บทที่๒...คู่รักในละคร (๒)
‘เย็นนี้เจอกันที่เดิม’ข้อความเดิมซ้ำๆ ที่เขาคอยส่งมาให้ตลอดระยะเวลากว่าสองเดือนที่อยู่ในสถานะคู่นอน
เธอไม่กดเข้าไปอ่านและลบมันออกอย่างรวดเร็วราวไม่ต้องการรับรู้ทั้งที่คนเริ่มคือตนเองแต่เหมือนตอนนี้กลับต้องมาเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง การกลับมาของเขาครั้งนี้กลัวสร้างรอยแผลให้เธอลึกกว่าเก่าจนไม่อาจรู้ได้ว่าแผลนั้นจะสามารถหายได้หรือเปล่า บางทีอาจกลายเป็นแผลลึกที่ไม่มีวันลบเลือน..
เมื่อเห็นเธอไม่ตอบเขาก็โทรเข้าเครื่องแต่เปมิกาปิดเสียงเอาไว้และเก็บเข้ากระเป๋าทันที เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าจะถึงคิวถ่ายของเธอตอนนี้ร่างบางจึงเลือกที่เหมาะในการพักผ่อนสายตา ใบหน้าคมโผล่ขึ้นมาในความคิดหวนให้นึกถึงครั้งยังเด็ก
“ทำอะไร”เด็กหญิงร่างท้วมในชุดมัธยมต้นผมเท่าติ่งหูใบหน้าขาวมีสิวขึ้นแม้ไม่มากแต่ก็ดูไม่โสภาเท่าไหร่นักเดินเข้ามาถามกลุ่มนักเรียนชายราวสามคนที่กำลังล้อมเพื่อนระดับชั้นเดียวกันกับเธอเอาไว้ด้วยท่าทางข่มขู่
“อย่ามายุ่งเด็กอ้วน”ตะคอกใส่เด็กที่รู้สึกไม่ถูกชะตาเพราะใบหน้านิ่งทั้งแววตาราวกับจะเหยียดหยันเขาอีกสร้างความขุ่นใจให้ยิ่ง
“ก็ปล่อยคนนั้นก่อนสิ”ในเวลาเรียนแบบนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่บริเวณโรงยิมทำให้ค่อยข้างร้างผู้คนแต่เพราะเธอถูกคุณครูใช้ให้มาเอาของสำคัญจึงจำใจต้องเดินมาทางนี้เพื่อไปห้องพักครู
“ไม่ปล่อย มันเรื่องของพวกกูจะไปไหนก็ไป”หัวหน้ากลุ่มที่ทนฟังก็เอ่ยไล่ด้วยความไม่ชอบใจ
“รังแกคนไม่มีทางสู้ พวกคนไม่ดี”เปมิกาในตอนนั้นแทบจะไม่รู้สึกกลัวเลยด้วยซ้ำเธอต่อปากต่อคำกับรุ่นพี่ที่ตัวใหญ่กว่าตนเองราวกับไม่รู้ว่าอาจจะมีภัยต่อตน
“อ้าวมึงวอนแล้ว”อีกฝ่ายย่างสุขุมมาหาเธอด้วยใบหน้าโกรธจัดก่อนจะผลักเด็กน้อยแรงจนไปล้มลงบนพื้นเข่าขูดกับพื้นปูนเลือดไหลออกมา แม้จะแสบแต่เปมิกาก็กัดฟันลุกขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
“เก่งแต่รังแกเด็ก หน้าตัวเมีย”คำพูดจองหองทั้งแววตาดื้อรั้นทำให้อีกฝ่ายโกรธจนเงื้อมือขึ้นจะตบหน้าเด็กหญิงแต่กลับมีเสียงดังขึ้นก่อน
“ทำอะไรน่ะ!”ทุกคนหันไปมองผู้มาใหม่เพราะคิดว่าเป็นครูแต่ผิดคาดเพราะอีกฝ่ายคือนักเรียนคนดังของโรงเรียนอย่างภราดร
“พี่ดล สวัสดีครับ”กิตติศัพท์เลื่องชื่อของอีกฝ่ายนอกจากจะเก่งแล้วยังโหดอีกด้วย ใบหน้าคมแม้จะอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีแต่ก็มีคนยำเกรงเพียงแค่มองด้วยหางตาก็ทำเอาตัวสั่นได้แล้ว
“เมื่อกี้ทำอะไร”ถามเสียงนิ่งจนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ทั้งสามยืนเรียงกันหน้ากระดานกุมมือมองพื้นด้วยไม่กล้าสบตา
“ผมเดินชนน้องเลยจะช่วย”หัวหน้ากลุ่มแก้ตัวด้วยอาการสั่น รุ่นพี่คนนี้ตัวใหญ่กว่าและมีแววตาที่ดุราวกับเสือ บรรยากาศตอนนี้ไม่ต่างจากห้องปกครองเลยสักนิด
“แต่ฉันเห็นพวกนายจะตีเธอนะ”กอดอกเบนสายตามามองเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่ลุกขึ้นไปช่วยเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย”คำปฏิเสธจากคนปากแข็งยังมีมาเรื่อยจนรุ่นพี่คร้านจะเถียงด้วยจึงต้องหันไปหาผู้เสียหายทั้งสองคนแทน
“เป็นอย่างที่สามคนนี้ว่าหรือเปล่า”เด็กผู้ชายที่โดนรังแกเม้มปากแน่นมองเปมิกาที่แม้จะอายุเท่ากันแต่ก็ตัวโตกว่าไปหลายขุมอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“ไม่ค่ะ เขาสามคนรังแกเพื่อนดิฉัน และพอจะเข้ามาช่วยก็โดนผลักเมื่อกี้ก็จะเข้ามาตบ”ตอบวาจาฉะฉานทำเอารุ่นพี่มอสี่หันมามองด้วยความโกรธแต่มีหรือที่เปมิกาจะสะท้านกลับจ้องกลับด้วยความไม่กลัวก่อนหลบตาภราดรที่มองมา
“แล้วจะให้ทำยังไง”เขาชอบในความกล้าของเธออีกทั้งวาจาที่ดูถือตัวนั้นอีกด้วยไม่น่าเชื่อว่าเด็กมอต้นจะเรียกแทนตัวเองว่าดิฉัน
“ควรบอกครูแล้วขึ้นทัณฑ์บนไว้ครั้งหน้าจะได้ไม่ทำ”ภราดรนิ่งไปก่อนพยักหน้าราวเห็นด้วย
“เอาอย่างนั้นก็ได้”เมื่อเขาบอกหนุ่มทั้งสามคนก็ร้องค้านเสียงดังจนมีครูเดินผ่านมานักเรียนดีเด่นจึงแจ้งเรื่องให้ทราบนักเรียนมอสี่จึงต้องเดินไปห้องปกครองโดยไม่ลืมหันมามองเปมิกาเพื่อคาดโทษอีกด้วยดีที่ภราดรหันไปทำตาดุใส่
“ขึ้นเรียนเถอะ”หลังจากทั้งสามเดินไปแล้วเธอก็เอ่ยชวนเพื่อนแต่ภราดรเดินมาขวางทางไว้ก่อน
“ไปเรียนก่อนเพื่อนเลย”ว่าเสียงนิ่งบอกเด็กชายที่หันมามองเปมิกาแล้วพยักหน้ารับคำเดินขึ้นห้องไปไม่วายหันมามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ส่วนน้อง ตามพี่มานี้”เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกเธอว่าน้องทำเอาเปมิกาทำตัวไม่ถูกมือไม้ดูเกะกะไปหมดทั้งยังไม่กล้าสบตากับเขาอีกด้วย
“มาสิ”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนที่เดิมจึงตัดสินใจเอื้อมไปจับแขนให้เดินตามมาโดยไม่ได้คิดอะไรต่างจากอีกคนที่หน้าร้อนเห่อใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ รุ่นพี่ที่แอบปลื้มและอยู่สูงเกินจะไขว้คว้ากลับเดินจับแขนเธอทั้งยังเรียกว่าน้องอีกต่างหาก
“เข้ามา”ที่ที่เขาพามาคือห้องพยาบาลของโรงเรียนที่ร้างผู้คนยกเว้นหนึ่งเตียงที่มีคนนอนห่มผ้ามิดหัวอยู่
“ไม่เอาค่ะ”ส่ายหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าเขาพาเธอมาที่ไหน เปมิกาไม่ถูกกับยาทุกชนิดไม่ว่าจะกินหรือทาดังนั้นเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะบาดเจ็บและทำได้ดีมาตลอดยกเว้นเมื่อครู่ที่โดนผลักจนเลือดออก
“ต้องทำแผล”บอกย้ำมองตากลมโตที่มีแววตระหนกก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
“ล้างน้ำก็หายค่ะ”ย้ำเสียงแข็งทั้งยังขืนตนเองไม่เดินเข้าไปกับเขาแต่มีหรือที่ภราดรจะยอม เขาใช้กำลังที่มีมากกว่าบังคับเธอเดินเข้ามาในห้องพยาบาลจนได้
“อ้าวดล เป็นอะไรมาหรือ”ครูที่เฝ้าห้องพยาบาลเดินออกมาจากห้องพักเอ่ยถามขึ้นขณะที่มองลูกศิษย์ด้วยสายตาสำรวจ
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอดีน้องคนนี้เขาล้มเลยพามาทำแผล”อีกฝ่ายยังจับข้อมือรุ่นน้องเขาไว้แน่นเพราะกลัวว่าปล่อยแล้วเธอจะวิ่งหนีออกไป
“อ๋อ ให้ครูทำให้ไหม”ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงนิ่ม
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมทำเอง”คุณครูพยักหน้ายิ้มก่อนจะย้ำว่าอย่าลืมเขียนการใช้ห้องพยาบาลให้ด้วย เขารับคำพาเธอมานั่งที่มุมห้องซึ่งมีเก้าอี้เตี้ยวางไว้
“ไม่เจ็บจริงๆ นะคะ”จากเด็กหญิงพูดจาแข็งกลายเป็นอีกคนที่มีแววตาอ้อนวอนจนอดยิ้มไม่ได้
“ไม่เจ็บหรอก”เปมิกาถอนหายใจเพราะหนุ่มรุ่นพี่เข้าใจประโยคที่สื่อสารผิด เธอหมายถึงแผลที่เข่าไม่เจ็บไม่ต้องทำแผลก็ได้แต่อีกฝ่ายดันตีความไปคนละทางเสียอย่างนั้น ใครจะเชื่อว่าการใส่แอลกอฮอล์จะไม่แสบไหนจะยาเหลืองอีกแค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“นั่งอยู่เฉยๆ”ปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายแล้วสั่งด้วยแววตาดุ เขาลุกขึ้นไปหยิบกะละมังขนาดเล็กใส่น้ำพร้อมผ้าผืนเล็ก
“ขอโทษนะ”กระโปรงยาวคลุมเข่าถูกถลกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เห็นแผล เปมิกาอายจนหน้าแดงแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้ ใบหน้าของเขาห่างจากเข่าเธอไม่มากใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะมาดูแลดีขนาดนี้
“มีดินด้วย ต้องทำความสะอาดก่อน”ค่อยๆ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดแผล ดีที่เลือดไม่ออกมากแค่ถลอกเท่านั้น ใครจะเชื่อว่าตัวโตแต่เขากลับมือเบามากจนเธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เปมิกามองใบหน้าคมที่ตั้งใจทำแผลให้ด้วยความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
เขาผละออกไปเอาอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะเริ่มลงมือทำแผลให้เธอด้วยความเบามือ แม้แต่แอลกอฮอล์ที่เคยกลัวก็ไม่รู้สึกว่าแสบสักนิด โตขึ้นเขาอาจจะเป็นนายแพทย์ก็ได้ ไม่นานเขาก็ทำแผลจนเสร็จทายาแดงสุดท้ายแล้วเช็ดบริเวณที่ยาไหลลงมาจนสะอาด
“เสร็จแล้ว”บอกเสียงนิ่งเก็บอุปกรณ์เข้าที่กำชับให้เปมิกานั่งรอก่อนเพราะเขาต้องไปเขียนสมุดการใช้ห้องพยาบาลซึ่งต้องใส่รายละเอียดเยอะพอสมควรถ้าเขาไม่เป็นอะไรหรือต้องการยาคงไม่เข้าห้องนี้เด็ดขาด
เด็กน้อยอายุสิบสี่ปีมองแผ่นหลังกว้างของรุ่นพี่มอปลายด้วยความชื่นชม ก้มมองแผลตนเองที่เขาทำให้ด้วยความประณีต เวลาแค่ไม่กี่นาทีแต่มันจะเป็นความทรงจำที่เธอไม่มีวันลืมถึงแม้เขาอาจจะลืมเธอก็ตาม
“น้อง!”เสียงเรียกขึ้นพร้อมเด้งลุกจากเตียงสร้างความตกใจให้เปมิกายิ่งนัก เธอหันไปมองก็พบรุ่นพี่อีกคนที่โด่งดังในทางตรงกันข้ามกับภราดรทั้งหมด
“เป็นไรมา”เขาเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางอยากรู้พร้อมทั้งมองไปทางหน้าห้องพยาบาลที่ภราดรกำลังเคร่งในการเขียนเอกสาร
“ล้มค่ะ”ตอบสั้นๆ มองเขาอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นัก
“แต่ไอ้ดลพามาแบบนี้ไม่น่าเชื่อ น้องเป็นกิ๊กมันเหรอ”เธอส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ รู้สึกหวาดระแวงอย่างไรก็ไม่รู้
“เปล่าค่ะ”อีกฝ่ายหรี่ตามองเธอก่อนจะพยักหน้าถอนหายใจ
“โอเค ปล่อยผ่าน”ผู้ชายตรงหน้าดูท่าทางปกติไม่มีอาการของคนป่วยที่ต้องมานอนห้องพยาบาลสักนิดจนเธอต้องมองสำรวจเขาเผื่อว่าจะมีจุดน่าสงสัย
“ไอ้ดินมึงมาทำอะไรห้องพยาบาล”ยังไม่ทันได้ออกไปภราดรก็กลับมาพร้อมทักญาติคนสนิทที่เป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย
“อยู่ห้องพยาบาลมึงให้กูมาเล่นบาสเหรอ”ความกวนของเพื่อนที่ต้องส่ายหน้าระอาใจทุกครั้ง
“แล้วมึงป่วยตรงไหน”ถามกลับพร้อมจ้องตาอีกฝ่ายที่อยู่ดีๆ ที่เอามือขึ้นมาศีรษะทั้งทำหน้าราวกับจะลาโลกไปเสียเดี๋ยวนั้น
“ปวดหัวว่ะภราดร เรียนไม่ไหวไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ยังปวดอยู่เลยนะ มึงมาจับดูดิสมองเต้นดังตุ๊บๆๆๆอยู่เลย”การแสดงดีขนาดนี้เข้ามหาวิทยาลัยเรียนนิเทศท่าจะรุ่ง ภราดรพลักหัวเพื่อนอย่างแรงมองด้วยความระอาใจที่ไม่ปิดบัง
“มึงขึ้นไปเรียนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ถึงพ่อมึงแน่”เปมิกานั่งมองสองคนคุยกันพอจะรู้มาว่าสองหนุ่มเป็นญาติสนิทอีกทั้งเกิดปีเดียวกันเลยกลายมาเป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย
“อย่าใจร้ายกับกูนักสิ ว่าแต่มึงเถอะตอนนี้ก็น่าจะเรียนอยู่ทำไมแว้บพาสาวมาทำแผลได้ครับ ฮั่นแหนะๆ”มองหน้าเพื่อนก่อนจะสลับมามองเปมิกาด้วยแววตากรุ่มกริ่มก่อนจะโดนตบหัวอีกครั้งทำเอาเห็นดาวลอยเต็มไปหมด ตบแรงไปแล้ว!
“มึงอย่ามาเพ้อเจ้อ ขึ้นไปพร้อมกูนี้แหละ”ลากคอเสื้อเพื่อนก่อนจะหันมามองเปมิกาที่ลุกขึ้นยืน
“กลับห้องเองได้ใช่ไหม”ถามเสียงราบเรียบเธอพยักหน้าทันที
“ได้ค่ะ”ได้รับคำตอบที่พอใจก็พาเพื่อนเดินออกจากห้องพยาบาลทันทีโดยมีเสียงพสุธาโอดครวญตลอดทางอีกทั้งยังทำทีเหมือนจะเป็นลมเมื่อเจอแดดต้องใช้แรงมหาศาลกว่าจะลากเพื่อนที่เล่นกันตั้งแต่เด็กให้เข้าห้องเรียนได้
“น้องเปรมเตรียมเข้าฉากนะคะ”เสียงเรียกปลุกเธอจากภวังค์ได้ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ปริ่มจะออกมาและกระพริบตาถี่ๆ เวลาไม่อาจย้อนกลับไปได้แต่หากย้อนกลับเธอคงเลือกที่จะไม่รู้จักเขาจะได้ไม่พบความเจ็บปวดเหมือนทุกวันนี้