หมางเมิน
เฉินเหม่ยซินกำลังเดินกลับเรือนรับรองด้วยความคิดที่สับสนว้าวุ่น นางครุ่นคิดถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ การตอบตกลงแต่งงานกับหวังเยี่ยนหลงเพื่อแลกกับการได้ทำตามความฝันในการเป็นหมอยา มันง่ายดายเกินไปหรือไม่ นางตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในขณะที่ความคิดกำลังตีกันวุ่นวายอยู่นั้น เฉินเหม่ยซินไม่ทันสังเกตว่ามีเงาของบุรุษสองคนกำลังสนทนากันอยู่ไม่ไกลนัก นางไม่รู้ว่าบทสนทนาของพวกเขาจะเปิดเผยความลับบางอย่างที่อาจส่งผลต่ออนาคตของนางอย่างใหญ่หลวง เสียงของพวกเขาเล็ดลอดมาเบาๆ แต่เหม่ยซินไม่ได้ยินอะไรเลย นางจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ทันระวังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
ความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วบรรยากาศขณะที่หลินหมิงเจ๋อเผชิญหน้ากับหวังเยี่ยนหลง คำพูดของเขาหนักแน่นและจริงจัง สะท้อนถึงความกังวลอย่างแท้จริงที่มีต่อน้องชายแสนรัก แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเริ่มต้นจากความผิดพลาดของน้องสาวตนเอง แต่หลินหมิงเจ๋อก็ไม่อาจยอมรับการแต่งตั้งเฉินเหม่ยซินเป็นพระชายาได้ง่ายๆ เขาตระหนักดีถึงอันตรายที่แฝงอยู่เบื้องหลังตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ที่เป็นปฏิปักษ์ระหว่างหวังเยี่ยนหลงและชินอ๋อง
หวังเยี่ยนหลงฟังคำทัดทานของหลินหมิงเจ๋อด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาของเขาคมกริบราวกับพยายามอ่านความคิดที่ซ่อนอยู่ภายในใจของคนที่เขานับถือเหมือนพี่ชาย คำถามที่เขาถามกลับนั้นแฝงไปด้วยการหยั่งเชิง
"เพราะเจ้าอยากให้น้องสาวเจ้าเป็นพระชายาแทนหรือ?" น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่แววตาของเขากลับวาววับด้วยความสงสัย
หลินหมิงเจ๋อปฏิเสธทันที เขาเข้าใจดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาล้อเล่น เขาอธิบายถึงความกังวลของเขาอย่างชัดเจน
การเป็นพระชายาของหวังเยี่ยนหลงนั้นไม่ต่างอะไรกับการเดินอยู่บนเส้นด้าย หากชินอ๋องตัดสินใจลงมือ เฉินเหม่ยซินอาจกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เพื่อทำร้ายหวังเยี่ยนหลงได้
"พระองค์ต้องไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ต่อพระชายา" หลินหมิงเจ๋อเตือนสติสหาย "นางอาจกลายเป็นจุดอ่อนของพระองค์ได้"
คำพูดของสหายของเขาเหมือนคมมีดที่กรีดลึกเข้าไปในใจของหวังเยี่ยนหลง เขาตระหนักดีถึงความจริงที่หลินหมิงเจ๋อพูด ชินอ๋องเป็นศัตรูที่ร้ายกาจและคาดเดาไม่ได้ เขาคนนั้นจะไม่ลังเลที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำลายหวังเยี่ยนหลง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ก็ตามที
แต่หวังเยี่ยนหลงก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อความรู้สึกผิดที่เขามีต่อเฉินเหม่ยซินได้ เขาเป็นคนทำให้นางต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายนี้ เขาไม่อาจทอดทิ้งเธอได้
"ข้าเพียงแต่ทำตามหน้าที่" หวังเยี่ยนหลงตอบ "ข้าล่วงเกินนางไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ เหม่ยซินเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานเท่านั้น"
แต่แม้ปากจะพูดเช่นนั้น น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความลังเล หลินหมิงเจ๋อผู้เป็นสหายที่รู้ใจเขามาเนิ่นนานรับรู้ได้ถึงความขัดแย้งในใจของหวังเยี่ยนหลง เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดเตือนสติสหายอีกครั้ง
"ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น พระองค์ต้องไม่ทรงใจอ่อนให้กับนางเด็ดขาด"
หวังเยี่ยนหลงพยักหน้ารับ "ขอบใจสำหรับคำเตือน ข้าจะจำใส่ใจ"
แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถทำตามที่หลินหมิงเจ๋อเตือนได้หรือไม่ เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันระหว่างหน้าที่และความรู้สึกส่วนตัวกำลังบีบคั้นหัวใจของเขา
เขาต้องตัดสินใจ เขาต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยของตัวเองและความรู้สึกที่เขามีต่อเฉินเหม่ยซิน แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกทางใด เขาก็รู้ดีว่ามันจะต้องมีสิ่งหนึ่งที่ต้องสูญเสียไป
วันต่อมา บรรยากาศภายในรถม้าเต็มไปด้วยความเงียบงันและอึดอัด หวังเยี่ยนหลงนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องไปยังภายนอกราวกับไม่มีเฉินเหม่ยซินอยู่ข้างกาย ท่าทีของเขาเย็นชาและห่างเหิน ไม่แม้แต่จะชายตามองหญิงสาวที่กำลังจะเป็นภรรยาของเขา
เฉินเหม่ยซินรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากเขา นางนั่งตัวเกร็ง มือประสานกันแน่น ความรู้สึกสับสนและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของนาง
นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปมากมายเพียงนี้ เมื่อวานเขายังดูเหมือนจะยึดติดกับนาง แต่ตอนนี้เขากลับทำราวกับนางเป็นเพียงคนแปลกหน้า
เมื่อมาถึงจวนเสนาบดีเฉิน หวังเยี่ยนหลงประกาศกร้าวต่อครอบครัวของเหม่ยซินว่า "ข้านำคนมาส่ง รบกวนพวกท่านดูแลนางให้ดี หากวันส่งตัวนางมีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย เปิ่นหวางไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของพวกท่านได้"
เฉินเหม่ยซินรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหวังเยี่ยนหลงจึงทำกันเช่นนี้ ท่าทีของชายหนุ่มในตอนแรกนั้นเหมือนว่าอีกฝ่ายหลงไหลในตัวของนางมาก แต่ทำไมในตอนนี้เขากลับทำตัวห่างเหินกันเล่า
ในขณะที่เหม่ยซินกำลังสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหวังเยี่ยนหลง เถาอี้หยง ญาติผู้พี่ของนางที่มาไกลจากเมืองหานตานก็แวะมาเยี่ยมเยียน พร้อมกับนำข่าวลือที่น่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับหวังเยี่ยนหลงมาเล่าให้ฟัง
"เขาว่ากันว่าจวิ้นอ๋องผู้นี้เกลียดสตรีรูปงามยิ่งนัก และเคยหักขาผู้หญิงที่มาวุ่นวายกับเขามาแล้ว" เถาอี้หยงเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เฉินหม่ยซินพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ นางพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ แต่ภาพของหวังเยี่ยนหลงที่เย็นชาและแข็งกร้าวก็ผุดขึ้นมาในความคิด นางจำได้ถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจทุกครั้งที่นางขัดใจเขา
ความคิดในหัวของเฉินเหม่ยซินเริ่มเตลิดไปไกล จินตนาการไปถึงภาพในคืนวันวิวาห์ของตัวเองกับจวิ้นอ๋อง..
ประตูไม้แกะสลักเปิดผาง ชายหนุ่มในอาภรณ์แดงก้าวเข้ามา แววตาคมกริบภายใต้คิ้วเข้มกวาดมองรอบห้องอย่างเย็นชา ริมฝีปากหยักเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง
หวังเยี่ยนหลง จวิ้นอ๋องผู้เลื่องชื่อที่กำลังแต่งพระชายาเข้าจวนแม่ทัพ
แต่ทว่าคืนนี้ ทุกอย่างกลับว่างเปล่า
“อาตวน!” เสียงทรงอำนาจเรียกองครักษ์คู่ใจ ผู้ที่รู้ใจเจ้านายยิ่งกว่าใคร
“ขอรับ จวิ้นอ๋อง” อาตวนปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว
“ตามหาพระชายาให้พบ หากนางไม่ยอมกลับมาดีๆ ก็ขู่นางไปเลยว่าข้าจะเป็นคนไปหักขานางแล้วลากกลับมาด้วยตัวของข้าเอง!”
“ขอรับ” อาตวนรับคำสั่ง ก่อนจะหายลับไปในความมืด พร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวว่า คงมีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้ว
“คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ เหม่ยซิน” จวิ้นอ๋องแสยะยิ้มมุมปาก
ไม่นานนักอาตวนก็พาเฉินเหม่ยซินกลับมาเข้าห้องหอ หวังเยี่ยนหลงเดินเข้ามาหานาง ราวกับยมทูตที่กำลังจะมาพรากวิญญาณเสียให้ได้
"เจ้ากล้ามากนะที่หนีการเข้าหอกับเปิ่นหวาง" เสียงของเขาเย็นยะเยือกจนเหม่ยซินตัวสั่นเทา
"ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอท่านอ๋องโปรดเมตตา" กล่าวเสียงสั่นเครือ
แต่คำขอกับไร้ผล หวังเยี่ยนหลงลงโทษหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยม เขาหักขาของนางทั้งสองข้าง ทิ้งให้นางนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน