บทที่ 3
เขาจับแขน กระชากร่างเธอให้หันกลับมาทางเขาทันที และยังบีบลงไปเต็มแรงเมื่อเชียล่าพยายามหันกลับมาหาให้ได้
“อย่ามาสะบัดใส่ผมอย่างนี้นะ” เขาออกคำสั่ง
เชียล่าสู้สายตากับประกายโรธที่ลุกโรจน์อยู่ในดวงตาของเขาอย่างไม่พรั่น
“ปล่อยฉันสิ แล้วคุณจะได้เห็นว่าฉันต้องไปแน่”
“ผมไม่ให้ไป..!” แววประหลาดฉายแสงขึ้นในดวงตาของเขา “คุณเป็นของผม ผมไม่มีวันยอมให้คุณไปหรอก”
เชียล่ารู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น
“คุณทำฉันเจ็บนะแบรด” เธอพยายามสะกดกลั้นความตกใจไม่ให้ปรากฏออกมาทางน้ำเสียง “ปล่อยแขนฉันนะ”
“มันเป็นเพราะเรื่องเงินใช่ไหมล่ะ?”มือที่บีบอยู่คลายลง แววลุกโรจน์ในดวงตาเมื่อครู่พลอยอ่อนแสงลงตาม “คุณคงคิดแล้วสินะว่า ในเมื่อชีวิตคุณเองมีทุกสิ่ทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว คุณก็เลยไม่อยากจะมีชีวิตที่ต้องขึ้นอยู่กับรายได้ที่จำกัดจำเขี่ย จะต้องมาใช้ชีวิตแบบกระเหม็ดกระแหม่ ไม่อาจฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น คุณเองก็เลยไม่อยากแต่งงานกับผมไปด้วย จริงไหม..เพราะผมไม่สามารถให้ความสุขในแบบที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้”
“คุณนี่คิดเป็นแต่เรื่องเงินอย่างเดียวหรือ?” เชียล่าพูดอย่างน้อยใจ “ฉันจะไม่มีวันใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเป็นการขอโทษคุณหรอกที่จะต้องยอมรับความจริงว่า พ่อแม่ฉันร่ำรวย ฉันเลือกเกิดไม่ได้นี่แล้วก็ไม่อาจควบคุมหรือบังคับไม่ให้มันเป็นอย่างนั้นได้ด้วย”
“เพราะคุณไม่เคยอยู่กับการไม่มีเงิน” เขาถอนหายใจหนักๆ “ผมไม่เคยมีเงินอย่างพวกคุณ ผมต้องต่อสู้ทุกวิถีทาง ต้องดิ้นรนในทุกสิ่งทุกอย่าง บางครั้งถึงกับต้องขโมยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เคยมีใครมาให้อะไรเลย มีแต่คนจะเอาแม้แต่สิ่งน้อยนิดที่ผมมีอยู่ อย่างที่พ่อแม่ของคุณกำลังแย่งคุณไปนี่แหละ”
สีหน้าของเชียล่าบอกความไม่พอใจขึ้นมาทันที..นี่..ไม่มีใครเขาคิดจะแย่งฉันไปจากคุณเลยนะ”
“ยังงั้นเรอะ?” แบรดย้อนถามน้ำเสียงหยันเย้ยประสมขมขื่นใจ “ก็พอพ่อแม่คุณรู้ขึ้นมาว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน ก็เริ่มพูดให้ร้ายผมทันที เพื่อจะได้กันตัวคุณไว้ อีกหน่อยก็คงจะว่าจ้างให้ใครต่อใครใส่ร้ายผมจนเข้าหูคุณแน่ๆเลย และในที่สุดคุณก็จะเชื่อเข้าสักวันหนึ่ง ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไปสิ”
“ไม่จริง พ่อแม่ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนดอกลิลลี่ขาวอย่างคุณสินะ” แบรดแสยะยิ้มเหยียดๆ ท่าทางเหี้ยมเกรียมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“แบรด พ่อแม่ฉันไม่ใช่ภูตผีปิศาจอย่างที่คุณพยายามใส่ร้ายป้ายสีเลยนะ” เชียล่าตอบห้วนๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงตาบอด หรือไม่ก็ไร้เดียงสาอย่างเหลือเชื่อเลย..ผม..”
เขาพูดยังไม่ทันจบประโยคก็พอดีเสียงไม่สบายใจของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“เฮ้..แบรด..”
แบรดไม่ได้คิดจะปิดบังความรำคาญที่ถูกขัดจังหวะไว้เลย
“อะไรวะ ทอม?” เขาตวัดสายตามองคนที่สอดเข้ามา ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมงานของเขาเอง
“ฉันช่วยนายทั้งคืนไม่ไหวนะโว้ย เข้ามาทำงานก่อนที่จะถูกไล่ออกดีกว่า”
“จะไปเดี๋ยวนี้ละ”แบรดตวาด ถอนหายใจแรงๆอย่างรำคาญเต็มที
“เออ..มาเร็วๆเข้าเถอะ” ทอมตอบสั้นๆ
เชียล่ารู้สึกดีใจกับการขัดจังหวะที่เกิดขึ้น เธอไม่อาจทนกับการพูดจากระทบกระแทกแดกดันที่แบรดำลังกล่าวหาพ่อแม่อยู่ มันทำให้รู้สึกเจ็บป่วยทางจิตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อยากจะออกไปเสียจากที่นี่ให้พ้นๆเพื่อจะได้มีเวลาอยู่ตามลำพังบ้าง
“เข้าไปทำงานก่อนเถอะแบรด” เธอพูดเสียงเบาๆอย่างท้อใจ “ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับแล้วเหมือนกัน”
“อย่าเพิ่งไป เชียล่า” เขาคว้าไหล่เธอไว้ให้หันมาหา แต่เชียล่าไม่ยอมสบตาด้วย
“ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกแล้วนี่”
“เชียล่า..”ท่าทางเขายามนี้เหมือนพยายามหาเหตุผลอะไรสักอย่างขึ้นมาพูด แต่แล้วก็หัวเราะออกมา “ผมคิดว่า เราเพิ่งจะทะเลาะกันจริงๆวันนี้เองนะ”
“ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ” เธอไม่ยอมมีอารมณ์ขันอย่างที่เขาพยายามจะให้เป็นแม้แต่น้อย
“มันแย่จริงๆด้วย” เขาพูดพร้อมกับปล่อยมือจากเธอ ลูบไล้เนียนแก้มเหมือนจะปลอบโยน แต่เชียล่าถอยห่างจากสัมผัสนั้น ไม่อาจเปลี่ยนอารมณ์จากขึ้งโกรธมาเป็นเสน่หาได้ในทันทีทันใด
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นเรื่องทะเลาะกันยืดยาวอย่างนี้เลย” แบรดพูดเบาๆเป็นเชิงขอโทษ “ผมหัวเสียไปหน่อยก็เท่านั้น”
“พอแล้ว” เชียล่าตอบเสียงขุ่น
“เชียล่า..มองผมก่อนสิ” เมื่อเธอไม่ยอมทำตาม เขาก็เอื้อมมือมาเชยคางเพื่อให้เธอทำตามที่เขาบอก และแล้ว ใบหน้าที่สง่างาม ดวงตาสึน้ำตาลคู่นั้นก็เปล่งแววอ้อนวอนให้เธอยกโทษให้
“ผมจะทำยังไง คุณถึงจะเข้าใจความรู้สึกของผมล่ะนี่?”
“คุณก็ทำแล้วนี่” เธอพยายามพูดให้เขาเกิดความมั่นใจ “คุณก็พูดออกมาชัดเจนแล้วยังไงล่ะว่า ไม่เชื่อว่าฉันจะรักคุณจริง แล้วคุณก็คิดว่าพ่อแม่ฉันคิดร้ายกับคุณ”
“เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่คุณไม่เคยมองเห็นเลยหรือ..?”เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาเธอ “ว่าคุณเป็นเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่ผมมี และเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับผมอย่างที่สุดด้วย เชียล่า..ผมกลัวนะ..กลัวว่าจะต้องสูญเสียคุณไป..ผม..”
แววกังวลปรากฏขึ้นบนหน้าผากที่มีเส้นผมสีบลอนด์ปรกอยู่ ความสุจริตใจของเขาทำให้เชียล่าอดรู้สึกสงสารเห็นใจไม่ได้
“แบรด..”เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เห็นใจในคำวิงวอนนั้น
แต่เธอไม่ทันเห็นแววแห่งความเห็นแก่ตัวที่ฉายแวบขึ้นในดวงตาของเขา
“คุณไม่เข้าใจหรอก จริงไหม คุณคิดว่ามันเป็นความผิดที่ผมจะรู้สึกอย่างนั้น”
“จำไว้นะ ว่าไม่มีใครจะมาแย่งแนไปจากคุณได้” เรียวปากคู่นั้นเผยอยิ้มน้อยๆ
“ผมเคยขอให้คุณเป็นภรรยาผมมาแล้วนะเชียลา” เขาเริ่มพูดต่อ
“ซึ่งฉันก็ตอบรับไปแล้วนี่” เธอพูดอย่างจะเตือน
“ใช่” แบรดพยักหน้า “แต่ผมไม่มีอะไรจะมอบให้คุณเลยนอกจากความรัก ผมกำลังจะขอให้คุณทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไปอยู่กับความไม่มีอะไรเลย”
หัวแม่มือของเขาบีบนวดอยู่กับท้ายทอยของเธอ เชียล่ารู้สึกได้ถึงมนต์แห่งการสัมผัสของเขาที่กำลังร่ายสะกดเธออยู่
“มันไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่เลวเกินไปนักหรอกค่ะที่รัก” เธอยิ้มให้
“ความรักเป็นสิ่งที่ให้หลังคาคลุมหัวเรา หรือให้อาหารใส่ปากเราไม่ได้หรอกนะ” เขาพูดคล้ายจะเตือน “มันต้องใช้เงิน..ซึ่งผมก็..ไม่มีด้วย”
“จุ๊ย์..” เชียล่าประทับนิ้วลงบนริมฝีปากเขา “ฉันไม่อยากได้ยินคำพูดนี้อีกค่ะ”
แบรดจูบลงตรงปลายนิ้วนั้น ประคองมันไว้ในมือตัวเองอย่างทะนุถนอม
“ผมเองก็ไม่อยากพูดถึงมันอีกหรอก แต่เงินมันก็เป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตอย่างหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราจะปฏิเสธมันก็ไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นความจริง”
“ฉันไม่สนหรอกค่ะ” เชียล่าดึงนิ้วออก ช่วยปัดปอยผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าผากให้ “บอกสิคะว่าคุณรักฉัน..แบรด..”
“ผมรักคุณแน่นอนที่สุด” เขาประทับจูบดูดดื่มเหมือนจะย้ำคำพูดนั้น “อีกตั้งปีแน่ะ..”ทำเสียงเหมือครางคำพูดประโยคนั้นออกมา “ผมคงรอถึงปีไม่ไหวหรอก”
เชียล่าคลึงหน้าผากอยู่ตรงปลายคางเขาพร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันรู้ค่ะ” เธอยืดร่างขึ้นอย่างไม่ใคร่เต็มใจนักเมื่อพูดว่า “แต่คุณก็จะอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวจะเสียงานเสียการหมด”
เขาลดแขนที่โอบร่างเธอไว้ลง จูบเบาๆอีกครั้ง
“ถ้าคืนนี้ไม่ยุ่งมากผมจะโทรไปหานะ”
“ฉันจะรออยู่ที่บ้านค่ะ” เธอให้คำมั่น
“แล้วก็ควรจะอยู่ตามลำพังด้วย” แบรดฝืนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันจะพยายาม” เธอตอบปนหัวเราะก่อนจะผละจากมาโดยไม่จูบลา เพราะมันเท่ากับเป็นการยืดเวลาที่นานเนิ่นอยู่แล้วออกไปอีก