บทที่๓...ยังอยู่ในสัญญา (๒)
“ฉันหิวข้าว”มือหนาเอื้อมจะคว้าข้อมือบางขึ้นห้องแต่นักแสดงสาวก็เอ่ยขึ้นก่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ฉันไม่หิว”ไม่สนใจฟังลากเธอเข้ามาภายในคอนโดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวอาจจะเพราะราคาที่แพงมากส่วนมากก็มีแค่นักธุรกิจและชาวต่างชาติมาอาศัย อาจจะซื้อขาดหรือเปิดให้เช่าก็ได้แต่สำหรับภราดรตัดสินใจซื้อเป็นของตนแต่ก็มาอยู่ไม่บ่อยส่วนมากจะนอนบ้านหากไม่ทำงานจนเลิกดึกจริงๆ แต่สองเดือนมานี้เขานอนคอนโดบ่อยกว่าบ้านสาเหตุคงเป็นเพราะผู้หญิงหน้านิ่งข้างกาย
“ฉันทำงานตั้งแต่เช้ากินข้าวแค่ตอนเที่ยง ฉันหิว”แทบจะนับครั้งได้ที่เปมิกาจะพูดยาวขนาดนี้ หันมามองเขาอย่างหาเรื่องจนต้องจ้องตอบ
เขาชอบมองตาเธอ..
ดวงตาดำสนิทที่ดูลึกจนไม่รู้จะสิ้นสุดตรงไหน เขาไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของเธอได้ยอมรับอีกฝ่ายเก็บอารมณ์ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม
“ยังกินไม่ได้จนกว่าจะเคลียร์กันจบ”คำสั่งเด็ดขาดจากผู้บริหารที่ทำราวกับเธอเป็นเพนักงานคนหนึ่ง เขาจูงกึ่งลากร่างบางให้เข้ามาภายในคอนโดของตนเองด้วยความเอาแต่ใจ
“ปล่อยได้แล้ว”กระชากแขนตนเองออกจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผลเพราะภราดรจับแน่นขึ้นแม้จะเจ็บแต่เปมิกาก็ไม่ส่งเสียงออกไปให้เขารู้ว่าตนเองกำลังเจ็บปวดกับการกระทำของเขา
เมื่อถึงชั้นของตนเองเขาก็ออกจากลิฟต์พาเธอเดินเข้าห้องพักที่ค่อนข้างใหญ่โตและเป็นระเบียบเนื่องจากจ้างแม่บ้านของทางคอนโดให้มาดูแลทุกวัน แม้จะไม่อยู่ก็ไม่ปล่อยให้ห้องสกปรกเพราะต้องใช้ประโยชน์จากมันอยู่ในบางครั้ง
เช่นครั้งนี้
“อื้อ”ประตูปิดลงภราดรก็ไม่ปล่อยร่างบางให้พูดเขาปิดปากเธอด้วยริมฝีปากของตนเองอย่างรุนแรงราวกับจะลงทัณฑ์เธอ กระเป๋าของนางเอกสาวตกลงพื้นในขณะที่เขาประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นรับจุมพิตจากตนเองโดยมีเพียงความป่าเถื่อนที่อีกฝ่ายมอบให้
ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่เหมือนลมหายใจของเธอถูกช่วงชิงจากเขาจนต้องดันไหล่หนาออกหากไม่เป็นผล เขายังคงลงโทษเธอจนได้กลิ่นเลือดคลุ้งทั่วปากจนในที่สุดรองประธานบริษัทก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วมองด้วยแววตาดุ
“คุณเป็นบ้าอะไร”ว่าเขาด้วยอารมณ์ไม่ชอบใจก่อนจะจับปากตัวเองที่โดนอีกฝ่ายกัดจนเลือดออก ดวงตาสวยฉายแววความโกรธออกมาแต่ภราดรไม่รู้สึกผิดสักนิดแปลกที่เขากลับชอบที่เห็นอารมณ์หลากหลายของอีกฝ่ายที่ปกติมักจะนิ่งอย่างเดียว
“ลงโทษเธอไง”คำตอบนั้นสร้างความสงสัยให้นางเอกสาวยิ่งนักจนต้องขมวดคิ้วแล้วถามกลับ
“ลงโทษเรื่องอะไร”
“ถ้าเธอยังไม่ลืม ข้อตกลงของเราคือห้ามยุ่งกับใครระหว่างที่ยังไปมาหาสู่กัน”ยอมรับว่าเขาเลี่ยงคำได้ดีแต่จะดีกว่าหากไม่เอามือมาขย้ำสะโพกเธอด้วย
“ฉันก็ไม่ได้ยุ่งกับใคร”ในเมื่อผู้ร้ายไม่ยอมรับเขาจึงตัดสินใจโน้มลงไปจูบอีกครั้งหากแต่ไม่ได้ลงทัณฑ์อย่างโหดร้ายเหมือนเมื่อครู่แต่ดูเหมือนจงใจให้เปมิกาอ่อนระทวยจนแทบยืนไม่ไหวมากกว่าโดยไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำอย่างนั้นทำไม
“พอ พอแล้ว”ผละออกจากเขาแล้วพยายามทรงตัวด้วยตนเองซึ่งต้องใช้ความพยายามมาก ปกติพวกเขาจะไม่ค่อยจูบกันทำให้เมื่ออีกฝ่ายจู่โจมด้วยริมฝีปากแบบนี้เปมิกาไปไม่เป็นทุกที มันแสดงให้เห็นว่าเขาอาจจะแคร์เธอบ้าง
“แล้วไอ้ที่ไปหัวร่อต่อกระซิกกับพระเอกที่ทำงานด้วยมันยังไง ไม่ใช่ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วหรือ”แววตาเรียวไม่บ่งบอกอารมณ์แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เธอเจ็บได้ จำต้องเรียกสติตัวเองไม่ให้แสดงออกให้เห็นว่าตนเสียใจ
“ก็แค่งาน ฉันกับพี่ภูไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงกับผู้หญิงที่ขอนอนกับผู้ชายไปทั่วอย่างเธอ”เท้าสะเอวถามราวเยาะเย้ยกับการกระทำครั้งแรกที่พบกัน
“อาจจะมั่วจนไม่เหลืออะไรก็ได้ ครั้งแรกที่ฉันมีอะไรกับเธอก็เหมือนผ่านผู้ชายมาเยอะ”มือนุ่มกำเข้าหากันแน่นโดยอัตโนมัติพยายามระงับสติอารมณ์ตนเองไม่ให้ปราดเข้าไปทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย ลำคอระหงตั้งตรงอย่างคนถือดี
“ฉันป้องกันทุกครั้ง”
“ก็ดี อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าเธอไม่ได้เป็นเอดส์”หลังจากมีอะไรกันเขาให้เธอไปตรวจโรคและเปมิกาก็บ้าพอจะยอมทำตามผลปรากฏว่าไม่มีโรคและเลือดไม่บวกก็ทำให้ภราดรพอจะเบาใจได้บ้างเรียกใช้บริการเธอบ่อยราวกับเป็นผู้หญิงขายตัว
“แค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะถามฉัน”ท่านผู้บริหารยิ้มมุมปากทำให้ใบหน้าของเขาดูเหมือนตัวร้ายในละครแล้วย่างสุขุมเขามาหาเธอ
“ยังหรอก”มือหนาคว้าเอวบางก่อนดึงเข้ามาหา
“มีอะไรอีก”ถามเสียงเรียบด้วยยังคงโกรธเขาในเรื่องที่อีกฝ่ายดูถูกตนแต่ก็ไม่สามารถโทษเขาได้เต็มเพราะเรื่องทั้งหมดเธอทำให้เขาคิดอย่างนั้นเอง เป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเข้ามาขอมีอะไรกับผู้ชายใครบ้างจะคิดว่าเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องซึ่งก็จริง เธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์
“ทำไมไม่รับสายฉัน”เข้าเรื่องที่อยากรู้ทันทีเพราะหลายวันติดต่อไปอีกคนก็ไม่รับสักสาย
“ฉันไม่ว่าง”คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ยิ่งใบหน้าหวานหันหนีก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกหกเป็นแน่
“แล้วตอนว่างทำไมไม่โทรกลับ”จี้ถามเสียงเรียบมองแก้มเนียนใกล้ๆ ยิ่งดึงดูดให้อยากสูดดม
“หรือว่ารับแขกเยอะจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร”คำพูดของเขาทำให้เปมิกาต้องหันมาด้วยแววตาเอาเรื่องราวแมวน้อยขู่เสือหนุ่ม
“ฉันไม่เคยรับ ฉันทำตามข้อตกลงของเราทุกอย่าง”ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตอนนี้เลยแล้วกัน”พูดจบเขาก็โน้มตัวลงไปจูบนางเอกสาวทันทีรวดเร็วราวสายฟ้าทำเอาอีกคนไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ตอบรับเขาไม่ให้น้อยหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พาไปหรือท่านรองประทานเชี่ยวชาญทำให้แทบไม่รู้สึกเลยว่าเนื้อตัวตนเองเปลือยเปล่าตอนไหน เขาอุ้มเธอไปที่เตียงด้วยท่ากระเตงลูกทั้งริมฝีปากยังไม่ยอมผละออกก่อนจะปล่อยเธอลงบนเตียง
แสงจากโคมไฟข้างหัวเตียงส่องสว่างหากแต่อีกหนึ่งสาวยังคงหลับใหล ร่างสูงลืมตาขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียงพบว่าตอนนี้ตีสามแล้วเขาตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำ แค่ที่นอนกับเธอถึงรุ่งสางแบบนี้ก็เกินพอแล้ว ไม่อยากผูกมัดหรือรู้สึกว่าติดเปมิกาเขาจึงเลือกที่จะกลับก่อน
ไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วเพราะภายในห้องนอนยังคงมืดราวกับช่วงเวลากลางคืน เปมิกาตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นลืมตามองหาต้นเหตุก็พบกระเป๋าตนเองวางไว้ที่พื้นพอเปิดแล้วหยิบมารับก็เห็นชื่อเพื่อนสนิท
(อยู่ไหนจ้ะคนสวย ทำไมไม่อยู่ห้อง)เป็นศลิษานั้นเองเพื่อนคนเดียวที่มีอยู่และเธอก็ไว้ใจถึงขนาดเอาคีย์การ์ดคอนโดให้กับศลิษา
“พอดีวันนี้ออกเร็วน่ะ”พูดขณะที่มองนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้าดีที่คิวเธอนัดสิบโมงจึงถือว่าไม่สาย
(เสียใจเลยอุตส่าห์จะมาเม้า แต่ฉันเห็นรถเธออยู่ข้างล่างนะ ออกไปยังไง)
“แท็กซี่ รถฉันเหมือนจะเสียเลยจะเรียกศูนย์มาเอาไปซ่อม”
(ให้ฉันเอาไปให้ไหม)เพราะอย่างนี้ไงเธอถึงรักเพื่อนคนนี้นัก ศลิษามักจะเป็นห่วงและเป็นธุระให้เธอไปเสียทุกเรื่องทั้งที่ไม่ได้เอ่ยขอ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
(โอเค ถ้าอย่างนั้นไว้จะมาหาใหม่นะ)เอ่ยลากันในโทรศัพท์เรียบร้อยเปมิกาก็วางสายไป ลูบใบหน้าตนเองก่อนถอนหายใจออกมาด้วยความเมื่อยล้า เมื่อคืนเขาเรียกร้องจากเธอจนได้หลับก็ตอนตีสอง รอยตามตัวบ่งบอกอารมณ์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี หากเขาซาดิสเธอก็เป็นพวกมาโซคิสที่เสพติดความเจ็บปวดไปแล้ว
จะลุกขึ้นไปอาบน้ำก็เหลือบเห็นแบงค์สีเทาวางอยู่โต๊ะหัวเตียง ใจดวงน้อยสั่นไหวแล้วค่อยๆ เขยิบตัวไปอีกฝั่งเพื่อหยิบเงินขึ้นมา
“สิบใบ”ค่าตัวเธอมีค่าหนึ่งหมื่นต่อคืนอย่างนั้นหรือ หึ ช่างน่าสมเพชจริงๆ
“เธอเลือกเองนะเปรม เธอเป็นคนเลือก”แม้จะอยากโทษพี่ชาย โทษภราดรมากเพียงใดแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าคนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาหาเขาอีกครั้งคือเธอ
เงินในมือทำให้ย้อนไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนตอนที่เธออายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้นยังคงเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ห้า ระหว่างช่วงปิดเทอมกลางภาคเรียนเปมิกาตัดสินใจออกมาหางานทำเพื่อเป็นทุนการศึกษาของตนเองไหนจะจ่ายค่าที่พักอาศัย ค่าอาหารหรืออื่นๆ ในชีวิตประจำวันหลังตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตคนเดียว
“ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำมากเลย แกไปรับลูกค้าแทนฉันหน่อยนะเปรม”การเข้ามาทำงานในสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีแต่เสือสิงห์ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวสักนิดเพราะคิดว่าตนเองไม่ได้สวยเตะตาต้องใจใคร อาจด้วยรูปลักษณ์ที่แม้ไม่อ้วนเหมือนสมัยมอต้นแต่ก็ไมได้เพรียวลมทั้งใบหน้ายังมีสิวอีกถึงจะน้อยมากจนแทบไม่เห็นก็ตาม
“ได้ค่ะ”เพื่อนพนักงานเสิร์ฟอีกคนบอกซึ่งเปมิกาก็ไมได้ขัดเพราะอยากได้ทิป แต่ละโต๊ะให้หนักจนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือน
“อ้าว น้องเมื่อกี้ไปไหนแล้ว”เดินออกมารับลูกค้าโต๊ะใหม่ที่มีกันห้าคนด้วยใบหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาเป็นปกติของตนเอง
“ไปห้องน้ำค่ะ”ด้วยความเป็นคนตรงเธอจึงตอบเขาไปอย่างนั้น พวกเขาได้ยินก็หันไปมองหน้ากันแล้วซุบซิบเสียงเบาค่อยสั่งแอลกอฮอล์
“รอสักครู่นะคะ”ทวนรายการให้ทุกคนฟังอีกรอบเธอก็เดินไปหลังร้านเพื่อเตรียมของโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกห้าคู่มองตามอย่างนึกสนุก
“กูไปได้ยาใหม่มา ลองกับคนนี้เป็นไง”ชายร่างสูงเพรียวเอ่ยถามเพื่อนที่นั่งข้างตนเอง ทั้งหมดเป็นกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัยที่ชอบมาเที่ยวผับนี้เป็นประจำแต่ไม่เคยเห็นเด็กคนเมื่อครู่ หน้าตาก็สะสวยเสียแต่หุ่นอวบไปหน่อยแต่ผิวขาวราวกับจะเรืองแสง ถ้าได้ลูบไล้คงรู้สึกดีไม่น้อย
“เอาสิ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าหน้านิ่งๆ ถ้ามาครางใต้ร่างกูจะเป็นยังไง”ทุกคนลงความเห็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนเปมิกาจะเดินมาเสิร์ฟน้ำอีกฝ่ายก็คว้าแขนเธอไปนั่งข้างกายทันทีโดยที่หญิงสาวไม่ทันจะได้ตั้งตัว