงส้นเท้าเหมือนคนเอาแต่ใจ ศิวาก็พอจะเดาออกแล้วล่ะว่าเจ้าของเสียงเดินคนนี้คือใคร
“ว่าไงนันท์ เพิ่งตื่นเหรอไง” ศิวาออกปากทักทายก่อน มองสีหน้ามึนๆตึงๆของผู้เป็นน้องชายที่เดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขาอย่างพินิจ
ศินันท์เป็นน้องชายแท้ๆของเขา ทั้งเรือนร่างและหน้าตา ดูจะสมส่วนไปหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ผิวสีเข้ม ตาเรียว คิ้วหนาเป็นปื้น และริมฝีปากบางเฉียบที่บ่งบอกลักษณะเอาแต่ใจของเจ้าตัว
ถึงจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ศินันท์ก็มีนิสัยแตกต่างจากผู้เป็นพี่ชายลิบลับ
ศิวาเป็นคนขรึมๆแต่พูดจริงทำ ทำจริงเสมอ
แต่ศินันท์เป็นคนพูดเก่งแต่มักจะไม่ทำจริง
ศิวาเป็นคนขยันทำงาน พยายามคิดหาหนทางที่จะเสริมสร้างให้บริษัทของตัวเองเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเสมอ
แต่ศินันท์เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำงานสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้แรงหรือมันสมอง
ศิวาเป็นคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ เล่นการพนันมาก่อน
แต่ศินันท์ติดทั้งการพนันแถมยังติดยาสูบจนเป็นนิสัย
ก่อนที่คุณวรนาทจะสิ้นชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ท่านได้เรียกบุตรชายทั้งสองมาหาเพื่อจะคุยเรื่องการแบ่งมรดก
นอกจากเรื่องเงินทองที่แบ่งจัดสรรกันคนละ600ล้านบาทแล้ว ก็เหลือบริษัทกับทองแท่งจำนวน 20แท่ง
ความที่เป็นคนไม่ชอบทำงานที่ใช้มันสมองทั้งวัน ศินันท์จึงขอกับมารดาว่าจะรับเป็นทองแท่งทั้งหมดไว้เองเพื่อนำไปลงทุนในด้านอื่นๆ ส่วนบริษัท เขายินดียกให้พี่ชายเป็นคนดูแลและรับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว