บทที่๔...แค่คนรู้จัก (๑)
บทที่๔...แค่คนรู้จัก
“กรุณาปล่อยด้วยค่ะ”บอกเสียงเรียบขณะที่พยายามเอามือของผู้ชายร่างท้วมออกจากเอวตนเอง เพียงแค่อยู่ใกล้ก็รู้สึกขยะแขยงจะแย่ทั้งหน้าตาหื่นกระหายแววตาราวกับต้องการขย้ำเธออีก ทำให้ขนแขนลุกด้วยความรังเกียจ
“นั่งกับพวกพี่หน่อยสิ”ว่าด้วยน้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยแต่เด็กหญิงที่กลายเป็นนางสาวก็ตอบปฏิเสธทันที
“ไม่ค่ะ”พยายามใช้น้ำเสียงที่ไม่แข็งกระด้างจนเกินไปเพราะไม่อยากหาเรื่องให้ตนเองถูกไล่ออก แค่มาสมัครงานโดยโกงอายุก็กลัวคนอื่นจะจับได้อยู่แล้วต้องคอยระวังตลอดเวลา
“ถ้าอย่างนั้นดื่มน้ำแก้วนี้ก่อน แก้วเดียวพี่ปล่อยเลย”มองน้ำเปล่าที่ถูกรินใส่แก้วด้วยไม่ค่อยไว้ใจนักแต่ก็พอจะใจชื้นในระดับหนึ่งเพราะไม่เห็นว่าอีกฝ่ายใส่ยาอะไรลงไปโดยหารู้ไม่ว่าทั้งห้าคนมีชั้นเชิงที่เหนือกว่านั้นเยอะ
“ดื่มเถอะ ไม่ใส่อะไรหรอก”แม้จะรับมาแต่ก็ไม่กล้าดื่มเข้าไปยังคงชั่งใจจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มเอามือลูบไปมาที่เอวจึงจำต้องรีบดื่มให้หมดปัญหา
“เก่งมากเลย”พอหมดแก้วเปมิกาก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วขอตัวไปหลังร้าน เธอหอบหายใจด้วยความเหนื่อยไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลย เห็นพี่ที่ฝากงานให้เธอจึงบอกว่าไม่ไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นแล้วพร้อมขอตัวกลับทันทีด้วยไม่ไว้ใจ
เปมิกาไปเปลี่ยนชุดหลังร้านพลางตัวให้คนจำไม่ได้ด้วยชุดผู้ชายและเกล้าผมขึ้นใส่หมวกทับอีกชั้นค่อยเดินออกทางประตูหลัง
“พอๆ ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ”ภาพที่เธอเห็นข้างหน้าจนต้องรีบหลบเข้าในซอกกำแพงคือชายหลายคนกำลังล้อมทำบางสิ่งอยู่แล้วพากันเดินออกไปปล่อยคนตัวสูงนอนอยู่บนพื้น เป็นเด็กอนุบาลก็รู้ว่าอีกคนโดนทำร้าย
“ซวยทั้งวัน”เปมิกาถอนหายใจออกมาทั้งโดนลวนลามพอจะกลับก็ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นอีก หากจะให้เธอปล่อยคนเจ็บนอนอยู่ตรงนั้นก็ไม่ใจร้ายพอเสียด้วยเธอจำต้องเดินไปหาเขาเพื่อดูว่าเจ็บมากขนาดไหนยังมีสติอยู่หรือไม่
“คุณ”เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่นอนคว่ำหน้าอยู่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวค่อยๆ พลิกตัวนอนหงายแต่เพราะซอยมืดทำให้มองหน้าไม่ชัด
“ลุกไหวไหม”ใช้มือสะกิดที่ไหล่เขาเบาๆ หนึ่งที แม้ไม่รู้ว่าอีกคนหน้าตาเป็นอย่างไรแต่ก็พอจะเห็นเลือดที่ไหลออกจากปากอยู่บ้างแต่ภายในเธอก็ไม่รู้ว่าโดนมากขนาดไหนเพราะเขาใส่เสื้อยืดสีดำไม่อาจเห็นว่าโดนแทงหรือยิงไหม
“ไหว”ดูท่าอีกคนจะพอไหวพยุงร่างกายตัวเองลุกขึ้น เขาสูงกว่าเธอเยอะมากเรียกได้ว่าความสูงนั้นเกินมาตรฐานชายไทยไปไกลโข
“ช่วยพยุงหน่อย”แล้วตอนแรกบอกว่าไหว เปมิกาคิดในใจแต่เพราะสงสารจึงยอมเดินเข้าไปหาให้เขาเอาแขนวางบนไหล่ตัวเองโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งตัวมาหาเธอเยอะจนเกือบเซ
“ให้ฉันไปส่งที่ไหน”ในขณะที่เดินออกจากซอยก็ไม่ได้ยินเสียงของเขาพูดออกมาสักคำนอกจากบางครั้งที่ร้องครางเบาๆ ด้วยความเจ็บแผล
“ฉันเอารถมา”มืออีกข้างที่ว่างของร่างสูงจับกระเป๋ากางเกงตนเองที่มีเพียงกุญแจรถเพราะกระเป๋าเงินโดนอีกฝ่ายเอาไปจนหมด ดีที่เขาใส่เงินไว้ในกระเป๋าอีกข้างสามร้อยบาทจึงพอจะมีเงินติดตัว
“อ่ะ”ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ เปมิกาก็รู้สึกร้อนตัวอาการราวกับโดนของร้อนหากแต่ไม่ได้ร้อนข้างนอกเธอร้อนจากข้างในลามมาถึงผิวกาย
“ฉันส่งคุณแค่นี้นะ”เมื่อถึงลานจอดรถก็รีบปล่อยอีกคนทันที ร้อนจนตอนนี้อยากถอดเสื้อผ้าอาบน้ำหากแต่ทำไม่ได้ ก่อนเธอจะเดินไปร่างสูงก็คว้าแขนเอาไว้ก่อนทำให้ต้องหันมามองเขาด้วยความไม่ชอบใจเท่าไรนัก
“มีอะไร..”ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้เมื่อแสงไฟที่ส่องสว่างตกกระทบใบหน้าของเขา ผู้ชายที่เธอแอบรักมาตั้งแต่มอสอง ชายหนุ่มที่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลายไปแล้วสองปีจะมายืนตรงหน้า ใบหน้าดูโตขึ้นจากครั้งสุดท้ายที่เห็น เคยคิดคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในสภาพที่เขาโดนทำร้ายเช่นนี้
“ปล่อยผู้หญิงของผม”ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันอีกก็มีผู้ชายสองคนเดินมา เปมิกาสบถในใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังจำตนได้ทั้งทีปลอมตัวขนาดนี้แล้ว มันคือคนที่ลวนลามเธอในผับเมื่อสักครู่นั้นเอง
“ช่วยฉันด้วย”ในขณะที่สองคนนั้นกำลังวิ่งมาร่างบางก็เข้าไปชิดภราดรเพื่อขอร้องให้เขาช่วยพาเธอออกไปจากตรงนี้ที
“ขอโทษนะครับ พอดีเธอหลงจากผมถ้ายังไงเรากลับไปข้างในดีกว่านะที่รัก”คนร่างท้วมเดินมากระชากแขนบางไปแต่ภราดรก็จับอีกข้างไว้เสียก่อน
“เป็นแฟนกันเหรอ”ถามตรงประเด็นทำให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวรีบส่ายหน้าทั้งใจเต้นรัวด้วยความกลัวผสมกับอารมณ์บางอย่างที่ตีขึ้นมา
“เปล่า ไม่ใช่”ปฏิเสธเสียงแข็งแต่สองคนนั้นก็ไม่ยอม
“เราซื้อผู้หญิงคนนี้แล้ว อย่ามีเรื่องกันดีกว่า”ดูเหมือนว่าจะไม่มีฝ่ายไหนยอมภราดรจึงค่อยๆ ก้มกระซิบบางอย่างกับเปมิกาจนอีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจ
“คุยอะไรกัน”ตอนนี้เธอจะไม่ไหวแล้วเพราะร่างกายร้อนไปหมดเหงื่อแตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนมั่นใจแน่ว่าตนเองโดนยาที่เขาเรียกกันว่า ‘ยาเสียสาว’
“เปล่าหรอก แค่ขอซื้อเธอแล้ว”ใบหน้าหล่อเรียบนิ่งขณะตอบทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจเพราะคิดเอาไว้แล้วไม่ว่าจะยังไงก็ต้องได้ผู้หญิงเย่อหยิ่งคนนี้มานอนครางใต้ร่างของตนเองให้จงได้!
“ถ้าบอกดีๆ ไม่ได้ก็ต้องสู้กันหน่อย”พอสองคนจะเข้ามาชกเปมิกาก็จัดการเตะกลับทันทีโดยใช้วิชามวยไทยที่เคยเรียนก่อนที่ภราดรซึ่งบาดเจ็บจะวิ่งไปขึ้นรถด้านคนขับ เปมิกาถอยหลบตามที่ตกลงกันไว้เพราะรถยนต์คันหรูทำท่าจะพุ่งชนเข้ามาสองหนุ่มจึงต้องหลบเป็นโอกาสให้ร่างบางได้วิ่งเข้าไปนั่งในรถเบาะข้างคนขับก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็ว
“โธ่เว้ย! พลาดจนได้”มองตามรถด้วยความเสียดายโดนตัดหน้าเอาไปกินหน้าตาเฉยเลยทั้งที่พวกเขาอุตส่าห์ลงแรงทำให้ผู้หญิงคนนั้นโดนยาแต่ก็มีมือดีมาฉกไปต่อหน้าต่อตา แล้วจะเอายังไงต่อไปล่ะคราวนี้
“เอาไง”หันไปถามเพื่อน
“หาคนใหม่แล้วกัน”ตกลงกันได้แล้วก็เดินกลับไปบอกเพื่อนที่นั่งรอข้างในด้วยความเซ็ง อยากเห็นว่าผิวใต้ร่มผ้าของอีกฝ่ายขาวแค่ไหนก็ต้องผิดหวังหาเหยื่อรายใหม่
ด้านเปมิกาที่ขึ้นรถมาได้ก็นั่งสั่นกอดตนเองเอาไว้ทั้งพยายามกัดปากไม่ให้ส่งเสียงอะไรออกไป อาจจะเพราะเขาเป็นคนขี้ร้อนทำให้เปิดเครื่องปรับอากาศกระจายความเย็นซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่หันไปมองเขา
“ส่งฉันโรงแรมแถวนี้ก็ได้”กว่าจะถึงห้องพักอีกไกลเพราะที่ทำงานอยู่ในโซนหอพักราคาแพงเธอจึงต้องไปเช่าห้องที่ราคาถูกห่างหลายสิบกิโล
“เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน”
“ฉันอยู่ตัวคนเดียว ส่งฉันที่โรงแรมนั้นก็ได้”ชี้มั่วด้วยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ภราดรมองไปที่ป้ายขอโรงแรมที่ว่าก่อนจะหันมามองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
“แน่ใจนะ”เธอพยักหน้าเร็วก่อนก้มหน้าหลับตาข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมา ขาเรียวบีบเข้าหากันในใจก็ภาวนาให้ถึงห้องสักทีเธอจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ความเขินอายที่ได้เจอเขาแทบไม่มีเพราะตอนนี้ขอแค่ให้หายจากอาการบ้าๆ ก็พอแล้ว
“ถึงแล้ว”เงยหน้าขึ้นเห็นประตูห้องเธอก็พุ่งเข้าไปโดยไม่ดูสภาพแวดล้อมรอบข้างเลยสักนิด ประตูเปิดไม่ออกจนกระทั่งมีพนักงานส่งกุญแจให้เธอก็รีบวิ่งเข้าไปภายในห้องลืมแม้กระทั่งกระเป๋าของตนเองไว้บนรถเขา
“เฮ้อ ให้ตาย”ในขณะที่กำลังจะขับรถออกไปจากโรงแรมม่านรูดราคาถูกเขาก็เห็นกระเป๋าของเธอวางไว้บนรถตนเองจึงตัดสินใจเอาลงไปให้ ประตูถูกเปิดออกพบว่าภายในมีเพียงเตียงขนาดควีนไซส์วางกลางห้องสภาพยังใหม่ มองไปรอบห้องไม่เห็นเธอจึงตัดสินใจวางกระเป๋าเอาไว้แล้วเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ
“กระเป๋าเธออยู่ข้างนอกนะ”ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาก็ทำให้ภราดรเอะใจ แม้ตอนนี้เขาจะเจ็บซี่โครงเพราะโดนเตะหลายครั้ง ไหนจะปากแตกคิ้วแตกจนอยากกลับไปทำแผลหากไม่อาจปล่อยเธอเอาไว้ได้ เขาเห็นบนรถหญิงสาวเอาแต่นั่งกอดตนเองก้มหน้าราวกับปวดท้องจนนึกเป็นห่วง
“อยู่ในนั้นไหม”เคาะอีกครั้งด้วยไม่สบายใจ
“เธอ”ตัดสินใจบิดประตูห้องน้ำเข้าไปหาก็พบร่างเปล่าเปลือยนั่งบนพื้นโดยมีน้ำจากฝักบัวเปิดใส่ เธอเงยหน้าขึ้นมาหาเขาด้วยแววตาฉ่ำวาว
“ช่วยฉันด้วย”เพียงสามพยางค์ที่เอ่ยขึ้นและแววตาเว้าวอนที่ส่งมาทำให้ร่างสูงเหมือนตกในมนต์สะกด
“ฉันไม่ไหวแล้ว”เสียงสั่นแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์ พร้อมมือนุ่มที่ลูบไล้ไปตามร่างกายราวควบคุมตนเองไม่อยู่ ภราดรกลืนน้ำลายลงคอเหมือนเห็นนางในวรรณคดีเดินออกมาอย่างไรอย่างนั้น ผมยาวแนบไปกับลำตัว อกคู่งามมีขนาดพอดีตามวัยในขณะที่มีหน้าท้องน้อยๆ คงเพราะเธออวบแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดในความรู้สึกของเขา
เปมิกาลุกขึ้นค่อยๆ เดินมาหาร่างสูง ผิวกายขาวราวจะเปล่งแสงออกมาได้ทำให้สายตาเขาพร่ามัวเอาแต่จ้องนัยน์ตาคู่งามไม่ยอมหันไปไหน นางฟ้ามาปรากฏกายตรงหน้าหรือนี่...
เขาคงเมาแล้วจริงๆ
“ช่วยด้วย”หลังจากนั้นภราดรก็ไม่อาจหักห้ามใจของตนเองได้ คว้าร่างเธอมากอดเอาไว้ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากบางโดยอีกคนก็ไม่ได้ทัดทานแต่อย่างใด ความต้องการลึกภายในใจส่งผ่านการกระทำที่ทั้งคู่มีร่วมกัน เสียงร้องดังก้องไปทั่วห้องหากแต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดแต่มันคือความสุขสมแห่งอารมณ์ ร่องรอยบนที่นอนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงการปลดปล่อยมากเพียงใด
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้จนกระทั่งเปมิกาลืมตาตื่น สิ่งแรกที่รู้คือปวดเมื่อไปทั่วร่างกายก่อนจะค่อยยันตัวลุกขึ้นนั่งก็เจ็บบริเวณจุดซ่อนเร้นทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
เธอยอมมีสัมพันธ์ทางกายกับภราดร
อาจจะเพราะยานั้นเป็นตัวกระตุ้นแต่รู้ว่าส่วนลึกในใจก็ตนเองที่ปล่อยกายให้เขาได้เชยชมทั้งที่ความจริงหากหักห้ามความต้องการก็สามารถทำได้แม้จะยากไปสักนิดก็ตาม มือบางยกขึ้นกุมหน้าตนเองรู้สึกถึงความเหนียวและกลิ่นคาวที่อีกคนปล่อยออกมา เขาไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายให้เธอและตอนนี้
เขาหายไปแล้ว...