บทที่๖...ผิดที่ฉัน (๑)
บทที่๖...ผิดที่ฉัน
มือหนาค่อยๆ ปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนลุกไปนั่งที่เดิมของตนเอง เสียงเพลงบรรเลงไปโดยที่ทั้งโต๊ะไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นเลย สองคนต่างจมอยู่ในความคิดตนเองไม่รับรู้โลกภายนอกจนกระทั่งภราดรดื่มไวน์จนหมดขวด
“กลับเถอะ”ชวนเธอพร้อมทั้งเรียกบริกรเก็บเงิน เปมิกาไม่ขัดเพราะอยากกลับเช่นเดียวกัน ก่อนมาหวังจะดื่มด่ำบรรยากาศกับเขาแต่ความจริงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เหมือนเธอมาสนามรบซึ่งมีคำพูดเป็นอาวุธเชือดเชือนทำร้ายหัวใจให้แหลก
ลุกขึ้นจะกลับแต่ภราดรก็เดินมาโอบเอวเธอผ่านโต๊ะของชนัญชิดาไม่หันไปมองผู้หญิงคนนั้นแม้หางตา ดาราสาวยิ้มเยาะตนเองที่อย่างไรก็เป็นเพียงผู้หญิงที่เขาใช้เป็นเครื่องมือให้อีกคนเจ็บปวดโดยไม่สนใจความรู้สึกของเธอสักนิด
“จะไปไหน”ลงมาข้างล่างเธอก็ผละจากเขาจะเดินไปรถของตนเอง
“ฉันจะกลับคอนโด”มือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้เสียก่อน ดวงตาคมมองดุราวกับครูปกครองเห็นเด็กเกเร
“ฉันไม่ให้กลับ”ว่าอย่างเอาแต่ใจราวเด็กแปดขวบแต่จะให้เธออยู่ไปทำไมจะมีแต่ทะเลาะกัน
“มันเป็นสิทธิ์ของฉันนะคะคุณภราดร และฉันจะกลับ”ย้ำชัดให้เข้าใจถึงเจตนาของตนเอง พยายามสะบัดมือเขาออกแต่แรงของอีกฝ่ายก็มีมากเหลือเกิน
“ปล่อย”
“ไม่”สองสายตาจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ เธอจะไม่ไปคอนโดของเขาแน่นอนนอกจากจะเป็นคู่นอนเขายังให้เป็นหมากในเกมรักของเขาอีก และวันนี้เธอจะไม่เป็นคู่นอนให้ทั้งที่เขายังคิดถึงคู่รักอยู่หรอก
“เธอยังอยู่ในสัญญานะเปมิกา และถ้าฉันต้องการเธอก็ต้องทำ”กระชากร่างบางเข้ามาหากระซิบเสียงเข้มพร้อมลากคนตัวเล็กกว่าไปยังรถของตนเองไม่สนว่าจะมีแรงขัดขืนขณะเดินตามเขาก็ตาม
“เดินช้าๆ หน่อย”ใส่อารมณ์ในน้ำเสียงจนภราดรยกยิ้มมุมปาก เขาชอบที่จะเห็นเธอในหลากหลายอารมณ์ไม่ใช่ทำหน้านิ่งราวกับไม่ยี่หระทุกสิ่งบนโลก
“นั้นมันเรื่องของฉัน”แม้จะบอกแบบนั้นแต่ก็ลดการก้าวให้เธอเดินตามทัน เปิดรถแล้วจับร่างบางยัดจนหัวไปโขกกับโครงประตูด้านบนต้องจับเพื่อคลายความเจ็บ มองร่างสูงด้วยแววตาคาดโทษแต่ฝ่ายนั้นก็ยกยิ้มมุมปากราวเยาะเย้ยค่อยเดินอ้อมไปอีกฝั่ง
“นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ”บ่นอุบก่อนจะเงียบเมื่อเขาขึ้นมานั่งด้านคนขับ
“แล้วรถฉัน”พูดยังไม่จบก็โดนขัดเสียก่อน
“พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”สตาร์ทรถแล้วขับออกจากโรงแรม ไม่นานฝนก็ตกทั้งที่เมื่อสักครู่อาการร้อน ดวงตาเรียวยาวของนางเอกสาวจ้องมองเม็ดฝนที่ตกกระทบกระจกก่อนจะไหลลงภายในเวลาอันสั้น ความเย็นภายนอกและภายในไม่เท่ากันทำให้กระจกเป็นฝ้า
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นแฟนเก่าคุณหรือ”ถามในขณะที่ไม่ได้หันไปมองเขา สายตายังอยู่ที่ฝ้ากระจกก่อนจะยกมือขึ้นขีดไปมาไม่มีรูปร่าง
“อือ นานมากแล้ว”คำตอบตรงไปตรงมาก็ทำให้เจ็บอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีการขยายความมากกว่านั้นและเธอก็ไม่เอ่ยถามอะไรอีก กว่าสองชั่วโมงที่รถติดไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นทั้งสองต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
“คุณเคยทำผู้หญิงท้องไหม”ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ ก็เอ่ยถามขึ้นจนภราดรต้องหันไปมองเธอแต่คนถามกลับเอาแต่มองออกไปข้างนอกทั้งที่มีเพียงรถราเท่านั้น
“ไม่เคย ฉันป้องกันดีถ้าจะมีก็พวกที่คิดจะจับซึ่งฉันก็มีวิธีจัดการกับผู้หญิงพวกนั้น”เปมิกาหันมามองเขาก่อนเบนหน้ากลับไปทางเดิม นั้นไม่ใช่คำตอบหรอกมันคือคำเตือนต่างหาก เตือนว่าอย่าใช้วิธีนั้นในการจับเขา
“นั้นสินะ คุณจะเคยได้ยังไง”พูดเสียงเบาราวกระซิบก่อนจะยิ้มเยาะตนเอง เขาไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ
รถเคลื่อนตัวถึงคอนโดชายหนุ่มในเวลาเที่ยงคืนและแน่นอนว่าพรุ่งนี้ดาราสาวมีงานละครต่อแต่เวลาไม่เช้าเท่าไหร่อย่างพรุ่งนี้ก็นัดบ่ายเพราะฉากของเธอถ่ายเก็บเกือบครบแล้ว ร่างบางในชุดเดรสราตรียาวเดินลงจากรถนำเขาไปแต่ต้องหยุดรอเพราะไม่มีคีย์การ์ด
“รีบจังนะ”หันมาแซวภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
“ฉันจะนอน”บอกเจตนารมณ์ชัดเจนแต่เชื่อเถอะว่าเธอไมได้นอนอย่างสงบสุขแน่ ภราดรพาหญิงสาวเข้ามาภายในคอนโดก่อนจะรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทระหว่างรอลิฟต์
“มีอะไร ดึกแล้วมึงโทรมาทำไม”ว่าเสียงหงุดหงิดพอดีกับลิฟต์มาถึงจึงเข้าโดยไม่รออีกคน เขากดชั้นที่ต้องการทันที
“เรื่องของมึง ไม่ แค่นี้นะ”เหมือนจะวางสายแต่อีกฝ่ายคงรั้งเอาไว้ก่อน
“เออกูจะจำไว้”ท่านรองประธานวางสายไปด้วยใบหน้าอมยิ้มราวมีความสุขที่ได้แกล้งเพื่อนสนิทซึ่งเป็นลูกของอาได้ มีอย่างที่ไหนจะไปเที่ยวกับเพื่อนดันบอกให้เขาโทรหลอกเมียตัวเองให้ ถ้าดาริการู้เขาก็ซวยไปกับมันสิ
ภราดรกดรหัสเข้าห้องและใช้คีย์การ์ดเปิดอีกชั้น ระบบป้องกันที่ปลอดภัยทำให้เขาเลือกจะซื้อคอนโดแห่งนี้ไว้เพื่อพักผ่อนหากเลิกงานดึกจนช่วงสามเดือนหลังมานี้ได้ใช้บ่อยเหลือเกิน เข้ามาภายในห้องไฟก็สว่างไปทั่ว
“จะไปไหน”คว้าแขนเรียวไว้เมื่อเห็นเธอเดินไปห้องเล็กแทนที่จะเป็นห้องใหญ่ของเขาที่เธอเคยนอนอยู่ทุกคืน
“ฉันจะนอนห้องเล็ก”บอกเสียงเรียบและภราดรก็ไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น
“ฉันไม่อนุญาต ห้องนี้เป็นของฉันถ้าจะนอนต้องได้รับคำอนุญาตจากฉันก่อน”ว่าแล้วก็พาร่างบางเดินไปยังห้องใหญ่ของตนเองแม้ว่าจะเจ็บเพราะแรงที่เขาจับก็ไม่ใช่เบาก็ไม่ปริปากบ่นให้ได้ยิน
“คนเผด็จการ”ได้เพียงบ่นเบาๆ กับตนเอง
“ไปอาบน้ำ ชุดก็ใส่ของฉันก่อน”ปิดประตูห้องได้ก็บอกให้เธออาบน้ำทันทีและเปมิกาก็ไม่คิดจะเถียงเขาด้วยเหนียวตัวอยากชำระร่างกายก่อนนอนจึงเดินไปห้องอาบน้ำทันทีแต่แล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดเพียงแผ่นแผ่นหลังขาวเนียนตา
“เดี๋ยวก่อน”คว้าแขนอีกคนเอาไว้ทำให้ดวงตาเรียวต้องตวัดมองอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
“อะไรอีกคะ”เน้นเสียงใส่พลางทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“แค่จะบอกว่า ฉันจะอาบด้วย”โดยไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็อุ้มเธอขึ้นราวกับไม่หนักแต่ด้วยความกลัวจึงรีบเอาแขนคล้องคอเขา
“ทำบ้าอะไรของคุณ ฉันจะอาบคนเดียว”บอกเสียงแข็งทั้งยังมองเขาด้วยความไม่ชอบใจแต่อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้เธอแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“อาบพร้อมกันจะได้ไม่เปลือง แถมยังประหยัดเวลาด้วย”ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็พาเธอเข้าไปห้องน้ำจัดการลอกคราวแม่เสือสาวทันที เสียงกรีดร้องโวยวายเปลี่ยนเป็นครวญครางอย่างรัญจวนใจ ลืมความเศร้าเมื่อครู่ไปเสียสิ้นเมื่อมีเพียงกันและกัน หัวใจที่เคยโดดเดี่ยวกลับเริ่มมีอีกคนเข้ามาครอบครองโดยที่ภราดรไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าเวลาเท่าใดแล้วดวงตาสวยค่อยๆ ลืมขึ้นเพราะรู้สึกหนักที่เอวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากเมื่อพบคนที่อยู่ตรงข้ามก็ทำให้เธอนิ่งอึ้งอย่างไม่คาดฝัน
เขายังอยู่..
ภราดรไม่ได้กลับแต่เขานอนอยู่ข้างเธอทั้งคืนและเขากอดเธอเอาไว้อีกด้วย หัวใจขับเคลื่อนด้วยความสุขอีกครั้งในรอบหลายปี ลืมเรื่องเมื่อคืนที่เคืองเขาไปเสียสิ้นเพียงแค่ชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าและยังเห็นเธอในสายตาบ้าง ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่เธอนอนมองหน้าเขาด้วยความรักที่มอบให้หมดหัวใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เคยตัดออกไปจากใจได้เลย
หลังจากนอนเต็มอิ่มร่างสูงก็พลิกกายไปอีกทางพลางเหยียดแขนไล่ความเหมื่อยขบ หันมาทางเดิมหวังจะกอดร่างนุ่มนิ่มที่เขากอดไว้ทั้งคืนก็พบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ตื่นเต็มตามองหาเปมิกาแต่ก็ไร้วี่แวว หรือเธอจะกลับไปแล้ว
ลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกไปข้างนอกห้องก็ได้กลิ่นอาหารจนต้องเดินตาม ภายในครัวที่ไม่ได้รับการใช้งานกลับมีหญิงสาวคนหนึ่งง่วนกับการทำอาหาร ภราดรเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบนั่งที่โต๊ะโดยมีเคาท์เตอร์วางของกั้นอยู่ ร่างบางไม่รู้ว่ามีคนกำลังนั่งมองตนเองเพราะมัวแต่ยุ่งกับการทอดไข่ดาวจนกระทั่งหันมาเอาจานจึงสะดุ้งกับสายตาของเขา
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก
“เมื่อกี้”ตอบกลางเท้าคางมองอาหารที่อยู่ในจานมีทั้งแฮม ไส้กรอก แซนวิชและไข่ดาวที่พึ่งสุก
“ฉันทำอาหารเช้าเผื่อคุณ”ถือจานมาวางตรงหน้าเขาพร้อมทั้งน้ำดื่มก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้าม เปมิกาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของคนตัวสูงที่ยาวเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อย แม้จะรู้สึกโล่งข้างบนแต่เสื้อก็หนาพอจะปกปิดไม่ให้เห็นภายในได้
“ขอบใจ”ครั้งแรกที่ได้นั่งทานอาหารเช้าด้วยกันแม้จะรู้สึกแปลกแต่ก็มีความอิ่มเอมใจมากกว่า แม้ไม่มีสนทนาบนโต๊ะอาหารต่างคนต่างทานไปเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
“ใส่ชุดฉันไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไปส่งที่คอนโด”พยักหน้ารับโดยไม่ได้คัดค้าน หลังทานเสร็จเปมิกาก็นำจานไปล้างส่วนภราดรก็แยกตัวไปอาบน้ำเพราะหลังส่งเธอเสร็จคงเข้าบริษัทเลย
“ฉันวางชุดไว้ให้ที่เตียง”เห็นร่างบางเดินเข้ามาก็บอกเธอจึงเข้าไปหยิบเสื้อเชิ้ตและกางเกงไซส์เล็กของผู้หญิงขึ้นมา ชุดใคร..
“ของน้องญาติฉันเอามาทิ้งไว้นานแล้ว ใส่ๆ ไปเถอะน่าจะเอวเท่ากัน”ได้รับคำตอบก็อยู่ในข่ายพึงพอใจจึงไม่โต้แย้งอะไร เดินเข้าห้องน้ำไปชำร่างกายแม้จะเพลียเพราะกว่าจะได้นอนก็ตีสองเข้าให้แล้ว ภราดรเรียกร้องจากเธอราวกับอดยาก
หลังแต่งตัวเสร็จก็พากันออกจากห้องโดยไปส่งเปมิกาที่คอนโดก่อนเขาจึงวกรถกลับมาไปที่บริษัทของตนเอง “แล้วจะไปทำงานยังไง”ลงจากรถเขาก็เอ่ยถามตนเองแล้วถอนหายใจเพราะต้องใช้บริการแท็กซี่เสียแล้ว เย็นนี้ค่อยไปเอารถแล้วกัน
เดินขึ้นห้องด้วยใบหน้าสดใสทั้งที่เมื่อคืนเธอบอบช้ำทางความรู้สึกแต่ตอนเช้าเขาก็ทำให้เรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน แม้อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความหวังแต่การที่ตื่นมาเห็นหน้าเขา ถูกนอนกอดและทานอาหารเช้าด้วยกันมันก็เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจดวงน้อยที่อ่อนแรงให้มีพลังขึ้น