บทที่๕...หมากตัวหนึ่ง (๒)
“สู้สิเปรม”มองตนในกระจกก็เรียกพลังค่อยลงจากรถ ร่างบางในชุดสวยตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มหลายคนที่จำได้ว่าคือดาราสาวคนดัง เดินเข้ามาในโรงแรมที่ตกแต่งแบบวินเทจทั้งโคมไฟและโซฟานั่งตรงล็อบบี้ สายตาเรียวมองหาคนที่นัดเธอก่อนจะเห็นเขานั่งก้มหน้าอยู่จนกระทั่งอีกคนเงยหน้าขึ้นสบตากัน ตอนนั้นเหมือนโลกหยุดหมุนและเธอมั่นใจว่าเขามีแววตกตะลึง
“ไปกันหรือยัง”เดินเข้ามาหาพร้อมเอ่ยถามเสียงนิ่งแต่เจือด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็น อีกฝ่ายยืนขึ้นเต็มความสูง เขาอยู่ในชุดสูทครบเซทที่หล่อจนสาวหลายคนมองตาค้าง
“ไปเถอะ”สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันเพื่อขึ้นไปยังห้องอาหารชั้นดาดฟ้าที่คิวยาวจนต้องจองข้ามเดือนแต่เพราะภราดรเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายเจ้าของโรงแรมเพียงโทรกริ๊งเดียวเขาก็ได้โต๊ะโดยไม่ต้องจองแค่จ่ายหนักหน่อยเท่านั้นเอง
ระหว่างขึ้นไปชั้นที่หมายไม่มีบทสนทนาเริ่มขึ้นและเปมิกาก็ไม่กล้าจะถามอะไรเขาแม้ในใจจะมีคำถามมากมายก็ตาม ภายในลิฟต์ที่มีเพียงสองคนบรรยากาศน่าอึดอัดเพราะไม่มีเสียงอะไรเลยทั้งเขายังหน้าเข้มราวกับเครียดนักหนา
ติ๊ง
ประตูเปิดออกทั้งสองก็ก้าวจากลิฟต์ทางเดินไปยังโต๊ะที่จอง ระหว่างทางเดินเข้าไปภายในผนังรอบข้างเป็นสไตล์วินเทจราวย้อนไปเหมือนหลายสิบปีก่อน สวยแบบคลาสสิคแต่เมื่อเข้ามาภายในก็ต้องชมสถาปนิกออกแบบมาได้อย่างสวยงาม และด้วยเป็นชั้นบนทำให้มองเห็นบรรยากาศในกรุงเทพฯ ได้ทั่ว คนไม่ค่อยมาอย่างเปมิกาก็ได้แต่ชื่นชมความงามโดยลืมมองภราดรจนอีกฝ่ายต้องเดินมาจูงมือเธอ
“อ่ะ”ไม่ทันตั้งตัวมือหนาก็กอบกุมข้อมือเล็กพาโต๊ะติดกระจกที่สามารถมองเห็นวิวได้มากกว่าตะข้างใน
“นั่งสิ”เขาไมได้เลื่อนเก้าอี้ให้แต่อย่างใดเพียงแค่ปล่อยมือให้เธอจัดการเอง เมื่อทั้งสองนั่งลงแล้วบริกรก็เดินเข้ามารับเมนูซึ่งด้วยความเกรงใจร่างบางสั่งเพียงแค่ไม่กี่อย่างก่อนเขาจะปิดท้ายด้วยไวน์ยี่ห้อดีที่แค่มองราคาก็แทบลมจับ เธอต้องออกอีเว้นกี่งานถึงจะซื้อได้หนึ่งขวด
“คุณไม่กลัวคนถ่ายรูปเหรอ”เริ่มเอ่ยกับคำเป็นคำถามแรกของวัน มองโดยรอบที่ไม่ค่อยมีคนอาจเพราะพวกเขามาเร็ว
“ไม่ ฉันสั่งห้ามถ่ายรูป”เสียเงินหนักขนาดนั้นก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสียหน่อย และหากมีภาพของตนกับดาราสาวออกในหนังสือพิมพ์ก็จะฟ้องโรงแรมที่สร้างความเสื่อมเสียให้ ทำเอาพีมกรหรือพามซึ่งเป็นเพื่อนสนิทต้องรับคำอย่างแข็งขันว่าจะดูแลให้อย่างดี
“อ๋อ คำตอบของเธอก็ฉลาดดีนะ พี่ชายอย่างนั้นเหรอ”ในขณะที่รออาหารเขาก็เอ่ยกับเธอพร้อมใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะ
“ค่ะ”พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอารมณ์น้อยใจก็ตีตื้นทันทีเพราะยังจำคำสัมภาษณ์ของเขาได้ทุกคำจำขึ้นใจเสียยิ่งกว่าบทละครอีก
“พี่ชายเธอกอดขนาดนั้นเลยเหรอ”ว่าเสียงเยาะพร้อมแววตาดูถูกจนหญิงสาวต้องกำกระโปรงแน่นเบนหน้าไปมองบรรยากาศของเมืองกรุงแทนใบหน้าคม
“คุณก็ตอบได้ดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะโกหกแนบเนียนขนาดนั้น”พูดออกมาเอื่อยๆ เหมือนคนไม่รู้สึกกับคำตอบของชายหนุ่ม
“คงสั่งสมประสบการณ์มาเยอะพอสมควร”ไม่ปล่อยให้เขาได้โต้ตอบก็รีบว่าต่อแล้วเบนสายตามามองใบหน้าหล่อที่นิ่งแต่สันกรามขบเข้าหากันราวแค้นเคืองในเรื่องที่เธอพูด
“เธอกำลังว่าฉันอยู่นะเปมิกา”ว่าเสียงนิ่งทั้งยังกดต่ำให้ได้ยินเพียงสองคน
“ไม่จริงหรือคะ ในเมื่อคุณคบผู้หญิงในวงการเยอะก็คงมีคำตอบนับล้านเวลาสื่อสัมภาษณ์”เวลาที่คนเงียบประชดประชันบางอย่างก็ทำเอาเขาอยากลุกขึ้นไปกระชากตัวเธอแล้วปิดปากบางนั้นด้วยปากของเขาเองแต่เพราะไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานจึงต้องเงียบเอาไว้และลงโทษทางสายตาแทน
“เปมิกา”ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรอาหารก็มาเสิร์ฟเสียก่อนทั้งสองจึงต้องยุติศึกที่กำลังจะเกิด บรรยากาศเริ่มไม่ดีดังที่เปมิกาหวังเอาไว้ จนเกิดคำถามในใจว่าเขาชวนเธอมาทำไมกัน
เวลาล่วงเลยไปพร้อมกับเสียงดนตรีที่เริ่มบรรเลงแต่ทั้งสองคนก็เงียบไม่มีบทสนทนาต่อจากนี้ราวกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดาวบนท้องฟ้าไม่มีสักดวงอาจเพราะด้านล่างสว่างเกินไปจนไปกลบแสงริบหรี่ของดวงดาวจนมองไม่เห็นอะไรเลยแม้กระทั่งดวงจันทร์
“คุณชวนฉันมาทำไม”หลังจากทานของคาวอิ่มเปมิกาก็ถามเขาขึ้นด้วยความสงสัย ไม่มีเหตุผลสักนิดที่พาเธอมานั่งทานข้าวเงียบๆ และพูดประโยคแดกดันเมื่อสักครู่
“ดินเนอร์”ตอบเสียงเรียบพลางจิบไวน์ราคาแพงมองทิวทัศน์ด้านนอกโดยไม่สนใจจะหันมาสบตากับคนฝั่งตรงข้าม ลมร้อนพัดปะทะผิวบางแม้จะเป็นช่วงค่ำแต่อากาศก็ไม่ได้เย็นขึ้นมากนักจะดีก็เพียงไม่ได้ส่องสว่างจนแสบผิว
“คุณก็รู้ว่าสถานะเราไม่ควรมาดินเนอร์”ตอบตามความจริงแม้จะเสียใจเพราะเหมือนจะตอกย้ำตนเองก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็หนีความจริงไม่พ้น..เธอมันก็แค่คู่นอนชั่วคราวของเขา
“ใช่ และมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย”หันมาตอบโดยแววตายังคงไม่แสดงความรู้สึกเช่นเดิม หัวใจเจ็บจนต้องหยิบไวน์ขึ้นมาดื่มปล่อยให้เสียงเพลงขับกล่อมต่อไป กล่อมใจที่กำลังร้องไห้เพราะแผลที่เขาเป็นคนลงมืดกรีดซึ่งเธอยื่นมีดนั้นให้ด้วยมือของตนเอง
“อ้าวดล ไม่คิดว่าจะเจอ”ความเงียบระหว่างสองคนถูกแทรกด้วยหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าแต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยมาก และชุดที่ใส่ก็คล้ายเธอเหลือเกิน
..ชุดสีแดง ผ้ากำมะหยี่ เดรสสายเดี่ยว
แต่แตกต่างตรงที่แววตาของภราดรที่มองผู้หญิงคนนั้น มันมีแววความโหยหาที่ดูได้ง่ายเหลือเกิน นักแสดงสาวนั่งนิ่งลำคอตั้งตรงพยายามเรียกสติตนเองไม่ให้หลงไปกับความคิดมากหากก็ทำได้ยาก
“อยู่นอกเวลางานเรียกชื่อเล่นได้ใช่ไหม”น้ำเสียงมีแต่ความสดใสทั้งยังใบหน้ายิ้มแย้มจนเธออิจฉา ทำไมถึงยิ้มได้จริงใจขนาดนี้
“ได้”แม้ว่าภราดรจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพียงใดแต่คนที่สังเกตเขามานานก็พอจับความรู้สึกนั้นผ่านทางแววตาได้ ที่หลายคนบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจคงเป็นจริงเพราะแค่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏกายตรงหน้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
“ไหนบอกว่าจะไม่มาคะ ตอนแรกก็ชวนแล้วแท้ๆ”คำพูดนั้นทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ต้องหันไปมองแขกที่มาเยือน
“ผมนัดกับเธอก่อน”การกระทำของเขาที่เอื้อมมาจับมือเธอไม่ได้สร้างความประทับใจให้เปมิกาสักนิดกลับตอกย้ำไปว่าวินาทีนี้เขาเห็นเธอเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง..
ที่จะบังคับให้ไปทางไหนก็ได้ตามความพึงพอใจของตนเอง
“เสียดายจังเลย เพื่อนด้าก็ยังไม่มาถ้าอย่างนั้นขอนั่งรอเพื่อนด้วยนะคะ”เอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจแต่ก่อนที่หญิงมาใหม่จะได้นั่งภราดรก็ลุกขึ้นก่อน
“มานั่งที่ผมสิ”ชนัญชิดายิ้มให้ร่างสูงก่อนจะเดินไปนั่งที่เขาโดยอีกชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้ซึ่งเขาไม่เคยทำแบบนั้นกับเธอเลย การปฏิบัติที่ต่างกันทำให้เปมิกาต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอพยายามห้ามความรู้สึกตนเองไม่ให้เจ็บแต่แน่นอนว่าเธอทำไม่ได้
“ผมจะนั่งกับเธอเอง”เก้าอี้ข้างกายที่เคยว่างก็ถูกแทนที่ด้วยภราดร จากความเจ็บปวดเมื่อครู่ก็ทุเลาลงมาบ้าง
“ด้ายังไม่รู้จักคุณเลย”เงียบกันสักพักคนมาใหม่ที่อัธยาศัยดีก็เอ่ยขึ้นเสียงสดใส
“เปมิกาค่ะ เรียกว่าเปรมก็ได้”แนะนำตัวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ทำเอาชนัญชิดาต้องหัวเราะออกมา
“คุณเปรมชอบทำหน้านิ่งเหมือนดลเลย ต้องร่าเริงกว่านี้สิคะ ดลน่ะเขาชอบผู้หญิงสดใสร่าเริง จริงไหม”หันมาถามร่างสูงที่เงียบ
“นั้นมันอดีต ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว”ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยซ่อนความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เปมิกาไมได้หันไปมองเขาและไม่ตอบกลับชนัญชิดาเช่นเดียวกัน
“มันเปลี่ยนได้ที่ไหนล่ะ อะไรที่ชอบมันก็ชอบนั้นแหละ”สองคนสบตากันราวกับจะหยั่งเชิงก่อนที่ร่างบางในมาดผู้บริหารจะหันมายิ้มให้เปมิกา
“ขอด้าแนะนำตัวบ้างนะคะ ชนัญชิดาค่ะเรียกสั้นๆ ว่าด้าก็ได้ค่ะ”ความสดใสของชนัญชิดาที่เปมิกาไม่มีทำให้อดอิจฉาไม่ได้ ทำไมเป็นผู้หญิงที่มีพลังบวกรอบตัวขนาดนี้กันนะ ในขณะที่ตัวเธอมีเพียงความหม่นแสงอยู่ใกล้คงไม่มีความสุข
“คุณเปรมทำงานอะไรคะ”ถามด้วยความอยากรู้ถึงอาชีพของผู้หญิงที่มากับท่านผู้บริหารหนุ่มหล่อ
“เป็นนักแสดงค่ะ”บอกแบบนั้นอีกคนก็ทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ
“ตายจริง ด้าไปต่างประเทศนานเลยไม่รู้ต้องขอโทษด้วยนะคะ”คำพูดเสียใจของเธอทำไมฟังอย่างไรก็รู้เหมือนโดนดูถูกว่าไม่ดังเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ”ตอบกลับราวกับไม่คิดอะไรหรือใส่ใจในคำพูดของอีกคน ชนัญชิดาเป็นคนคุยสนุกเธอชวนสองหนุ่มสาวคุยแต่ส่วนมากก็ไม่ได้สนทนายาวเป็นการถามคำตอบคำเสียมากกว่า มือหนายกขึ้นมาวางไว้บนพนักเก้าอี้ของเปมิการาวกับจะแสดงความเป็นเจ้าของเธอ
“สองคนอายุเท่ากันเหรอคะ”เอ่ยถามสีหน้าอยากรู้
“ฉันอายุ 28 ปีค่ะ”คำตอบก็สร้างความตกใจให้ภราดรเช่นกัน เขาไม่รู้ประวัติเธอมากเท่าไหร่แค่รู้ว่าเปมิกาเป็นนักแสดงและปลอดภัยไม่มีโรคเท่านั้น
“แสดงว่าด้าแก่สุดเลย แต่ไม่ต้องเรียกพี่หรอกนะคะเรียกด้าเหมือนเดิมก็ได้ไม่ถือค่ะ เพราะดลก็ไม่ชอบเรียกพี่เท่าไหร่”หันมาส่งสายตาที่แสดงความนัยบางอย่างกับชายหนุ่มข้างกายเธอ ความหลังที่ทั้งสองมีต่อกันคงจะเกินเลยมากกว่าคำว่าพี่น้อง
“ว่าแต่สองคนนี้ อยู่ในสถานะอะไรเหรอคะ ตายจริงด้าถามได้ใช่ไหม ไม่เสียมารยาทนะคะ”หากพูดมาขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องขอโทษหรอก เปมิกาคิดในใจแต่ก็ลุ้นกับคำตอบที่ภราดรจะบอกเหมือนกัน หางตาแอบมองเขาซึ่งทำหน้านิ่ง
“ตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่”แขนที่เคยวางไว้เก้าอี้เธอเปลี่ยนเป็นมากุมมือนุ่มซึ่งวางไว้บนตักแทน แน่นอนชนัญชิดารู้ว่าสองคนกุมมือกันและเธอก็ต้องแสร้งยิ้มหวานราวกับยินดีกับรักครั้งนี้ของเขานักหนาทั้งที่ในใจตรงกันข้าม
“ดีใจกับดลจริงๆ ที่เจอคนจริงใจ ด้าก็กลัวว่าดลจะลืมด้าไม่ได้ซะอีก”คำตอบที่อยากรู้ออกมาจากปากของชนัญชิดาโดยไม่ต้องถาม และการกระทำของภราดรก็บอกหมดเช่นกันว่าต้องการแสดงให้ผู้หญิงตรงหน้าเห็นว่าชีวิตเขาดีขึ้นแม้ไม่มีอีกคนทั้งที่จริงไม่ใช่เลย
เขายังไม่ลืมเธอ
ช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่เธอเป็นได้แค่หมากในเกมรักของเขา เรียกว่าตัวประกอบยังรู้สึกว่าตนด้อยค่ากว่านั้น มือหนาที่กอบกุมเอาไว้ไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเลยสักนิดมันกลับร้อนราวกับไฟจนอยากสะบัดออกแต่ก็ไม่กล้าทำ..
“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า”ทั้งที่บอกกับชนัญชิดาแบบนั้นแต่เธอเชื่อว่าเขายังคงจมปลักอยู่กับอดีต การคบแล้วทิ้งผู้หญิงภายในเวลาไม่กี่เดือนเป็นคำตอบได้อย่างดี
“นั้นสินะ ด้าขอให้ดลกับคุณเปรมมีความสุขกันมากๆ นะคะ ขอตัวแล้วกัน”ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงส่งยิ้มให้สองหนุ่มสาวแล้วเดินออกไป เสียงเพลงไม่สามารถกลบเสียงร้องไห้ในใจเปมิกาได้เลย แผลที่ฉีกอยู่แล้วดูเหมือนจะมีร่องรอยถูกทำร้ายเพิ่มขึ้นด้วยฝีมือของชายหนุ่มที่กอบกุมมือเธออยู่ในตอนนี้