บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

“ฉันมีชุดสีขาว สำหรับใช้ใส่ตอนฤดูร้อน” ดวงตาของเธอเป็นการสุกใสขึ้นเมื่อมองเขาอยู่

“เราไม่ห่วงเรื่องแฟชั่นให้เสียเวลาหรอก” แบรดจูบแก้มเธอเบาๆก่อนจะกลิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง เชียล่าดึงเสื้อด้านหน้ามาปิดบังเนื้อตัวไว้ด้วยสัญชาตญาณ มือไม้เขาไต่อยู่ตรงคาง รั้งใบหน้าให้หันมาทางเขา

“คุณจะแต่งงานกับผมในเม็กซิโกพรุ่งนี้ได้ไหม?” เขาถาม แต่แล้วก็ยิ้มออกมา “อ้อ..ไม่ใช่พรุ่งนี้หรอก ผมคิดว่าเมื่อเราพูดกันรู้เรื่องคืนนี้แล้วก็ต้องเป็นวันถัดไป”

“ไม่มีใครห้ามฉันได้หรอกค่ะ” เชียล่าตอบด้วยเสียงแผ่วเบา หัวเราะออกมาอย่างเริงใจ

“ตอนหัวค่ำวันนี้ ผมได้ตรวจสอบอะไรไว้บ้างแล้ว ใบสำคัญที่เราต้องการสำหรับจะใช้ในพิธีแต่งงานคือบัตรประจำตัวประชาชนกับวีซ่าของนักทัศนาจรเท่านั้น” แบรดเริ่มอธิบายให้เธอฟัง

“ฉันมีเป็นตันเลยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ทั้งบัตรประจำตัวนักศึกษา ใบขับขี่ เครดิตการ์ด พาสปอร์ต..เราจะไปมีความสุขด้วยกันนะคะที่รัก” เธอถอนหายใจซุกร่างเข้าไปในอ้อมแขนเขา ลืมตามองเพดานห้องอย่างเคลิ้มฝัน “ฉันรู้นะคะว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น”

“ก่อนที่เราจะทำให้ฝันนี้เป็นความจริง เราก็ต้องแต่งงานเสียก่อน ซึ่งหมายถึงว่า เราจะต้องมีการวางแผนกันบ้าง” เขาค่อยๆรั้งร่างเธอให้ลุกขึ้นนั่ง “และไอ้การที่จะเอาแต่นอนคว่ำหน้าอยู่ มันก็ไม่ช่วยให้คิดอะไรออกหรอก”

เชียล่าลุกขึ้นนั่งเอนๆพิงหลังอยู่กับหมอน ขณะที่แบรดนั่งตรงขอบเตียง เธอรวบผมที่รุ่ยร่ายให้เรียบร้อยขึ้น จับขอบเสื้อนอนด้านหน้าให้เข้าที่ไปพลาง

“แล้วแผนการของคุณเป็นยังไงล่ะคะ” เธอถาม แน่ใจว่าเขาจะต้องกะการไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แบรดเป็นคนชอบเตรียมการไว้ก่อนเสมอไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

“เรื่องแรกคือเรื่องการเดินทาง” เขาเริ่มต้นขึ้น “มอเตอร์ไซค์ของผมอาจพาเราไปและกลับได้อย่างประหยัด แต่การเดินทางเป็นระยะไกลขนาดต้องข้ามไปตั้งครึ่งค่อนรัฐเท็กซัส มันคงไม่สะดวกสบายแน่ เพราะต้องมีทั้งคุณทั้งผมและยังกระเป๋าเดินทางของเราสองคนอีก แม้ผมจะเกลียดไอ้ความคิดบ้าๆนี่สักเท่าไหร่ก็ตาม แต่เมื่อมาคิดๆดูแล้วก็มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้น คือต้องใช้รถคันที่พ่อแม่ให้คุณนั่นแหละ ผมอยากรู้ว่าคุณมีชื่อเป็นเจ้าของหรือเปล่า..ผมไม่อยากให้ยุ่งยากเวลาข้ามเขตแดน”

“ชื่อฉันเองค่ะ” เธอตอบพร้อมพยักหน้าอย่างจะให้ความมั่นใจกับเขา “ทั้งชื่อในทะเบียน ประกันภัย และทุกสิ่งทุกอย่างเลย”

“ถ้าเราจะต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆเพื่อไปแต่งงานกันอย่างนี้ ก็ออกจะโง่ไปสักหน่อยถ้าจะไม่แวะพักในเม็กซิโกสักสองสามวันจริงไหม?”

“แน่นอนที่สุด” รอยยิ้มอย่างพึงพอใจฉาบขึ้นบนใบหน้า ดวงตาเธอเปล่งประกายระยับ “แล้วในเม็กซิโกนั่น เราจะไปเมืองไหนกันดีล่ะคะ?”

“ฮัวเรซ..”

“ฮัวเรซ..!” เชียล่าอุทานออกมาด้วยความตกใจ “แต่นั่นน่ะมันต้องใช้เวลาขับรถทั้งวันเชียวนะคะ ทำไมเราไม่ข้ามเข้าลาเรโด หรืออีเกิ้ล พาสล่ะ ไปทางไหนมันก็ยังใกล้กว่าฮัวเรซตั้งแยะ”

“เบาๆหน่อยสิ..” แบรดเตือนพร้อมกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าขึ้นมาทันที “ผมรู้จักเส้นทางกับภูมิประเทศแถวนั้นดีน่า แต่มันยังมีเรื่องอื่นที่จะต้องมาประกอบการตัดสินใจด้วย ลองคิดดูสิ ถ้าพ่อแม่ของคุณเกิดรู้ขึ้นมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น และรู้ว่าเรากำลังวางแผนจะทำอะไรกัน เขาจะต้องพยายามขัดขวางเราอย่างแน่นอน และจะต้องคาดว่าเราจะต้องข้ามพรมแดนแน่ เพราะฉะนั้นเขาก็จะต้องเดาถูกว่า เราจะต้องข้ามตรงเขตใกล้ที่สุดที่คุณเอ่ยออกมานั่นแหละ ผมไม่แน่ใจเลยว่าพ่อของคุณจะไม่คิดว่าเราโง่พอที่จะขับรถไปไกลถึงฮัวเรซ นี่เป็นทางด้านจิตวิทยานะ” เขาจบลงด้วยการขยับมุมปากคล้ายจะยิ้ม

“คุณพูดถูก” แต่เชียล่ากำลังมีความรู้สึกว่า แบรดออกจะโอ้อวดตัวเองมากเกินไป เธอไม่ชอบลักษณะการพูดจาที่เหมือนจะเหยียดหยันความคิดของพ่อแม่ตัวเองเช่นนี้เลย

“รู้อยู่แล้ว ว่าผมจะต้องพูดถูก” หางเสียงของเขาบอกความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งเธอก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย แบรดทำให้เชียล่าต้องนึกไปถึงพวกเด็กๆที่กำลังเล่นซ่อนหาและยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงตรงนี้

“จะยังไงก็ตา..”แบรดพูดต่อ “ผมรู้ว่าการขับรถอ้อมไปถึงฮัวเรซนั้น มันจะต้องดีกว่าเมืองอื่นแน่”

“ฉันยังไม่เคยไปถึงกุยดาด ฮัวเรซ เพราะฉะนั้น คราวนี้คุณคงต้องทำตัวเป็นไกด์พาฉันเที่ยวนะคะ” เธอว่า

“ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง” ดวงตาที่ฉายแววชวนไหลหลงนั้นมองกวาดไปทั่วเรือนร่าง ซึ่งปกปิดไว้เพียงเสื้อนอนแนบเนื้อบางๆเพียงตัวเดียว สายตาระเรื่อยลงไปถึงช่วงขาเปลือยเปล่า

“เพียงแต่จะต้องมีเงื่อนไขว่า เราจะไม่ใช้เวลาทั้งหมดจนลืมความสุขส่วนตัวของเราหรอกนะ”

ออกจะน่าแปลกใจที่คำพูดของเขา ไม่ได้ทำให้เธอเกิดความรู้สึกปรารถนาขึ้นมา ซึ่งทำให้เชียล่าไม่ใคร่สบายใจเท่าไรนัก

“แต่เราก็จะใช้เวลาอยู่แต่ในโรงแรมไม่ได้นี่ เราก็ต้องออกไปไหนมาไหนหาอะไรกินบ้าง” เธอว่า

“ก็อาจจะใช่” แบรดคล้อยตาม แต่ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง และแล้ว เขาก็ลุกขึ้นจาเตียง หันหลังให้เชียล่า “ซึ่งนั่นมันก็ทำให้อีกปัญหาหนึ่งตามมา”

“อะไรหรือคะ?” เธอเอียงคอถาม

“เงินไงล่ะ”

เธอตัวแข็งไปทันที การที่เกิดปากเสียงกันขึ้นเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ยังทำให้เธอไม่อาจลืมความขมขื่นเจ็บปวดจากการพูดจาถึงเรื่องนี้กันได้ เชียล่าก้มลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนเสื้อนอน

“ฉันคิดว่าเราไม่ควรพูดกันเรื่องนี้อีกแล้ว” เธอตอบเรียบๆ

“เชื่อเถอะว่าผมเองก็ไม่อยากหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเหมือนกัน” แบรดยกมือขึ้นบีบนวดต้นคอ น้ำเสียงเครียดขึ้น “ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกที่ผมจะพูดเรื่องนี้ แต่ความเป็นจริงก็คือ ผมไม่มีเงินเหลือเลยสักแดงเดียว” เขาเน้นเสียงหนักๆ “ค่าแรงอาทิตย์นี้ต้องจ่ายเป็นค่าเช่าห้อง เหลืออีกไม่กี่เหรียญ แล้วก็ยังจะต้องอยู่ไปจนกว่าจะถึงเวลาเงินออกครั้งต่อไปก็คืออาทิตย์หน้าโน่น”

“โอ..”เพียงคำเดียวนั้น มันก็หมายถึงความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งในสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่

“ให้ตายสิ..ผมเกลียดตัวเองจริงๆ” แบรดพึมพำเสียงเครียด “เชียล่า คุณมีเงินของตัวเองบ้างไหมล่ะ ผมหมายถึง นอกจากเงินฝากที่จะต้องได้ตอนอายุยี่สิบเอ็ดนะ ผมไม่อยากให้คุณไปขอยืมเงินพ่อ มันเท่ากับเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของผมที่จะต้องหนีไปกับคุณด้วยเงินของเขา”

เชียล่ารู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะขณะนี้มันเท่ากับเขากำลังเอ่ยขอเงินเธอตรงๆ แบรดเป็นคนหยิ่งมาตลอด จนเกือบจะประสาทเสียเพราะเรื่องนี้ ไม่เคยยินดีรับเงินจากเธอเลยสักครั้ง แต่ขณะนี้เขากำลังจะใช้เงินของเธอเพื่อแต่งงานกัน

มันเป็นสัญญาณที่ดี มันย่อมหมายถึงว่าบัดนี้เธอสามารถจูบใจให้แบรดยอมใช้เงินของเธอบ้างแล้ว ในลักษณะที่เขาจะไม่รู้สึกละอายใจว่า มีชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินของเธอด้วย อนาคตดูช่างสดใสเหมือนสีกุหลาบเสียเหลือเกิน พ่อแม่อาจจะเสียใจกับการหนีตามกันไปครั้งนี้ แต่เชียล่ารู้ดีว่า ในที่สุดแล้วทั้งพ่อและแม่ก็จะต้องยอมรับ เมื่อเธอกับแบรดแต่งงานกันแล้ว

“ฉันมีเงินส่วนตัวอยู่ค่ะ” บอกเขาตรงๆ “จากที่พ่อฝากไว้ให้ในธนาคาร อาจจะสัก..หมื่นเหรียญได้ละมัง ท่านเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาปีนี้ของฉัน”

แบรดทำเพียงแค่เอี้ยวไหล่มามองหน้า ก่อนจะย้ำถามว่า

“แต่มันเป็นเงินของคุณจริงๆใช่ไหมล่ะ?”

“ก็เป็นของฉันทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ไม่มีใครต้องมาเซ็นเบิกร่วมด้วยหรอก” มันคล้ายกับเธอให้ความมั่นใจกับเขา

“ดี” เขาพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรม “ถ้าอย่างนั้นเราก็พอจะใช้เงินนั้นได้ พรุ่งนี้คุณไปถอนมาเลยนะ เราจะได้ใช้มันเป็นใบเบิกทาง”

แล้วเรื่องงานกับเรื่องเรียนของคุณล่ะ?”

“เรื่องเรียนไม่เป็นไรหรอกพอหลบได้ ผมจะจัดการให้ทอมยื่นใบลาป่วยให้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” เขาสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผม “เพราะฉะนั้นวันนี้เราสองคนก็มีอะไรจะต้องทำทั้งวัน ผมควรกลับไปก่อนดีกว่า เราต่างคนต่างจะได้มีเวลาพักผ่อนกันบ้าง”

“คุณต้องไปจริงๆน่ะหรือคะ?”เชียล่าถอนใจ

“ก็เฉพาะครั้งนี้เท่านั้นเขาพูดพลางพยักหน้า “ผมจะพบคุณตอนบ่ายตรงหน้าดรงแรมนะ เราจะได้ตกลงกันว่าจะพบกันที่ไหนเวลาเท่าไหร่” เขาแตะจูบเบาๆ “และ..จำไว้ด้วยว่า..คุณจะต้องไม่ให้ใครล่วงรู้แผนการทั้งหมดนี่เป็นอันขาด ผมไม่อยากให้เราต้องเสียโอกาสถ้าพ่อแม่คุณเกิดรู้เรื่องเข้า”

“ค่ะ” เธอรับคำอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก

“อย่าลืมล็อคประตูเสียด้วยล่ะ” เขาบอกพร้อมกับยิ้มกว้างให้ “ขอให้คิดแต่เพียงว่าอีกยี่สิบสี่ชั่วโมง เราก็จะเดินทางไปเม็กซิโกด้วยกันเท่านั้นก็พอแล้วนะฮันนี่”

เธอฝืนยิ้มให้ แต่เมื่อเขาลดมือลงจากไหล่เชียล่าก็เหน็บหนาวไปทั้งตัว รู้สึกไม่สบายใจหนักขึ้นขณะแบรดค่อยๆแฝงกายหายไปในความมืด เธอเดินไปปิดและล็อคประตูห้องเสีย เนื้อตัวสั่นระริกเมื่อคลานกลับขึ้นเตียง บอกตัวเองอยู่ว่า..มันเป็นอารมณ์เจ้าสาวละมัง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel