บทที่๓...ยังอยู่ในสัญญา (๑)
บทที่๓...ยังอยู่ในสัญญา
อาจจะเพราะเป็นช่วงใกล้ปิดกล้องพี่ๆ นักข่าวเลยเข้าออกกองเป็นว่าเล่นส่วนมากก็เป็นข่าวของช่องที่ต้องการเอาไปลงรายการบันเทิงเพื่ออัพเดทความคืบหน้า อีกเพียงสองวันก็จะปิดกล้องแล้วเปมิกานับวันรอแทบไม่ไหว
“เห็นข่าวเรายัง”ในขณะที่กำลังนั่งทบทวนบทตอนเช้าภูริชก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู
“แล้วพรีมเขาว่ายังไงคะ”รับมาดูเห็นเป็นภาพวันก่อนที่เธอกับเขาเดินคู่กันส่วนเนื้อหาก็แค่แซวในความสนิทสนมและตบท้ายว่าอาจเกินความเป็นพี่น้องที่บอกหรือเปล่า เปมิกาไม่สนใจเพราะโดนข่าวแบบนี้บ่อยแต่เธอจะแคร์ความรู้สึกของแฟนตัวจริงเขามากกว่า
“ไม่ว่ายังไง เขาเข้าใจ”เห็นพี่ชายยิ้มก็พอเข้าใจว่าคงไม่มีปัญหากับแฟนจริงดังว่า
“ทนหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานเราก็ปิดกล้องแล้ว”บอกหญิงที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวด้วยความที่เธอเข้ากับผู้คนไม่เป็นเขาถึงได้พยายามเข้ามาคุยและทำความรู้จักเพื่อการทำงานจะได้ราบรื่น
“ค่ะ”ภูริชคุยเสร็จก็เดินออกไปปล่อยเปมิกานั่งอ่านบทอยู่คนเดียวไม่ค่อยมีใครเข้ามารบกวนเธอเท่าไหร่จะยกเว้นก็เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดินหน้าบานเข้ามาหาราวกับว่าสนิทกันนักหนาทั้งที่จริงแทบจะคุยกันนับคำได้หากไม่ใช่เรื่องงาน
“พี่เปรมทำอะไรอยู่คะ”จรัญญาเพิ่งแต่งตัวเสร็จกำลังรอทีมงานเซตฉากด้วยความว่างจึงเดินมาหาพี่สาวที่เล่นละครด้วยกันมาหลายเดือน
“อ่านบท”บอกเสียงราบเรียบติดรำคาญด้วยซ้ำ ใบหน้าไม่รับแขกไม่ได้สร้างความรู้สึกกลัวให้หลานสาวผู้บริหารช่องกลัวเลยสักนิด ยิ่งเห็นนักข่าวเยอะเธอก็ยิ่งจงใจยั่วให้เปมิกาผู้เยือกเย็นแสดงท่าทีเหวี่ยงออกมา
“ขยันจังเลยนะคะ”นั่งลงข้างกายนางเอกสาวแล้วทำทีโน้มเข้าไปดูบทด้วย
“ค่ะ จะได้ไม่ลืมให้คนอื่นเขาลำบากไปด้วย”แม้ใบหน้ายังเรียบเฉยแต่ก็จิกกัดพอให้จรัญญากำมือแน่นเพราะรู้ว่าส่วนมากคนที่ทำให้กองทำงานช้าเป็นเพราะเธอจำบทไมได้ เทคไปหลายครั้งบางทีอาจถึงห้าสิบด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อบทกันดีไหมคะพี่เปรม”
“ขอโทษด้วยแล้วกันพี่ไม่ว่าง”ตัดความรำคาญด้วยการปิดบทแล้วลุกขึ้นเดินหนีเพื่อจบปัญหา ทำไมจะไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายเข้ามาหาเพื่ออะไร เดี๋ยวนี้คนเขาชอบเป็นข่าวทะเลาะกันในกองเพื่อเรียกกระแสให้ตนเองแล้วหรือนี่
โทรศัพท์เธอสั่นด้วยมีสายเรียกเข้าแต่เปมิกาก็ไม่ได้รับแม้จะรู้ว่ามีคนโทรเข้าเพราะยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ อาจจะดูเหมือนเอาใจตนแต่เธอก็อยากให้เขาเป็นฝ่ายเข้าหาบ้าง...
ทำให้รู้ว่าเธอสำคัญกับเขาสักเล็กน้อยก็ยังดี
ช่วงนี้ภราดรคงยุ่งเพราะขาดการติดต่อไปสองวันแล้วหลังจากที่เธอไม่รับสายครั้งก่อนจนกระทั่งตอนนี้ที่เขาโทรมาหาและเดาว่าคงไม่พ้นเรื่องเดิมคือการนัดเจอตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ คิดแล้วก็นึกโทษตนเองที่เข้าไปในชีวิตของภราดรเพียงแค่อยากรู้ว่าเขาจะรักเธอหรือไม่ซึ่งก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
เขาไม่รักเธอ..
ไม่มีวันนั้น
ถอนหายใจออกมาแล้วเข้าไปนั่งรอภายในห้องแต่งตัว ดาราหลายคนมีผู้จัดการคอยดูแลเรื่องต่างๆ ให้แต่เปมิกาต้องดูแลตนเองบางครั้งก็รู้สึกเหงาจนอยากหาผู้จัดการหากเมื่อคิดทบทวนอีกครั้งก็ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายรับผิดชอบตัวเองดีกว่า
เขาโทรหาเธอหลายรอบแต่สิ่งที่ได้คืออีกฝ่ายไม่รับสายทำให้ท่านรองประธานอย่างภราดร วิจิตรประภารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนก่อนที่เขาเคยคบเข้าหาก่อนทุกครั้งจนบางทีก็รู้สึกรำคาญแต่เปมิกาคนนี้กลับแปลกจริงที่เข้าหาก็เหมือนยิ่งห่างไกล ยิ่งจ้องเข้าไปในตาก็พบเพียงความเวิ้งว้างในนั้น
“คุณดลครับ”เพราะยังคงจดจ่อกับโทรศัพท์จึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของเลขาหนุ่มที่รับเข้ามาทำงานได้เพียงสามเดือน
“เอ่อ คุณดลครับ”เรียกดังขึ้นจนเขารู้สึกตัววางโทรศัพท์เอาไว้เงยหน้าขึ้นมองเลขาหน้าใสที่อายุเพียงยี่สิบแปดปีแต่ทำงานได้มืออาชีพมาก
“มีอะไร”ถามเสียงนิ่งพร้อมแววตาที่คมกริบก็ทำให้นิรัช ไตรทศต้องกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นเลขามาสามปีบอกได้เลยว่าภราดรเป็นเจ้านายที่น่ากลัวที่สุดด้วยแววตา ท่าทางและน้ำเสียงน่าเกรงขามจึงไม่แปลกใจที่ขึ้นตำแหน่งรองประธานบริษัทได้แม้อายุเพียงสามสิบเอ็ดปีเท่านั้น
“การประชุมจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงผมเลยเอารายละเอียดการประชุมวันนี้มาให้ครับ”ยื่นแฟ้มหัวข้อการประชุมให้ภราดรก็รับมาอ่านก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายออกไปเมื่อลับหลังเลขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอีกครั้งจนอารมณ์ของเขาตอนนี้เรียกได้ว่าพุ่งสูงจนอยากขับรถไปหาเธอถามว่าโทรศัพท์มันพังหรืออย่างไรทำไมไม่รับสักที!
ร่างสูงถอนหายใจออกมาแล้วยังนึกสงสัยตนเองว่าทำไมต้องไปโทรตามเธอด้วยปกติมีแต่ผู้หญิงวิ่งตามเขาทั้งนั้น คิดดังนั้นก็เลิกโทรแล้วเปิดโน้ตบุ๊กเพื่ออ่านข่าวและดูหุ้นเป็นปกติก่อนเข้าประชุมอยู่แล้ว หากครั้งนี้ข่าวที่พบกลับเป็นข่าวบันเทิงที่มีภาพของเปมิกาเดินข้างผู้ชายคนหนึ่งนามภูริชใบหน้าที่เคยนิ่งยามอยู่กับเขาดูมีความสุขจนภราดรกำมือแน่น
“ที่ไม่รับสายฉันเพราะเหตุนี้เหรอ”พึมพำเสียงเบาแล้วลุกขึ้นด้วยอารมณ์ร้อนที่พุ่งขึ้นมาโดยที่เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนี้ อาจจะเพราะข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันว่าระหว่างที่ใช้สถานะคู่นอนเขาและเธอห้ามมีคนอื่นเพราะไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ยอมขนาดนี้แล้วยังจะมีคนอื่นอยู่อีกหรือ
เดินมายืนดูบรรยากาศยามบ่ายที่แสงแดดส่องจ้าแต่ห้องของเขาที่แม้ผนังจะเป็นกระจกก็กันแสงไม่ให้เข้ามาทำให้ภายในห้องเย็นตลอดเวลา หลังจากที่อาพสุสละตำแหน่งรองประธานบริษัทคณะกรรมการก็เห็นชอบให้ภราดรขึ้นตำแหน่งแทนเพราะมีทั้งวุฒิการศึกษาและผลงานเป็นที่ยอมรับให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง
“คุณดลครับได้เวลาประชุมแล้ว”มองนาฬิกาพบว่าอีกห้านาทีจะเริ่มการประชุมเขาจึงพยักหน้าแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมกว่าเมื่อครู่พร้อมบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แม้แต่เลขายังสัมผัสได้
“วันนี้มันอะไรกันวะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”พึมพำด้วยความไม่เข้าใจแล้วรีบเดินตามหัวหน้าตนเองไปติดๆ การประชุมเริ่มขึ้นโดยมีคุณภมรเป็นประธานครั้งนี้ แม้จะอายุมากแต่ก็ยังไม่ลงจากตำแหน่งเพราะกลัวลูกชายรับมือคนเดียวไม่ไหว
“ดลว่าไง”การประชุมที่กินเวลานานกว่าสี่ชั่วโมงไม่ได้เข้าหัวท่านรองประธานเลยสักนิดเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เคาะนิ้วบนโต๊ะราวกับสติไม่อยู่กับตัว
“ดล”คุณภมรเอ่ยถามย้ำลูกชายที่ทำหน้าเข้มจนคนอื่นเริ่มพากันมองซ้ายขวาอย่างเลิกลักยิ่งดวงตาเรียวเงยขึ้นมาสบตาคนตรงข้ามทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งแรง
“ครับท่านประธาน”ตอบรับเสียงนิ่งแต่บิดาก็มองแล้วถอนหายใจออกมาด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของตนที่ทำงานดีเยี่ยมไตรมาสที่ผ่านมามีกำไรเพิ่มขึ้นก็เพราะภราดร
“แผนที่ฝ่ายการตลอดเสนอมาเห็นด้วยไหม”ในการทำงานทั้งสองคนพ่อลูกจะไม่นับว่าเป็นพ่อลูกหากแต่เคารพกันในฐานะท่านประธานและรองประธานคณะกรรมการบริษัท ภราดรมองโปรเจคเตอร์ที่ฝ่ายการตลอดนำเสนอก่อนวิเคราะห์เพราะเมื่อสักครู่เขาแทบไม่ได้ฟังเลย
“ผมขอให้เสนออีกรอบได้ไหม”ถามเสียงเข้มขนาดนั้นจะตอบอะไรได้นอกจากพยักหน้าและเริ่มการนำเสนออีกครั้ง คุณภมรเอนตัวพิงเก้าอี้กอดอกมองลูกชายอย่างค้นหา อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ภราดรเหม่อลอยเช่นนี้ คงจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
การถ่ายทำละครวันนี้เสร็จไปด้วยความเหนื่อยล้าของทั้งทีมงานและนักแสดง มองเวลาก็ดีใจเพราะเลิกสองทุ่มถือว่าเร็วสำหรับเธอ อีกสองวันก็จะปิดกล้องทำให้เปมิการู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแต่ว่าก็แค่เรื่องเดียวเพราะอีกเรื่องยังคงถ่ายทำอยู่และพรุ่งนี้ก็เป็นฉากสำคัญเสียด้วย
“กลับแล้วค่ะพี่พิช”ยกมือไหว้ผู้กำกับรุ่นพี่ที่กำลังเก็บของเตรียมกลับเช่นเดียวกัน
“ไปดีมาดี เกือบลืมเลย ดีนะคิดออกไม่อย่างนั้นเมียเอาตาย”พิชาภพว่าขึ้นแล้วบอกให้เปมิการอตรงนี้สักครู่ ไม่นานก็เดินมาพร้อมถุงกระดาษสีหวานปักชื่อแบรนด์ดังยื่นให้เปมิกา
“ลิซฝากมาให้เรา เขาไปเที่ยวฮ่องกงมาวันนี้ก็ว่าจะมาหาเปรมแต่ติดงานที่ร้านก่อนเลยฝากพี่เป็นธุระเห็นอยู่กองเดียวกัน ดีนะที่มาทักไม่อย่างนั้นพี่ก็ลืมโดนด่าหูชาแน่ เพื่อนเราด่าทีอย่างกับไฟแลบ”เป็นครั้งแรกที่นางเอกสาวหัวเราะออกมาเพราะคิดออกถึงใบหน้าเพื่อนสนิทยามบ่นสามี เธอรับของมาแล้วเอ่ยขอบคุณ
“ฝากขอบคุณลิซด้วยนะคะพี่พิช เปรมกลับแล้วค่ะ”ลาพี่ที่เคารพแล้วเดินไปที่รถยนต์ของตนเองโดยไม่รู้ว่าจรัญญายิ้มเยาะพร้อมถือโทรศัพท์ที่ถ่ายภาพเมื่อสักครู่เอาไว้
“มีข่าวฉาวอีกแล้วพี่เปรม สงสารจังเลยนะคะ”มองแผ่นหลังบางที่เดินไปก็รู้สึกสะใจ เธอไม่ชอบเปมิกาเพราะครั้งแรกคุณตาจะให้เล่นเป็นนางเอกเรื่องนี้คู่ภูริชแต่อยู่ดีๆ ก็เป็นเปมิกาเสียอย่างนั้น จากที่เฉยๆ ก็ไม่รู้เกลียดทันทีตามประสาคุณหนูผู้ถูกตามใจมาตลอด
“ผลของการกล้าเล่นกับคนอย่างจ๋าก็ต้องเจอแบบนี้แหละ หึ”หมุนตัวเดินกลับด้วยท่วงท่าราวนางแบบ ผิวปากอารมณ์ดีทำเอาคนอื่นมองด้วยความงงว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะทั้งวันคุณหนูเอาแต่เหวี่ยงจนไม่มีใครเข้าใกล้แต่พอจะกลับดันอารมณ์ดีเกินเหตุเสียอย่างนั้น ผีออกแล้วหรืออย่างไร
รถยนต์ของนางเอกชื่อดังเคลื่อนตัวเข้าคอนโดที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองหลังเรียนจบเธอก็ทำงานในวงการบันเทิงเก็บหอมรอมริบซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวแม้ราคาจะแพงแต่หากเทียบความปลอดภัยแล้วเธอก็ยอมจ่าย จอดรถชั้นสองช่องประจำของตนเองก็กดล็อกเดินเข้าไปคอนโดแต่ก่อนที่จะแสกนรหัสผ่านก็ถูกปิดปากจากข้างหลังเสียก่อน
“มานี่”ตกใจแทบสิ้นสติแต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ลอบถอนหายใจด้วยโล่งอกว่าไม่ใช่โจรผู้ร้ายที่ไหนมาจับเธอไปทำมิดีมิร้าย
“ปล่อย”เดินมาถึงรถของเขาเปมิกาก็ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ ทั้งสองมองตากันนิ่งอย่างไม่ยอมโดยเฉพาะท่านรองประธานที่แววตาคมเหมือนจะลงโทษเธออยู่ในทีสร้างความสงสัยว่าเหตุใดจึงมองเช่นนั้น
“เข้าไป”ผลักเธอไปที่ประตูแต่ก็ไม่ได้เปิดให้เขาอ้อมไปฝั่งตนเองแล้วขึ้นรถปล่อยให้หญิงสาวเปิดประตูขึ้นมานั่งเองซึ่งเปมิกาก็ไม่ได้คิดมากเพราะไม่ได้ชอบให้คนมาบริการตนเองอยู่แล้วที่ไม่ชอบใจคือเขาใช้กำลังและทำการอุกอาจทำราวจะมาปล้นเสียอย่างนั้น
“วันนี้ฉันเพลียไม่อยากไปไหน”ภราดรยิ้มมุมปากเยาะเย้ยก่อนจะสตาร์ทรถขับออกไปทันทีไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
“ฉันบอกว่าไม่อยากไป”กอดอกไม่มองหน้าอีกฝ่ายพร้อมบอกเขาด้วยความไม่ชอบใจนัก คำพูดของเธอดูไร้ค่าทันทีเพราะมันผ่านหูซ้ายไปทะลุหูขวาของคนขับรถกิตติมศักดิ์
“เธอขัดฉันได้ด้วยหรือไง”หันมาถามแล้วเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้น เธอคงไม่รู้ว่ากว่าสามชั่วโมงที่นั่งรอในรถมันรู้สึกขัดแย้งในอารมณ์มากแค่ไหน ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมต้องมารอทั้งทีเป็นเธอต่างหากที่ต้องตามเขา
“แต่คุณก็ไม่ควรทำเหมือนเมื่อกี้”ยิ่งเห็นใบหน้าหวานยามอยู่กับตนนิ่งก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มขึ้นอีก ทีกับคนอื่นยิ้มปากจะฉีกอยู่กับเขาปากคว่ำจนจะถึงคางอยู่แล้ว
“เพราะฉันไม่ใช่ไอ้พระเอกหน้าหม้อนั้นใช่ไหมเธอเลยห้ามไปหมดทุกอย่าง ถามจริงเถอะเปมิกาเข้ามาหาฉันขอมีอะไรกับฉันทำไม”ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวกกลับมาเรื่องนี้อีกครั้งและเป็นเธอที่เงียบไปไม่สามารถให้คำตอบได้
ความเงียบโอบล้อมบรรยากาศเริ่มเย็นขึ้นอาจจะเพราะเครื่องปรับอากาศภายในรถและอารมณ์ของทั้งสองคนที่ต่างปล่อยรังสีเย็นใส่กันไม่มีใครยอมใคร ในช่วงเวลาสามทุ่มรถไม่เยอะเขาจึงใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคอนโดของตนเองที่ซื้อเอาไว้