บทที่๕...หมากตัวหนึ่ง (๑)
บทที่๕...หมากตัวหนึ่ง
ข่าวที่ออกมาไม่ได้กระทบกับงานมากนักเพราะเธอไม่ได้รับอีเว้นท์หรือเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าตัวใดอยู่แล้วมีแค่ไม่กี่อันที่กำลังจะหมดสัญญาและคาดว่าคงไม่ต่อสัญญา เธอมาทำงานที่กองถ่ายโดยมีนักข่าวสัมภาษณ์ในขณะที่พักกอง
“เหนื่อยหน่อยนะเรา”พระเอกที่เล่นด้วยกันโดยเธอนับเขาเป็นพี่ชายเดินมาจับไหล่บางด้วยความเป็นห่วง เจอกันมาตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการรู้ดีว่าฝ่ายหญิงไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวบอก
“ชินแล้วค่ะ”ลาภิณมองใบหน้าหวานที่ดูล้าอย่างเห็นได้ชัดแม้จะมีเครื่องสำอางช่วยปกปิดแต่แววตของเธอก็บอกหมดทุกอย่าง
“ไม่จริงหรอก คนเราต่อให้โดนซ้ำๆ ก็ไม่มีทางชิน นอกจากจะเพิ่มความเจ็บมากกว่าเดิม”พูดเหมือนรู้อะไรมากแต่เปมิกาก็ไม่ได้ถามเขาออกไป
“เปรมอาจจะเป็นคนไม่พูดนะ แต่แววตาของเราบอกหมดทุกอย่างนั้นแหละ”พูดจบก็เดินไปหาภรรยาที่วันนี้มาหาเขาที่กอง ร่างบางยืนนิ่งคิดตามที่อีกฝ่ายพูดซึ่งก็จริง เธอไม่มีวันชินกับความเจ็บปวดนี้ได้เลย พยายามบอกตัวเองให้ยอมรับแต่ในใจลึกๆ ก็ไม่สามารถทำใจรับความเจ็บปวดได้
“พี่เปรมคะ มีคนมาหาค่ะ”เด็กในกองวิ่งมาบอกเธอพร้อมกับชี้ไปที่คนมาใหม่ ชายร่างสันทัดผิวคล้ำแววตาอ่อนล้าเดินมาก่อนจะขอบคุณคนที่มาบอกเปมิกาให้
“คุณมาทำไม”ถามเสียงแข็งทันที เธอไม่อยากจะพบหน้าหรือเสวนากับผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่ คนที่พรากสิ่งของที่แม่ให้เอาไว้เพื่อได้ระลึกถึงท่านแต่มันกลับขายทุกอย่างเพียงเพราะเอาเงินไปเล่นพนัน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของเธอเอง
“เปรม พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”ท่าทีนอบน้อมนั้นไม่ได้ทำให้ดาราสาวรู้สึกสงสารสักนิด ยังจำคำด่าทอวันนั้นได้เป็นอย่างดี วันที่เธอบาดเจ็บแสนสาหัสผู้ชายคนนี้กลับยืนด่าเธอกลางโรงพยาบาลอย่างเจ็บแสบ
“แต่ฉันไม่มี อีกอย่างคุณไม่ใช่พ่อฉันเลิกทำตัวเหมือนเป็นพ่อสักที”ตัดขาดกันไปนานแล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังไปมาหาสู่เสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นดารามีเงินให้ถลุงมันคงไม่มาดูดำดูดีหรอก
“คือลุงอยากจะขอให้เปรมช่วยหน่อย”คงไม่พ้นเรื่องเดิม เปมิกามองผู้คนรอบข้างที่เริ่มให้ความสนใจว่าผู้ชายที่มาพบเธอเป็นใครก็ต้องถอนหายใจ เธอพาเขาไปคุยในที่ลับตาคนมากกว่านี้ด้วยไม่อยากจะเป็นที่นินทา
“ถ้าเรื่องเงินคงให้ไม่ได้”บอกไปอย่างไร้เยื่อใยเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายมาขอเงินหากแต่นับไม่ถ้วนที่บากหน้าหนาๆ มายืมเงินโดยไม่ใช้คืนสักบาท
“แต่ลุงลำบากจริงๆ เจ้าหนี้มันตามเป็นเงา”แทบจะคุกเข่าลงขอร้องอ้อนวอน แต่ก่อนฐานัส ดนุนันท์เป็นคนเอาการเอางานจนช่วงหลังก่อนที่แม่เธอจะเสียชีวิตอีกฝ่ายก็ติดการพนันเพราะการชักชวนจากเพื่อนที่ทำงานจนกระทั่งแม่เสียชีวิตอีกฝ่ายก็มีหนี้หลายแสนต้องบ้านไปจำนอง ทั้งของภายในอีกเธอทะเลาะกับอีกฝ่ายจนต้องย้ายออกมาอยู่คนเดียวปล่อยพี่ชายให้เผชิญชะตากรรมโดยลำพัง
“นั้นมันเรื่องของคุณ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง”อยากตัดขาดหลายหนแต่ก็ทำไม่ลงเพราะแต่ก่อนอีกฝ่ายก็ดีกับเธอหลายอย่างหากไม่ใช่เพราะการพนันเขาคงไม่เป็นแบบนี้
“เปรม ช่วยลุงด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”พูดแบบนี้มาทุกรอบและมันก็ไม่เคยเป็นจริงเลยสักรอบ ไม่มีครั้งสุดท้ายสำหรับผีพนัน
“ไปขอพี่ทัตสิ”เชื่อเถอะว่าพี่ชายเธอก็ไม่มีให้ หรือถ้าให้ก็เพียงสองสามพันเท่านั้นจึงต้องมาขอจากเธอที่รายได้ดีกว่า
“ถ้าฉันให้ครั้งนี้จะเลิกยุ่งเลิกตามเลิกมาหาฉันไหม”เอ่ยถามจนอีกคนต้องพยักหน้าเร็วหากแต่แววตากลับไม่ได้บอกถึงความจริงใจเลยสักนิด เปมิกาหัวเราะเยาะตนเองที่กลายเป็นโง่อีกครั้งแต่ก็ช่างเถอะเงินแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นตัดความรำคาญไปก็คุ้ม
“แล้วฉันจะโอนไปให้”บอกอย่างจำใจทำเอาฐานัสยิ้มจับมือเปมิกาอย่างขอบคุณก่อนจะกลับไปแววตาเหนื่อยล้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสมใจราวกับเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงการเล่นละครเท่านั้น งูเห่าไม่มีวันกลายร่างเป็นกระต่ายได้หรอก
“น้องเปรมคะ พี่มาจากรายการบันเทิงหลากสีอยากขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับข่าวได้ไหมคะ”เดินกลับมากองถ่ายในช่วงพักนักข่าวที่นั่งรออยู่นานก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมใบหน้ากระตือรือร้น เจ้าของชื่อกวาดสายตาไปมองนักข่าวคนอื่นก็ไม่เห็นแล้ว สงสัยคงจะกลับ
“ให้เวลาแปบเดียวนะคะ”ในเมื่อรอได้นานขนาดนี้เธอก็ไม่ใจร้ายจะปฏิเสธเช่นเดียวกัน คำตอบที่ถูกเตรียมคงต้องเอามาใช้แม้จะดูไม่มีเหตุผลสักนิดก็ตาม
“ผู้ชายในภาพคือใครคะ”ทุกคนคงอยากรู้ว่าเป็นใครและผู้ชายคนนั้นก็ได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัวปฏิเสธไปแล้วทางที่เธอเลือกจึงมีไม่มากนัก
“พี่ชายค่ะ เขามาหาที่คอนโดพอดีเราไม่ได้เจอกันนาน”ต้องขอบคุณใบหน้าที่เรียบเฉยของตนเองทั้งแววตานิ่งเฉยส่งให้คำตอบดูมีความจริงจนพี่นักข่าวพยักหน้าตาม
“แน่ใจหรือคะว่าพี่ชาย ไม่ใช่คุณภราดร”นักแสดงสาวยกยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ใช่ค่ะ เพราะเราไมได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวถึงขนาดจะถึงเนื้อตัวกันได้”ปฏิเสธออกไปแต่ภายในใจก็เจ็บปวดที่ต้องโกหกสถานะแท้จริง
“ถ้าอย่างนั้นมีข่าวเม้าว่าน้องเปรมขึ้นคอนโดคุณภราดรจริงไหมคะ”ข่าวนี้เธอไม่รู้มาก่อนว่าพูดมาจากที่ไหน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจเพราะคอนโดของชายหนุ่มค่อนข้างมีระบบรักษาความปลอดภัยยอดเยี่ยมหากจะมีข่าวก็คงมาจากคนภายใน
“ใครเม้าคะ พอดีไม่เคยได้ยินข่าวนี้เลย และยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน คอนโดเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ”ตอบกลับเสียงนิ่งและมองหน้านักข่าวจนอีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลาย
“อ๋อ ค่ะ”
“หมดคำถามแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอตัว”ว่าจบก็เดินออกไปจากการสัมภาษณ์ปล่อยให้นักข่าวและช่างกล้องยืนมองหน้ากันด้วยความหวั่นใจ ไม่ผิดที่เขาว่ากันเปมิกามีดวงตาที่ร้ายกาจมากแค่มองก็ทำเอาสั่นไปทั้งตัวจริงๆ
การถ่ายทำวันนั้นรีดเอาพลังจากนักแสดงไปค่อนข้างเยอะทั้งเปมิกาที่มีฉากร้องไห้และเธอเล่นได้ดีจนทุกคนเอ่ยชม เมื่อเลิกกองนางเอกสาวก็กลับคอนโดไม่ได้แวะที่ไหนและเป็นอย่างนี้จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
ภราดรหายไป..
เขาไม่ติดต่อเธอมาเลย แม้จะทำใจไว้ว่าสักวันความสัมพันธ์ชั่วคราวที่สร้างแต่ความเจ็บปวดให้เธอจะต้องจบแต่เมื่อถึงจริงๆ กลับทำใจไม่ได้ ทั้งที่เขาร้าย ทำลายจิตใจเธอสารพัดทั้งการกระทำและคำพูดแต่เมื่อเห็นภราดรมารอใจมันก็แสดงความยินดีออกมาหากก็ต้องกลบภายใต้ใบหน้าเย็นชาเหมือนวันที่เขามาดักรอพบเธอ
ข่าวของเธอกับเขาหายเงียบไปแม้จะมีคนเข้ามาคอมเม้นมีทั้งดีและไม่ดีก็ไม่คิดจะเข้าไปอ่านให้บั่นทอนความรู้สึกตนเอง ตั้งใจทำงาน หน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด
“น้องเปรมเตรียมตัวนะคะ”ในขณะที่กำลังจะเข้าฉากโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ยกขึ้นดูเห็นเป็นชื่อเขาก็ดีใจแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
“ค่ะ”รับด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่ในใจกลับตรงกันข้าม รู้ว่าพอมีเวลาจึงหยุดคุยกับปลายสายก่อนเพราะเขาไม่โทรหาเธอกว่าหนึ่งสัปดาห์ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของตายที่ทำได้แค่รอคอยไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขาทั้งสิ้น
‘เย็นนี้ว่างไหม’ปกติถ้าเขาจะเรียกเธอก็แค่นัดบอกเจอกันตอนเย็นแต่แปลกที่ครั้งนี้เขาถามเธอว่าว่างไหมแทน คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันทันที
“ถ่ายละครเสร็จห้าโมง หลังจากนั้นก็ว่างค่ะ”เงียบไปสักพักราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่างค่อยตอบในสิ่งที่เปมิกาแทบไม่เชื่อหูตนเอง
‘เย็นนี้ไปดินเนอร์กัน’รู้ดีว่านั้นไม่ใช่คำชวนแต่คือคำสั่ง คราวนี้กลับเป็นดาราสาวบ้างที่เงียบ ตั้งแต่เริ่มเข้าไปในชีวิตของรุ่นพี่สุดหล่อก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะชวนเธอไปกินข้าวเย็น ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้มันเหลือเชื่อเกินไป
“คุณแน่ใจหรือคะ”ข่าวที่เพิ่งซาไปโดยทั้งสองคนปฏิเสธว่าไม่รู้จักกันกลัวว่าจะโหมมาอีกครั้ง
‘ฉันตัดสินใจดีแล้ว เจอกันที่โรงแรมพราเซียส ทุ่มครึ่งแล้วกัน’ก็ไหนเขาเป็นคนให้ข่าวแท้ๆ ว่าไม่รู้จักเธอเป็นการส่วนตัว หากเป็นเมื่อข่าวเพิ่งออกคงปฏิเสธไปด้วยความน้อยใจแต่ในตอนนี้เธอกลับตอบตกลงเขาในใจไปแล้ว
“ค่ะ เจอกัน”วางสายไปเรียบร้อยทั้งยังยืนนิ่งเพราะคิดว่าฝันไป เรื่องเมื่อครู่มันเกิดขึ้นจริงกับเธอใช่ไหม เขาชวนเธอไปดินเนอร์ที่โรงแรมจริงๆ แล้วเนื่องในโอกาสอะไร..
ภราดรคาดเดาได้ยากเหลือเกิน
บทจะดีก็ดีใจหายแต่บทจะร้ายก็ทำเอาหัวใจของเธอพังไม่เหลือชิ้นดี วางโทรศัพท์ไว้ก่อนเดินไปเข้าฉากด้วยหัวใจพองโต เสร็จจากนี้คงต้องแวะไปซื้อชุดราตรีซักหน่อยแล้ว คนในกองล้วนแปลกใจที่นางเอกสาวมีความสดใสกว่าเดิมแม้จะนิดเดียวแต่ก็ทำเอาบรรยากาศดีกว่าเมื่อก่อน
“กลับแล้วนะคะ”ไหว้ลาคนในกองก่อนเดินขึ้นรถขับไปห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อเลือกซื้อชุดสำหรับงานค่ำคืนนี้ เธออยากดูดีที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเขา
“อ้าวน้องเปรม มาเลือกชุดหรือคะ”ถึงห้องเสื้อซึ่งสนิทกับเจ้าของร้านพอสมควรอีกฝ่ายก็เอ่ยทักเพราะมาใช้บริการบ่อยช่วงออกงาน
“ค่ะ”ตอบใบหน้ายิ้มแม้จะไม่มากแต่ก็มองออกว่าเธอกำลังมีความสุข
“หน้าตาแจ่มใส ไปเดทหรือเปล่าคนสวย”ถามกลับเสียงล้อเลียนด้วยรู้จักตั้งแต่หญิงสาวเพิ่งเข้าวงการ
“เปล่าค่ะ ทานข้าวธรรมดา”ปฏิเสธได้ไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นักจนได้รับสายตาล้อเลียนมา เจ้าของร้านลงมาดูแลเองพร้อมทั้งแนะนำชุดให้เธอเป็นชุดราตรีสาวเดี่ยวผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมูยาวกรอมเท้าขับผิวขาวให้ดูเนียนสวยขึ้นกว่าเดิม
“สวยมากคุณน้อง ใครเห็นต้องตะลึง”มองตนเองในกระจกก็อดยอมรับไม่ได้ว่าสวยดังว่า เธอไม่ใช่คนหลงตัวเองแต่เพราะชุดยิ่งทำให้ตนเองเด่นขึ้นหวังว่าเขาคงเห็นผู้หญิงคนนี้ในสายตาบ้าง ได้ชุดแล้วก็มองเวลาเหลือเวลาไม่นานแล้วจึงตัดสินใจใส่ชุดนี้ออกจากร้านตรงไปยังสถานที่นัดหมาย หน้าและผมจัดการตั้งแต่ออกจากกองจนหลายคนเอ่ยแซวเพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็สวยพอจะไปดินเนอร์กับรองประธานบริษัทวิจิตร จำกัด(มหาชน)แล้ว
ขับรถมาถึงโรงแรมพราเซียสโดยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาที่รถติด หัวใจเต้นเร็วจนน่ากลัวจะหลุดออกมา ตื่นเต้นเหมือนเริ่มเล่นละครครั้งแรกเลยมือชื้นเหงื่อจนต้องหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติตนเอง