อนุญาต
รถม้าของหวังเยี่ยนหลงแล่นผ่านประตูจวนอันใหญ่โตเข้ามา หยุดลงตรงหน้าเรือนใหญ่ ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ที่ต่างจับจ้องมาด้วยความสงสัย เขาอุ้มเหม่ยซินที่ยังคงนอนสลบไสลลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง ก้าวเดินมั่นคงตรงไปยังห้องของตนเอง
บ่าวไพร่ต่างมองตามหลังเจ้านายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหวังเยี่ยนหลงอุ้มผู้หญิงเข้ามาในจวน แถมยังเป็นหญิงสาวที่พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามอะไรออกไป ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
หวังเยี่ยนหลงวางร่างของเหม่ยซินลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของนางครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งการอาตวนด้วยน้ำเสียงเข้ม
"อาตวน ไปสืบเรื่องของตระกูลเฉินมาให้ข้า ข้าจำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนาง"
อาตวนรับคำสั่งแล้วรีบออกไปทันที ทิ้งหวังเยี่ยนหลงให้อยู่กับความคิดของตนเอง เขาจ้องมองเฉินเหม่ยซินที่ยังไม่รู้สึกตัว ความทรงจำเมื่อคืนยังคงตราตรึงอยู่ในใจ เขาจำได้ว่านางดื่มสุราเพียงเล็กน้อยก็หมดสติไปอย่างง่ายดาย และเมื่อเขาเห็นแผลเป็นที่ต้นขานาง...
ไม่นานนัก อาตวนก็กลับมาพร้อมกับรายงานที่ละเอียดเกี่ยวกับตระกูลเฉิน หวังเยี่ยนหลงเปิดอ่านอย่างตั้งใจ เขาพบว่าเฉินเหม่ยซินไม่ได้รับความรักจากครอบครัวของนางเลย ฮูหยินใหญ่และน้องสาวมักทำร้ายนางด้วยคำพูดและการกระทำ ส่วนเสนาบดีเฉินชูชาง บิดาของนาง ก็กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และยังมีข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ตระกูลของมารดาเหม่ยซินในเมืองหานตานนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะหมอยาที่เก่งกาจ
"ขอบใจมากอาตวน เจ้าช่วยส่งข่าวให้คนที่อยู่หานตานสืบเรื่องของฝ่ายมารดาของนางที ข้าต้องการยืนยันอะไรบางอย่าง" หวังเยี่ยนหลงกล่าวพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องราวในอดีตอย่างเหม่อลอย
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งแวบเข้ามาในความคิด เขาจำได้ว่าเคยช่วยเด็กหญิงคนนั้นไว้จากอันตราย และเด็กหญิงคนนั้นก็มีแผลเป็นที่ต้นขาเหมือนกับเฉินเหม่ยซิน...
หรือว่า...เป็นไปได้ไหมว่าเหม่ยซินคือเด็กหญิงคนนั้น?
หวังเยี่ยนหลงส่ายหัวเบาๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป เขาจะต้องรอให้เฉินเหม่ยซินฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วค่อยถามความจริงจากปากของนางเอง
เขาหันกลับมามองเฉินเหม่ยซินที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าของนางดูสงบและไร้เดียงสา หวังเยี่ยนหลงถอนหายใจเบาๆ เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คือดูแลนางให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
เช้าวันรุ่งขึ้น หวังเยี่ยนหลงสวมใส่ชุดเต็มยศอย่างสง่างาม ก่อนจะรีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้และไทเฮาในวังหลวงทันที
"ฝ่าบาท ฮองเฮา ข้ามีเรื่องจะกราบทูล" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสุภาพ
ฮ่องเต้พยักหน้า "ว่ามา เยี่ยนหลง"
หวังเยี่ยนหลงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาตระหนักดีว่าไทเฮาต้องการจะจับคู่เขากับหลานสาวของพระองค์ แต่เขาจะไม่ยอมให้ใครมาบงการชีวิตของเขาอีกต่อไป โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างการเลือกคู่ครอง
"เนื่องจากศึกในครั้งนี้ข้าเป็นผู้นำทัพจนได้รับชัยชนะ ข้าจึงขอพระราชทานสมรสกับเฉินเหม่ยซิน บุตรสาวคนโตของเสนาบดีเฉินชูชางพะยะค่ะ"
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปในทันที แผนการจับคู่หลานสาวของพระองค์กับหวังเยี่ยนหลงพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ฮองเฮาซึ่งเป็นไม่เบื่อไม้เมากับไทเฮากลับยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ขณะที่ไทเฮาพยายามระงับความโกรธที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในใจ แม้จะยังคงยิ้มแย้มอยู่ แต่แววตากลับเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
ฮ่องเต้หรี่ตามองหวังเยี่ยนหลง ก่อนจะตรัสด้วยน้ำเสียงเข้ม "เยี่ยนหลง เจ้าช่างดื้อรั้นนัก แต่ข้าจะรับรองให้เฉินเหม่ยซินเป็นพระชายาของเจ้า"
หวังเยี่ยนหลงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
ไทเฮายังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้ภายใต้รอยยิ้มที่ฝืนใจ
หวังเยี่ยนหลงมองไปยังเหม่ยซินที่กำลังนั่งอยู่ในสวนสมุนไพรหลังจวนของเขา ทันทีที่สบตากัน สายตาของเฉินเหม่ยซินสะท้อนความสงสัยและไม่เชื่อใจเขา หวังเยี่ยนหลงเดินเข้าไปใกล้และนั่งลงข้างๆ
“เสด็จพ่อมอบสมรสพระราชทานให้ข้ากับเจ้าแล้ว อีกไม่นานคงจะมีราชโองการไปที่บ้านของเจ้า จากนี้ไปเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหนีอีกต่อไป” หวังเยี่ยนหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามอ่อนโยน
“ข้าไม่อยากแต่งงาน” เหม่ยซินตอบเสียงแข็ง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
หวังเยี่ยนหลงขยับเข้ามาใกล้ พลางบีบแขนของนางแน่น
“เจ้าไม่มีทางเลือก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเย็นชา “เจ้าจะต้องแต่งงานกับข้า ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ข้าไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังคงดื้อดึง ข้าก็ไม่มีทางเลือก”
เหม่ยซินรู้สึกถึงความกลัวที่แล่นเข้ามาในใจ นางรู้ว่าหวังเยี่ยนหลงไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครขัดใจ
หวังเยี่ยนหลงเห็นว่าเหม่ยซินยังคงไม่ยอมแพ้ จึงเปลี่ยนท่าทีเล็กน้อยและเริ่มหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความฝันอยากเป็นหมอยาที่เก่งกาจ ข้าสามารถช่วยให้เจ้าทำตามฝันนั้นได้”
“ท่านว่าอย่างไรนะ จวิ้นอ๋อง” เฉินเหม่ยซินถามด้วยความตื่นเต้น การเป็นหมอยานั้นเป็นความฝันของนาง ตั้งแต่เด็กเหม่ยซินก็ใฝ่ฝันอยากเป็นหมอยาเหมือนกับมารดาของนางมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่บิดามารับตัวเข้าจวนไปเมื่อสิบปีก่อนความฝันนั้นเลยถูกพับเก็บไว้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความหวังขึ้นมาอีกครา
“ถ้าเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเรียนรู้ศาสตร์การแพทย์ทั้งหมดที่เจ้าต้องการ ข้าจะยกสวนสมุนไพรทั้งหมดนี้ให้กับเจ้า”
เหม่ยซินชะงักไป นางมองหวังเยี่ยนหลงด้วยความไม่เชื่อใจ “ท่านพูดจริงหรือ?”
หวังเยี่ยนหลงพยักหน้า “คนอย่างข้าไม่เคยผิดสัญญากับใคร”
เหม่ยซินรู้สึกถึงความหวังเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจ นางต้องการทำตามฝันของตนเอง แม้จะต้องแลกด้วยการแต่งงานกับชายที่ยังไม่ไว้วางใจก็ตาม
“ได้... ข้าจะแต่งงานกับท่าน” เหม่ยซินตอบเสียงเบา ดวงตาหลุบต่ำเพื่อซ่อนพิรุธ แต่งไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่ชอบมาพากลเมื่อไหร่ค่อยหาทางหนีทีไล่ในภายหลังก็ยังไม่สาย
หวังเยี่ยนหลงพยักหน้าเบาๆ “จงเป็นเด็กดีของข้า”
ทันทีที่พูดจบเขาก็ลุกเดินออกไป ทิ้งให้เหม่ยซินหัวเราะเริงร่าอยู่คนเดียวในสวนสมุนไพร ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของบ่าวไพร่ในเรือนมากมาย