บท
ตั้งค่า

บทที่๗...หนีตาย (๒)

“นี่คือที่อาบน้ำเหรอ”ร่างสูงเดินตามหลังมาก็หยุดชะงักมองอ้าปากค้าง เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับชีวิตชนบทขนาดนี้ เพราะตอนเรียนแม้จะมีการเข้าค่ายก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไปด้วย มีเพียงพสุธาที่มาชวนก็ได้รับคำปฏิเสธจากเขาตลอด

“น่าจะใช่”ตอบเสียงแผ่วเพราะไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกัน ทั้งสองมองไปที่ห้องซึ่งอยู่ใกล้โอ่งน้ำมีสังกะสีล้อมรอบและปิดข้างบนเป็นหลังคา ภราดรรีบเดินไปเปิดประตูห้องนั้นก็พบเพียงโอ่งเล็กมีส้วมซึมโบกปูนขึ้นจากดินเล็กน้อยเท่านั้น ปิดประตูลงทันทีเพราะไม่เคยเข้าห้องน้ำแบบนี้มาก่อน

“ห้องน้ำเหรอคะ”พยักหน้าเป็นการตอบก่อนที่สายตาสองคู่จะมองไปยังโอ่งน้ำอีกครั้ง คงต้องอาบน้ำตรงนี้แล้วจริงๆ

“ฉันจะไปถอดเสื้อผ้า”บอกก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำเพราะไม่กล้าพอจะถอดต่อหน้าเขาในขณะที่ร่างสูงเอาก็ถอดสูทและเสื้อเชิ้ตออก ไม่รู้ว่าจะมีใครตามหาเขาหรือเปล่าโทรหาก็ไม่ได้เบอร์คนรู้จักอยู่ในโทรศัพท์ที่สำคัญคือจำเบอร์ใครไม่ได้เลยสักคนแม้แต่พ่อแม่ตนเอง กลับไปคงต้องเริ่มท่องเบอร์สำคัญเผื่อมีเหตุฉุกเฉินขึ้นจะสามารถติดต่อคนอื่นได้บ้าง

“ใส่ยากใส่เย็น”แม้คุณลุงจะสอนใส่มันก็ยากสำหรับเขาอยู่ดีจนในที่สุดก็สามารถทำสำเร็จจนได้ เปมิกาเดินออกมาจากห้องน้ำโดยใส่ผ้าถุงพร้อมหอบเสื้อผ้าออกมาด้วย

“รีบอาบเถอะเหนียวตัวจะแย่”เป็นการชวนอาบน้ำที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธ วางเสื้อผ้าตนเองเอาไว้ก่อนจะหยิบขันตักอาบโดยราดที่ศีรษะก่อน ทั้งสองคนทิ้งซึ่งความเขินอายตักน้ำในโอ่อาบอย่างรวดเร็วจนกระทั่ง..

“คุณ!”อาจจะเพราะโสร่งที่มัดอยู่ไม่แน่นพอทั้งอาบน้ำด้วยความเร็วจึงทำให้ผ้าที่ภราดรใส่หลุดออก คนที่อยู่ตรงข้ามอย่างเปมิกาเห็นก็ร้องเสียงดังทั้งยังรีบหันหลังปิดตาแน่น ถึงแม้ว่าจะมีสัมพันธ์กันมาหลายเดือนแต่ถ้าให้เห็นแบบนี้ก็ไม่สามารถมองได้เต็มตา

“เฮ้ย”ตกใจจนต้องรีบก้มลงหยิบผ้าโสร่งขึ้นมาผูกใหม่ หากเธอเห็นภายในห้องที่มีกำแพงปิดเขาก็ไม่อายหรอกแต่กลางแจ้งขนาดนี้แม้ตะวันจะเริ่มลับขอบฟ้าแล้วก็ตาม

“ทำไมไม่ผูกให้แน่นกว่านี้”เอ็ดเสียงแข็งที่เขาไม่รู้จักผูกให้ดีทำลูกชายออกมาดูโลกภายนอก

“ก็มันผูกยาก ใครจะไปทำเป็น”ก้มลงมัดโสร่งจนแน่ใจว่าแน่นไม่หลุดก็อาบน้ำต่อโดยมองหญิงตรงหน้า เปมิกาอยู่ในชุดผ้าถุงที่เปียกจนแนบลู่ไปกับลำตัวทำให้เธอดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าตอนตัวเปล่าเสียอีก แต่หากให้เลือกเขาก็ชอบที่ร่างบางไม่ใส่อะไรมากกว่า

“มองอะไรนักหนา”สระผมเสร็จก็ถูสบู่จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงสายตาคู่คมที่มองมาจึงเอ่ยถามด้วยความไม่ชอบใจ

“ก็แค่..ถ้าเราทำกันตอนนี้ ตรงนี้ มันคงแปลกใหม่น่าดู”คำตอบสร้างความโมโหให้นักแสดงสาวจนต้องสาดน้ำใส่เขาเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายที่ตีตื้นขึ้นมา

“พูดอะไรบ้าๆ”คนโดนโจมตีก็รู้สึกเหมือนโดนหยามจึงตักน้ำสาดเธอคืน มองแววตาเรียวของท่านรองประธานที่ไม่มีวี่แววโกรธแค้นหากแต่เต็มไปด้วยความสนุกเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กเธอจึงตัดสินใจสาดน้ำคืนใส่เขา การอาบน้ำครั้งนี้จึงเหมือนสงครามของเด็กหญิงและเด็กชายสองคนจนกระทั่งรู้สึกว่าน้ำจะหมดโอ่งเปมิกาเลยปรามอีกฝ่ายเอาไว้

“คุณเล่นอะไรเป็นเด็กๆ น้ำหมดแล้วเห็นไหม”ภราดรมองดูน้ำก่อนจะเปิดก๊อกปล่อยน้ำลงสู่โอ่งแดง

“นี้ไง เดี๋ยวน้ำก็เต็ม”บางทีเขาก็ดื้อตาใสจนคร้านต่อเถียงด้วย เมื่ออาบน้ำเสร็จก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมแล้วเดินมาที่แคร่ด้วยเท้าเปล่า

“เสร็จแล้วหรือนางหนู ข้าก็นึกว่าจะจู๋จี๋กับผัวนานกว่านี้เสียอีก”คุณป้าเอ่ยล้อด้วยแววตาส่วนมือก็เด็ดผักในมือ

“เสร็จแล้วค่ะป้า ขอโทษด้วยนะคะที่อาบน้ำนานไปหน่อย”ใบหน้าหวานก้มลงต่ำด้วยความเขินไม่คิดว่าจะโดนจับได้ หญิงสูงวัยหัวเราะเสียงดังพลางปัดมือกล่าวอย่างไม่ถือสา

“ช่างมันเถอะ น้ำแค่นั้นเอง พวกเอ็งคงไม่เคยมาอยู่บ้านนาแบบนี้เลยชอบอาบน้ำกลางแจ้งใช่ไหม ข้าก็ลืมบอกว่าห้องน้ำใหม่ที่ลูกข้าทำอยู่อีกทาง พอจะไปบอกก็เห็นอาบน้ำกันแล้วเลยปล่อยเลยตามเลย”บอกช้าไปจริงๆ เปมิกาทำเพียงส่งยิ้มแหย่ให้ก่อนภราดรเดินตามเธอออกมา

“เอาชุดไปใส่สิ ข้าเอาเสื้อผ้าให้ว่าจะหาของลูกสาวแต่พอดีมันดันขนกลับไปด้วยเลยเหลือแต่เสื้อข้า ส่วนเสื้อในของลูกข้ามีอยู่ เอาไปใส่เถอะ”หยิบชุดที่วางบนแคร่มองเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุง

“ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไร คนกันเอง ส่วนพ่อหนุ่มก็ใส่ของตาม่อนไปแล้วกัน ที่หลับที่นอนข้าจัดไว้ให้แล้วตรงชานบ้าน เป็นผัวเมียนอนมุ้งเดียวกันนะ”สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากันทันทีก่อนจะรับคำแล้วเดินไปแต่งตัว ห้องน้ำสร้างใหม่ที่คุณป้าว่าดูดีกว่าหลังบ้านอยู่มากจนต้องกร่นด่าตนเองทำไมไม่มาถามก่อนต้องเจอภาพอุจาดตา ไม่รู้จะเป็นตากุ้งยิงหรือเปล่า

“เสร็จหรือยัง”คนรอข้างนอกถามเสียงดัง

“ใกล้แล้วค่ะ”ถึงปากจะบอกแบบนั้นแต่ดาราสาวก็อ้อยอิ่งอยู่นานหวังแกล้งให้คนที่รออารมณ์เสียซึ่งก็ได้ผลเสียด้วย

“นี่! เธอจะแต่งไปถึงห้าทุ่มเลยไหม”ทุบประตูห้องน้ำถามเสียงเข้มด้วยอารมณ์โมโห รู้ว่าหญิงสาวอาจจะอยากแกล้งเขา เสื้อผ้าแค่นั้นจะแต่งตัวนานอะไรขนาดนี้

“เสร็จแล้วค่ะ”เปิดประตูออกมาร่างสูงก็แทบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เปมิกาที่ปกติใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมทว่าคนตรงหน้าดูไม่เหลือเค้าของดาราสาวที่คนทั่วประเทศรู้จักเลย เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงสีซีด ไหนจะหน้าที่สดแต่ก็ยังคงสวย ผมก็ชี้ไปมาด้วยเพิ่งแห้งและไม่ได้รีดให้เรียบ โดยรวมแล้วดูอย่างไรก็ไม่ใช่เปมิกาของประชาชนเลย

“หัวเราะอะไรคะ”ถามเสียงเข้มกลับบ้างเพราะรู้สภาพตัวเองอาจจะตลก

“เปล่า ออกไปสิฉันจะแต่งตัว”หลบทางให้เขาเดินเข้าห้องน้ำส่วนตนเองก็นำผ้าถุงไปตาก เข้าไปถามคุณป้าขออนุญาตซักเสื้อผ้าท่านก็บอกว่ามีเพียงกะละมังสำหรับซักมือเท่านั้นหญิงสาวก็ไม่เกี่ยงเดินมาหลังบ้านทางด้านขวาเริ่มลงมือซักเสื้อผ้าที่ใส่วันนี้ โดยไม่ลืมของภราดรเพราะคิดว่าอย่างไรเขาก็คงซักไม่เป็น

“ทำอะไรอยู่เหรอ”หลังแต่งตัวเสร็จคนตัวสูงก็เดินตามหาเมียทั่วบ้านจนต้องบอกว่าหญิงสาวอยู่ไหนเขาก็รีบเดินมาหา

“ซักผ้าไงคุณ ถามอะไรแปลกๆ”ทุกวันนี้รู้สึกว่าอีกฝ่ายชักจะพูดเยอะขึ้น ภราดรมองเสื้อผ้าของเปมิกาซึ่งตากอยู่ราวในขณะที่ของเขาก็กำลังถูกซักอยู่

“ฉันซักของฉันเองได้ เอามานี้”หยิบเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยมานั่งแล้วหยิบเสื้อตนเองมาซักโดยไม่มีคำทัดทานจากเปมิกาเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อหยิบเสื้อได้ก็ต้องชะงักด้วยไม่รู้จะซักอย่างไรแต่ดูในโทรทัศน์ก็ไม่เห็นยากตรงไหนเลย

“เชิญค่ะ ซักเลยสิรออะไร”แล้วมันซักอย่างไรเล่า รู้สึกเสียหน้าจนต้องกระแอมเรียกกำลังใจตนเอง

“ฉันไม่ซักแล้ว เดี๋ยวนั่งให้กำลังใจ”อยากจะหัวเราะแต่กลัวเสียมารยาทจำต้องเงียบก่อนซักเสื้อให้เขาต่อไป ภายใต้แสงจากหลอดไฟสีนวลดวงหน้าหวานกลับดูอ่อนโยนขึ้นจนไม่สามารถละสายตาได้ แม้ไม่มีบทสนทนาก็ไม่รู้สึกถึงความอึดอัดจนในที่สุดภราดรก็ทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“วันนี้พวกมันไล่ตามเธอทำไม”ไม่อยากสรุปเอาเองทั้งที่ไม่รู้เรื่องแม้กว่าครึ่งคิดว่าหญิงสาวคงไปขัดแข้งขัดขาใครเข้า

“ช่างมันเถอะ”คำพูดตัดเยื่อใยสร้างความไม่พอใจให้ท่านรองประธานแต่หากเทียบกับความอยากรู้เขาก็เลือกเก็บอารมณ์แล้วค่อยตะล่อมถามอีกครั้ง

“เธอจะไม่ให้ฉันรู้เลยเหรอทั้งที่เราเสี่ยงตายมาด้วยกัน ฉันไม่สมควรรู้อะไรเลยใช่ไหมเปมิกา”น้ำเสียงตัดพ้อจนร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก็จริงอย่างที่ว่าหากวันนี้ไม่ได้ภราดรไม่รู้ว่าชีวิตของตนเองจะเป็นอย่างไร

“พ่อเลี้ยงขายฉันให้เสี่ยที่เขาติดหนี้”ประโยคสั้นแต่รับรู้ได้ถึงความเสียใจที่ส่งผ่านทางคำพูด มือบางไม่หยุดขยี้เสื้อจนเกิดฟอง ใบหน้าหวานเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกแต่เขารับรู้ได้ถึงความเสียใจของเธอ ไม่มีคำพูดใดต่อจากนั้นอีกนอกจากมือหนาค่อยๆ เอื้อมไปซักเสื้อตนเอง

“สอนฉันซักหน่อย”ไม่มีคำปลอบโยนแต่การกระทำเพียงเท่านี้ของเขาก็ทำให้ใจดวงน้อยรู้สึกอบอุ่น

“คุณไม่เคยซักหรือไง”ถามกลับเสียงเรียบ

“บ้านฉันมีแต่เครื่องซักผ้า ใครจะไปซักมือเป็น”ส่วนมากแม่บ้านก็ทำให้ หน้าที่ของเขาคือเรียนพอจบก็มาทำงานเลยไม่มีเวลามาเรียนรู้งานบ้านงานเรือนหรอก

“คุณก็แค่เอามือขยี้แบบนี้”นักเรียนจำเป็นตั้งใจดูคุณครูสอนซักผ้าหากแต่ไม่ค่อยประสบผมสำเร็จเพราะเขาขยี้แรงไปจนน้ำกระเด็นใส่ตนเอง เปมิกามองร่างสูงในเสื้อกล้ามรัดตัวและกางเกงเลยาวเพียงเข่าก็อดหัวเราะไม่ได้ อาจเพราะคุณลุงตัวเล็กพอชุดมาอยู่กับคนตัวโตทำให้เหมือนเขาขโมยเสื้อน้องมาใส่เสียอย่างนั้น

“หัวเราะอะไร”เห็นฟองติดใบหน้าคมก็รีบส่ายหน้าก่อนจะเอามือไปปัดออกให้

“ฟองติดหน้า”สองดวงตาสบกันนิ่งและเหมือนถูกมนต์สะกดเพราะแม้จะมีสิ่งขวางกันใบหน้าก็ค่อยๆ เลื่อนเข้าหากันช้าๆ เหมือนในละครไม่มีผิด ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกันกลับมีเสียงดังขึ้นก่อน

“คุณถ้าซักผ้าเสร็จแล้วมากินข้าวนะ”เหมือนโดนปลุกให้ตื่นจากภวังค์ทั้งสองรีบห่างจากกันทันที เปมิกาก้มหน้าซักผ้าให้เขาโดยที่ภราดรก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทุกอย่างดูเกะกะไปหมด

“ฉันไปรอกินข้าวนะ”บอกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจเมื่อเธอพยักหน้าให้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุทันที ลับหลังร่างสูงหญิงสาวก็ลอบถอนหายใจออกมาช้าๆ หัวใจเต็มเร็วราวกับเป็นจูบแรกเสียอย่างนั้นทั้งที่จริงพวกเขาสัมผัสริมฝีปากกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้แปลกไปที่มันมาจากความรู้สึกรักไม่ใช่อารมณ์ใคร่ดั่งที่ผ่านมา

ซักเสื้อผ้าให้เขาเสร็จก็นำไปตากไว้ เก็บกะละมังล้างมือเรียบร้อยค่อยเดินออกมาที่แคร่ใต้ถุนบ้าน ภราดรนำจานออกมาวางแล้วเรียงไว้ให้จนไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย

“อ้าวนางหนูมาแล้วหรือ มากินข้าวกันข้าทำผัดๆ ทอดๆ ให้พวกเอ็งคิดว่าน่าจะกินได้ ข้าว่าจะทำผัดผักบุ้งพอดีที่สวนมันเยอะเลยเก็บมา กินไปก่อนเลยนะ”คุณป้าเอ่ยขึ้นหันหลังเข้าครัวแต่เปมิกาก็เอ่ยขัดก่อน

“เดี๋ยวหนูไปทำให้ค่ะ พอทำเป็นอยู่บ้าง”แม้จะไม่อร่อยระดับเชฟแต่ก็ไม่ได้รสชาติแย่

“จริงเหรอ”ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจแต่คุณป้าเห็นเดินทางมาเหนื่อยอยากให้นั่งกินข้าวมากกว่าอีกทั้งท่านเป็นเจ้าของบ้านก็อยากบริการแขก

“จริงค่ะ เดี๋ยวหนูทำเอง”ใบหน้าหวานที่เรียบเฉยส่งยิ้มให้หญิงแก่วัยกว่าแล้วเข้าครัวเพื่อทำผัดผักบุ้ง เป็นการโชว์ฝีมือให้สามีจอมปลอมชิมโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของภราดรมองตาม ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามองเธอเปลี่ยนไป...

หรืออาจจะเป็นตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel