บทที่ 1 เพียงแรกเจอก็เกิดเรื่อง 2
“ฉันหมั่นไส้หล่อนน่ะสิ” อินอรเปิดฉากหาเรื่องก่อน ความหึงความหวงมันทำให้เธอมองไม่เห็นความถูกผิด ตอนนี้เธอรู้สึกแค่ว่า เธอเกลียดยัยตัวดำ หุ่นเอ็กซ์คนนี้ที่สุด
“จะตบฉันงั้นเหรอคะ” นาวิกาถามเสียงเรียบ
“ก็ใช่น่ะสิ” อินอรตะคอกใส่ ขณะที่นาวิกาขยับยิ้มเยือกเย็นเมื่อถามว่า
“ข้อหาอะไรคะ”
“เกลียดหล่อน” พูดจบ อินอรก็ยกฝ่ามือขึ้นสูง ทำท่าจะตบลงมา แต่ศิวาห้ามเอาไว้เสียงดัง
“เฮ้ย! อรจะทำแบบนี้ทำไม กลับไปเลยไป” ชายหนุ่มออกปากไล่ตรงๆพร้อมกับลุกขึ้นมายืนข้างๆอินอรเพื่อห้ามปราม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะฝ่ามือของหญิงสาวฟาดใส่แก้มใสของนาวิกาอย่างแรงจนหน้าหัน
เพียะ!
เสียงตบ ถึงจะไม่ดัง แต่ก็ทำให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวทันที พร้อมกับหันมามองทางสองสาวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ตบฉันเรอะ” นาวิกาขึ้นเสียงสูง ตาโตๆวาววับเหมือนแม่เสือก่อนจะโผนร่างเข้าใส่อินอรแล้วจิกผมยาวสลวยที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดี แล้วเขย่าไปมา
“ยัยโบ๊ะหน้าขาวโบ๊ะ ยัยผีจูออนเรียกป้า ฉันอยู่ของฉันดีๆ เธอมาตบฉันทำไม” ไม่พูดเปล่า นาวิกายังถีบหน้าท้องของอินอรอย่างแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้น
นาวิกายกมือขึ้นเสยผมซอยๆของตัวเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปจิกผมอินอรขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอเกลียดฉันมากนักใช่มั้ย” สิ้นคำถาม เสียงฝ่ามือก็กระทบเข้าที่ใบหน้าซีกซ้ายของอินอรอย่างแรงจนหน้าสวยหันคว้างไปตามแรงมือ
เพียะ!
“ว้ายยย” อินอรได้แต่หวีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งศิวาที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามาห้ามทันที
“หยุดนะ พอ… พอได้แล้ว”
แต่เมื่อเห็นว่านาวิกายังคงตบอินอรไม่ยั้ง เขาจึงต้องใช้ไม้เด็ด นั่นก็คือ…เข้ากอดนาวิกาจากทางด้านหลัง เพื่อให้เธอหยุดตบตีอินอรเสียที!!
“กรี๊ด ! อีตาบ้า ปล่อยนะ” นาวิกากรีดร้องโหยหวนอย่างตกใจ ขณะที่ศิวาชะงักงัน ทันทีที่แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็ก กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมสลวยและเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ให้ตายเถอะ ! เขาอยากบันดาลให้คนทั้งผับหายไปให้หมดเลยจริงๆ เพื่อที่เขาและเธอจะได้อยู่กันตามลำพัง
“เอะอะอะไรกัน” เสียงดุๆดังขึ้น ก่อนที่ร่างอวบท้วมของเจ้าของสถานเริงรมย์แห่งนี้จะแหวกไทยมุงโผล่หน้าเข้ามา สายตาคมเค็มมองอินอรแล้วก็มองนาวิกาที่ถูกศิวากอดจากทางด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ร้ายกาจออกมาชนิดที่คนได้ฟังเป็นต้องอึ้งทุกคน โดยเฉพาะนาวิกาที่หน้าซีดเผือดจนแทบจะไม่มีสีเลือด
“หล่อนก่อเรื่องอีกแล้วนะ เมื่อวานก็ทีนึงแล้วที่ไปตบหัวล้านๆของลูกค้าแถมด่าเขาเสียชุดใหญ่ คราวนี้ยังจะมีเรื่องตบตีกับลูกค้าผู้หญิงอีก คราวนี้ฉันเห็นทีว่าจะต้องลงโทษหล่อนเสียบ้างแล้ว”
“ละ…ลงโทษ” นาวิกากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นตามข้างขมับทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไร
“ใช่” สาวใหญ่ผู้ที่เป็นเจ้าของผับพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปยิ้มให้อินอรที่พยุงตัวลุกขึ้นมาแล้วด้วยท่าทางสะบักสะบอม
“ต้องขอโทษแทนเด็กของฉันด้วยนะคะ”
อินอรไม่ตอบอะไรออกมา เธอสะบัดหน้ามามองนาวิกาอย่างเคียดแค้น กรามถูกบดเข้าหากันเป็นสันนูน ในขณะที่นาวิกาเองก็ไม่ยอมหลบตา
“จำไว้ว่าเธอกับฉันมันคนละชั้นกัน”
“ค่ะ ฉันกับคุณมันต่างกันที่ฐานะแต่…ระดับการศึกษาของคุณมันก็ต่ำพอๆกับฉันนั่นแหละ” นาวิกาโต้กลับ แล้วหันมองคนที่ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลัง
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะคุณศิวา”
“รู้จักผมด้วยเหรอ” ชายหนุ่มทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็กแต่โดยดี
“ทำไมจะไม่รู้จักคะ ฉันเห็นหน้าของคุณในหนังสือพิมพ์บ่อยๆ” หญิงสาวตอบเสียงเฉยเมย ไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ได้รู้จัก ‘คนดัง’อย่างเขา
อินอรเม้มปากเข้าหากันอย่างขุ่นเคือง ยิ่งเห็นศิวามองนาวิกาอย่างพอใจ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบนาวิกามากขึ้นเท่านั้น
“ฉันเรียนจบปริญญาโทจากออสเตรเลีย การศึกษาดีกว่าคนอย่างเธอแน่นอน”
“อ้อ เหรอคะ… แต่คุณเคยได้ยินไหมคะ ที่คนโบราณเขาว่าเอาไว้ว่า…สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล จำไว้ว่า ถ้าคุณทำตัวไร้การศึกษากับฉันเมื่อไหร่ ฉันก็จะโต้ตอบในกิริยาที่เหมือนคุณ อย่าคิดว่าเป็นผู้ดีแล้วฉันจะไม่กล้าตบ” นาวิกาพูดพลางยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งเล่นเอาอินอรเลือดขึ้นหน้า
“นี่แก!!” อินอรยกฝ่ามือขึ้น หวังจะตบหน้าเรียวๆนั่นสักทีให้หายแค้น แต่มือใหญ่เอื้อมมาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน
“กลับกันเถอะอร ผมหมดสนุกแล้ว” ศิวาพูดเสียงขรึมๆก่อนจะลากอินอรออกไปจากผับทันทีท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ที่มองตามหลังมาอย่างให้ความสนใจ
พอลับร่างของทั้งสองแล้ว นาวิกาก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาเหลือบแลมาเห็นท่าทางดุดันของเจ้าของผับเข้าพอดี
“นกกา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ไปคุยกันที่ห้อง!!”
“คุณพูดว่าไงนะคะ” อินอรถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อโดนลากออกมาจนถึงรถที่จอดอยู่ในโรงรถข้างๆสถานเริงรมย์
“ผมว่าผมพูดดังแล้วนะ คุณยังไม่ได้ยินอีกเหรอ”
“คุณหาว่าอรผิดงั้นเหรอคะ”
“ใช่ คุณเป็นคนไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน”
“แต่แม่นั่นมันยั่วคุณ”
“ผมไม่เห็นว่าเขาจะยั่วผมตรงไหนเลยนะ”
“แต่ฉันเห็น”
“สายตาคุณมันหาเรื่อง” ศิวาส่ายหน้าพร้อมกับเปิดประตูรถก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ในขณะที่อินอรรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างๆแล้วก้าวขึ้นนั่งด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“อรไม่ชอบสายตาที่คุณใช้มองแม่นั่น” หญิงสาวบอกความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมช้ำของตัวเองไปด้วย
ศิวายกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งพลางหรี่สายตามองคนข้างๆตัวอย่างหงุดหงิด
“คุณมีสิทธิ์หวงด้วยเหรอไง”
“คุณศิวา!!” อินอรตะเบ็งเสียงลั่น แต่เขากลับสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยท่าทางเฉยชา
“เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะไม่ผูกพันกัน”
“แต่ว่าอร…”
“หยุดพูดเถอะ ผมรู้ว่าคุณคิดอะไร และผมก็ไม่อยากฟัง เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
“เอ๊ะ แล้วไม่ไปต่อเหรอคะ”
ศิวาปรายตามองอินอรเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา แล้วพูดว่า
“สภาพอย่างคุณตอนนี้เนี่ยนะ… ผมว่าคุณกลับไปนอนพักที่บ้านน่ะดีที่สุดแล้ว”
รุ่งเช้าของวันใหม่
“กรี๊ดดด !!!” เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นทั่วบ้านหลังเล็กก่อนจะเงียบลงไป ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น….นาวิกานั่นเอง
ก็จะไม่ให้เธออึดอัดใจและเครียดจนต้องระบายออกมาเป็นเสียงกรี๊ดได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนนี้เธอโดนยัยเจ๊มหาภัยเรียกไปด่าซะหูชา
นอกจากจะด่าแล้ว เธอยังโดนภาคทัณฑ์อีกต่างหาก
เจ๊ปากบานเจ้าของผับบอกกับเธอไว้ว่า…หากเธอก่อเรื่องอีกเป็นครั้งที่สาม เธอจะโดนไล่ออกจากงาน
ทำไม…ทำไม และก็ทำไม…ทำไมเธอต้องเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนแท้ๆ
เมื่อคืนนี้กว่าจะได้กลับจากผับก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เมื่อมาถึงบ้าน เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะมัวมานั่งคิดมาก พอล้มตัวลงนอนได้ก็หลับปุ๋ยไปเสียสนิท
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรื่องราวความเครียดจากเรื่องเมื่อคืนก็ประดังประเดเข้ามาไม่หยุด เธอจึงต้องกรี๊ดๆๆเพื่อความโล่งใจของตัวเอง
คิดได้แบบนี้แล้ว เธอจึงขอกรี๊ดอีกสักรอบ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
พอเริ่มจะเจ็บคอ เธอก็หยุดโวยวายอย่างคลุ้มคลั่งแล้วลุกจากเตียงไปล้างหน้าในห้องน้ำ ยังล้างไม่ทันเสร็จดี เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้คนดังจอแจที่หน้าบ้านของเธอ แถมยังมีเสียงตะโกนดังเข้ามาว่า
“คุณครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาวิกาหยิบผ้ามาซับน้ำออกจากใบหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านออกกว้าง และก็ได้พบกับผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่
“มีอะไรกันเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงๆพลางเกาหัวแกรกๆ ขณะที่ชายหนุ่มหนวดดกเป็นฝ่ายตอบออกมาว่า
“พวกผมได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณ เลยนึกว่ามีขโมยเข้าบ้าน หรือไม่ก็…คุณกำลังจะถูกข่มขืน ผมกับชาวบ้านเลยวิ่งมาดูนี่แหละ”
ได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว นาวิกาก็อ้าปากพะงาบๆทันที ก่อนที่หญิงสาวจะแหกปากโวยวายลั่นจนชาวบ้านพากันกระเจิดกระเจิงกลับบ้านตัวเองแทบจะไม่ทัน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรโว้ยยยยยยย ฉันแค่กรี๊ดระบายความทุกข์เฉยๆ!!”