บทที่๖...ผิดที่ฉัน (๒)
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาภราดรยุ่งมากเพราะต้องดูแลงานหลายอย่างจนหัวหมุน เริ่มคิดแล้วว่าตนเองน่าจะเรียนในสิ่งที่ชอบ เขาอยากเรียนวิศวะการบินแต่เพราะรู้ว่ากิจการของครอบครัวต้องมีคนมาสานต่อหากหวังกับพสุธาคงยาก และพัลลภก็ไม่ชอบด้านนี้จึงต้องเป็นเขาที่สละความชอบส่วนตัวแล้วเลือกเรียนบริหาร
“ท่านจะให้ผมสั่งอาหารเที่ยงให้ไหมครับ”เลขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ใบหน้าคมเงยหน้าจากเอกสารมองนาฬิกาดิจิตอลบอกเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ทำงานจนลืมเวลาอีกแล้ว
“อือ เอาเหมือนเดิมแล้วกัน”สั่งเสร็จก็ก้มลงทำงานต่อ ช่วงนี้เขามีหลายโครงการต้องดูแลทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปเจอเปมิกา ตอนเย็นต้องไปทานข้าวกับลูกค้าอีกเขาจึงเลือกกลับบ้านมากกว่าไปนอนคอนโด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”บอกเสียงเข้มทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาว่าผู้มาใหม่เป็นใครแต่คิดว่าคงจะเป็นเลขาของตนเองแต่เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคยก็เรียกความสนใจจากเขาได้จนต้องเงยหน้าขึ้น ร่างบางในชุดสูทและกางเกงผ้าเนื้อดียืนส่งยิ้มพร้อมโบกมือให้
“ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้บอกก่อนนะคะท่านรอง”ก้าวอย่างมั่นใจมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าเขาทันที ทุกท่วงท่าของชนัญชิดาล้วนแสดงออกด้วยความมั่นใจไม่เคอะเขิน
“คุณมีอะไร”ไม่ค่อยชอบใจที่มาแบบไม่บอกกล่าวเพราะเขาไม่ชอบการเซอร์ไพรส์จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเครียดแต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะสนใจ
“ก็แค่อยากชวนไปกินข้าวเที่ยง”ได้ยินอย่างนั้นก็หลุบตาลงมองเอกสารที่ค้างตรงหน้า
“ขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าผมไม่ว่าง”ปฏิเสธไร้เยื่อใยหากไม่ทำให้ใบหน้าหวานหุบยิ้มได้เลยเพราะเธอไม่ได้มีแค่แผนเดียวเท่านั้น
“ถ้าคุณไม่ว่างเดี๋ยวด้าจะกินข้าวที่นี่เป็นเพื่อนก็ได้ อ่ะๆ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ ด้าเต็มใจ”เหมือนเดิมไม่มีผิดกับมุกมัดมือชกของเธอหากเป็นเมื่อก่อนภราดรคงจะอมยิ้มไปกับความสดใสร่าเริงของรุ่นพี่ผู้กุมหัวใจทั้งดวงแต่ตอนนี้ไม่ใช่
“ผมไม่ได้เกรงใจแต่ไม่สะดวกใจต่างหาก”คำพูดของเขาทำเอาใบหน้าหวานต้องยู่หน้าแล้วเท้าคางขยับเก้าอี้ให้ชิดขอบโต๊ะพลางยื่นหน้าไปหาเขาแต่ไม่ใกล้มากนัก
“นายภราดรที่แสนดีหายไปไหนแล้วนะ ทำไมมีแต่ท่านรองที่ชอบทำร้ายจิตใจคนนี้มาแทนล่ะ”พูดแกมหยอกทำให้นึกไปถึงครั้งที่ทั้งเขาและเธอยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเรียนคณะเดียวกัน ภาควิชาเดียวกันแต่กลับไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคบกัน
“หิวข้าว ด้าหิวจริงๆ นะดล”ช่วงใกล้สอบเป็นเวลาที่ภราดรมักจะคลุกตัวอยู่ห้องสมุดแต่หลังจากคบกับชนัญชิดาเขาก็ต้องเปลี่ยนมาอ่านหนังสือที่คอนโดของเธอแทน
“ก็ไปกินสิ”ไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงเวลาสอบรุ่นพี่คนสวยไม่อ่านหนังสือเอาแต่นอนหนุนตักเขาแล้วชอบกวนให้เสียสมาธิอยู่เรื่อย มากวนไม่หยุดบ้างมาหอมแก้มสักพักก็จับเขาไปจูบสมาธิกระเจิดกระเจิงไม่เป็นอันอ่านหนังสือ
“อยากให้ดลกินด้วย อ่านมาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ”อ้อนเสียงหวานแล้วลุกขึ้นมาหอมแก้มสากพลางทำหน้าทะเล้นจนเขาเหนื่อยใจ
“ทำไมชอบกวนจังเลย หือ”อดใจไม่ไหวคว้าร่างบางมานั่งตักแล้วกอดเอาไว้ กลิ่นกายของเธอหอมจนต้องก้มลงดมซอกคอขาวอย่างชื่นใจ
“ก็เวลาสอบทีไรดลอ่านหนังสือไม่สนใจใครเลย ยังไงก็ได้เกียรตินิยมเหรียญทองอยู่แล้วจะอ่านทำไมนักหนา”ว่าด้วยใบหน้าแสนงอน ตอนอ่านหนังสือเขาแทบไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำเอาแต่นั่งดูหนังสือจนลืมเวลา
“บ่นจริงๆ”วิธีจัดการของหนุ่มหล่อคือการปิดปากเธอด้วยปากของเขาและมันก็ได้ผล ทั้งสองคลอเคลียกันราวกับไม่เจอกันนานทั้งที่ตัวติดกันจะยี่สิบสี่ชั่วโมง ใกล้สอบชายหนุ่มจะกลับบ้านดึกบิดามารดาก็ไม่ได้ถามมากเพราะลูกชายดูแลตนเองได้
“พอแล้ว จะกินข้าวไหม”จูบดูดวิญญาณทำเอาร่างบางหอบสะท้านต้องเบรกเอาไว้
“ตอนนี้ไม่อยากกินข้าวแล้ว อยากกินคนอยู่บนตักแทน”ว่าจบก็ลุกขึ้นโดยอุ้มเธอด้วย
“ว้าย กลัวตก”ดุเขาเสียงเข้มแต่ไม่ได้จริงจังมากนักเพราะเมื่ออยู่กันสองคนภราดรก็มักจะแกล้งเธอแบบนี้เสมอ
“กอดคอไว้สิ”แขนเรียวยกขึ้นมากอดคอเขาเอาไว้ทันที
“ไม่อ่านหนังสือแล้วหรือ”เลือกที่จะมุ่งตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาวแล้ววางเธอลงอย่างนุ่มนวล ใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่มากนัก
“ไม่อ่านแล้ว ขอกินกระต่ายก่อน”สองคนยิ้มให้ก่อนที่ชายหนุ่มจะโน้มตัวลงมาจุมพิตอย่างอ่อนโยนโดยที่คนใต้ร่างก็ไม่ปฏิเสธกลับเอาแขนขึ้นมาโอบรอบลำคอเขาเอาไว้ หลังจากนั้นทั้งห้องก็มีแต่เสียงแห่งความรักของคนทั้งคู่ ดีที่ห้องเก็บเสียงไม่อย่างนั้นคงได้รับจดหมายจากห้องข้างๆ ให้เบาเสียงกว่านี้หน่อย
“ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้ว”มือหนาเซ็นเอกสารที่อ่านพลางเปิดหน้าอื่นโดยมีชนัญชิดานั่งจ้องเขาเงียบไม่พูดอะไร
“ดล เรื่องนั้นด้าอธิบายได้นะ”อยากเล่าให้เขาฟังแต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน นิรัชเข้ามาพร้อมกล่องอาหารพรีเมี่ยมของท่านรองประธานอีกถุงเป็นอาหารญี่ปุ่นตามที่ชนัญชิดาสั่ง
“อาหารมาแล้วครับท่าน”เงยหน้ามองก็ขมวดคิ้วเพราะเขาไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น
“อีกกล่องของด้าเอง ก่อนเข้ามาเจอคุณนิรัชไปสั่งข้าวให้ดลเลยรบกวนเขาด้วย ขอบคุณนะคะ”หันไปรับกล่องอาหารของตนเอง ในขณะที่ภราดรมองลูกน้องตัวเองด้วยแววตาคาดโทษแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาทำเอานิรัชตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ซวยแน่ๆ
“ไปนั่งกินที่โต๊ะนะคะ กินตรงนี้ดูไม่มีสุขอนามัย”เอ่ยชวนพร้อมทั้งถือกล่องอาหารของเขาไปด้วย ผู้หญิงคนนี้มักทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าปัจจุบันเขากับเธอเป็นผู้ติดต่อธุรกิจกันไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกของเธออีกแล้ว
มองแผ่นหลังบางที่จัดแจงทุกอย่างก็นึกย้อนไปถึงวันนั้น หลังสอบเสร็จเขาบอกจะไปรอเธอในรถข้างตึกเรียนค่อยไปหาข้าวเย็นกิน แต่แล้วก็พบผู้ชายคนหนึ่งเดินไปหาชนัญชิดาโดยเธอมีทีท่าไม่ชอบใจจึงคิดลงไปช่วยหากก็ต้องนิ่งเพราะฝ่ายหญิงจูงกึ่งลากอีกคนไปก่อน ด้วยสงสัยจึงเดินตามพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ สองคนนั้นไปคุยกันที่ตึกเก่าซึ่งคนไม่ค่อยผ่าน
“มาทำไม”เธอถามเสียงเครียดพลางมองโดยรอบกลัวมีคนมาเห็น
“ก็น็อตคิดถึงด้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ด้วย เราเป็นแฟนกันนะ”คำพูดของผู้ชายคนนั้นตีแสกหน้าภราดรจนนิ่งค้าง ถ้าคนที่อยู่กับเธอคือแฟน..
แล้วเขาคืออะไร
“ไม่เอาสิ อย่างอนด้าเลยนะ ด้าแค่ไม่อยากให้น็อตเสียหายที่มาคบกับด้า”แต่สิ่งที่ทำให้เขาช็อคก็คือคำพูดที่เธอพูดกับผู้ชายคนนั้นเหมือนกันที่บอกกับเขา
“ดลไม่โกรธใช่ไหมที่ด้าไม่ให้บอกว่าเราคบกัน ด้าไม่อยากให้คนอื่นนินทาว่าดลคบคนแก่อีกอย่างกลัวเขาจะคิดว่าด้ามาจับดล ด้าไม่อยากให้ดลเสียหาย”ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความรู้สึกของเธอที่มีให้เขามันคือเรื่องหลอกลวงอย่างนั้นหรือ
“ทำไมน็อตได้ข่าวว่าด้าคบกับไอ้ดลด้วย”คำถามของเขาทำเอาหัวใจของหนุ่มรุ่นน้องหัวใจเต้นเพราะอยากรู้คำตอบว่าเธอจะบอกว่าอย่างไร
“ข่าวมั่ว คบที่ไหนกันก็แค่น้องร่วมคณะเท่านั้นเอง อย่าคิดมากเลยนะคะ”มือนุ่มที่เคยจับหน้าเขาตอนนี้กลับจับหน้าอีกคนแล้วดึงเข้าไปจูบโดยไม่อายจนเขาต้องเบือนหน้าหนี คำตอบของเธอชัดเจนดีแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็แค่ควายตัวหนึ่งเท่านั้น
คืนนั้นภราดรเลือกจะไปกินเหล้าให้เมาสมความโง่หลงเชื่อผู้หญิงที่บอกรักเขา หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงเข้าหาแม้ไม่อยากเล่นด้วยแต่ตอนเมาก็เผลอกอดเอวและหอมแก้มไปบ้างด้วยความซวยจึงเจอผัวน้องเรียกพวกมาตีอยู่หลังร้าน ตอนแรกนึกว่าจะไม่รอดดีพวกมันหยุดแล้วปล่อยเขาทิ้งไว้ตรงนั้นแทน มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาช่วยจำหน้าเธอไม่ได้แล้วรู้เพียงรูปร่างอวบผิวขาว
“ดลคะ มากินข้าวค่ะ”เห็นอีกฝ่ายเหม่อจึงเรียกพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ภราดรคว้าโทรศัพท์ กระเป๋าเงินและกุญแจรถ
“เชิญคุณเลย ผมจะออกไปข้างนอก”เดินเร็วออกไปทำเอาชนัญชิดาได้แต่ร้องเรียกตามแต่ไม่ทัน ลับหลังเขาเธอถอนหายใจออกมานั่งลงบนโต๊ะด้วยความขัดใจ เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานเธอจะทำให้ภราดรกลายเป็นเด็กน้อยแสนเชื่องคนเดิมให้ได้
วันนี้เปมิกาไม่มีถ่ายละครและอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็จะปิดกล้องแล้ว เธอนับวันรอแทบไม่ไหวเพราะกลังจากจบเรื่องนี้หญิงสาวก็จะกลายเป็นคนว่างงานทันทีแต่ก็มีอีเว้นและโฆษณาที่รับไว้นานแล้วเพิ่งจะมีคิวให้
เที่ยงวันร่างบางค่อยลุกจากที่นอนเพราะเมื่อคืนกว่าจะถึงห้องก็ตีสามไปแล้ว วันไหนถ่ายดึกก็เสร็จเช้าวันใหม่เตรียมของไปใส่บาตรได้เลย เดินตรงไปยังห้องน้ำชำระร่างกายเปลี่ยนชุดอยู่บนปกติแล้วทำอาหารเที่ยงกิน แอบมองโทรศัพท์บ่อยครั้งเผื่อมีสายเรียกเข้าจากคนที่รอแต่ก็ไร้วี่แวว อีกไม่นานเขาก็คงเบื่อเธอและยกเลิกสัญญา
คิดถึงเมื่อวันก่อนที่พี่ชายมาหาอยู่กองอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียวยังพาแฟนสาวที่จะแต่งงานมาด้วย การมาของเปมทัตเพราะมาเตือนให้เธอเลิกยุ่งกับภราดรเขาเห็นจากข่าวแล้วและเชื่อว่าเธอยังติดต่ออีกคนอยู่ เธอเพียงพยักหน้ารับฟังเท่านั้นหากแต่จะทำตามหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของตนซึ่งแม้จะเจ็บปวดแต่ก็ดื้อเกินกว่าจะเดินออกจากเขาในตอนนี้ได้
“ค่ะ”ขณะที่กินข้าวอยู่สายเรียกเข้าสร้างความประหลาดใจแก่เธอยิ่งนัก
‘อีกสิบห้านาทีฉันจะถึงคอนโดเธอลงมารอข้างล่าง’ไม่ให้ได้ตอบรับก็ตัดสายไปเสียก่อน ผู้ชายอะไรเอาแต่ใจชะมัดแล้วอย่างนี้จะขัดคำสั่งเขาได้อย่างไรแม้จะอยากดื้อแต่ก็รู้ว่าภราดรสามารถขึ้นมาหาถึงข้างบนได้
สิบนาทีต่อมาเปมิกาก็ลงไปรอเขาข้างล่างที่ลานจอดรถของคอนโดโดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่อย่างรอโอกาส
“นี่หรือเปมิกา”ชายฉกรรจ์สามคนตัวใหญ่ทั้งยังล้ำเดินมาล้อมร่างบางเอาไว้ด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม แม้จะกลัวแต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกหรือโวยวายแต่อย่างใด ทั้งที่คอนโดแห่งนี้มีการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมแต่ทำไมถึงเข้ามาได้
“ต้องการอะไร”เชื่อว่าตนไม่เคยทำร้ายหรือไปขัดแข้งขัดขาใครจนต้องส่งคนมาทำร้าย
“พ่อแกขายแกให้กับเสี่ยวันชนะแล้วเว้ย”ว่าพลางหัวเราะด้วยความสะใจยิ่งเห็นใบหน้าหวานซีดเผือด ทั้งที่เธอโอนเงินให้แต่อีกคนก็ยังกล้าเอาเธอไปขาย! มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอสักนิด โกรธจนตัวสั่นน้ำตาแทบจะไหลด้วยแค้นเคืองยิ่งนัก
“จับมันไป”สั่งลูกน้องให้เอาตัวไปแต่เปมิกาที่มีฝึกมวยไทยพอรู้วิธีอยู่บ้างจึงใช้การหลบหลีกและป้องกันตัวเล็กน้อยวิ่งหนีออกจากการจับกุม ในใจภาวนาให้ภราดรรีบมา
“ตามไปจับมันให้ได้ อย่าหนีนะเว้ย”ตะโกนเรียกอีกทั้งยามของตึกได้ยินก็วิ่งกรูเข้ามา เปมิกาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตหวังให้รอดจากตรงนี้ก่อนจะมีรถคันหนึ่งปาดหน้าเธอทำเอายั้งเท้าแทบไม่ทันใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“ขึ้นมาเร็ว”กระจกเลื่อนลงเป็นภราดรใจเธอก็เต้นด้วยความดีใจ เขามาช่วยเธอได้ทันพอหันไปมองข้างหลังยังมีพวกนั้นวิ่งตามก็รีบขึ้นรถเขาอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับตนเองมาก่อน เพราะไอ้คนชั่วคนเดียวที่ทำลายชีวิตเธอลง คิดแล้วก็กำมือแน่นด้วยคับแค้นใจ
“ให้ตาย มันขับรถตามมา!”ภราดรสบถเสียงดังแล้วขับรถหนีด้วยความเร็วกว่าเดิม ใจของทั้งสองลุ้นระทึกราวกับกำลังถ่ายหนังบู๊กลางเมือง ไม่รู้ว่าจะหนีพวกมันพ้นหรือไม่เพราะอีกฝ่ายทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปยิงปืนใส่เสียงดัง!