๕ เรื่องของเรา (๒)
“อ้าว ไม่ได้ตั้งใจ ฉันมองในจานแล้วเห็นแต่ผักก็นึกว่าหญ้า เผลอมองเธอเป็นควายไปซะได้ ขอโทษทีนะ” แกล้งตีหน้าซื่อเหมือนกับว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ย แต่คนที่รู้จักเขาดีอย่างเธอมีหรือจะยอมเชื่อ รีบโวยวายเสียงดังแล้วพ่นคำด่าเท่าที่จะคิดได้
“นายตั้งใจ! ไอ้บ้า ไอ้คนตาต่ำ ตาถั่ว ตาตี่ ตาไม่มีแวว!” ไม่เพียงปากที่ผรุสวาท เธอยังขว้างช้อน ส้อมและของใกล้มือที่ไม่หนักใส่ชายหนุ่มอีกต่างหาก อนลหลบแทบไม่ทัน ดวงตาวาวโรจน์ทันทีเมื่อถูกกระทำทั้งที่เขาควรเป็นผู้คุมเกม
“ถ้าเธอโยนมาอีกฉันจับจูบมันตรงนี้แหละ จะลอง..” เอ่ยขู่เสียงเข้ม แต่ดูเหมือนว่าอณิรดาจะไม่เกรงกลัวสักนิด เธอหยิบผักในจานแล้วปาใส่หน้าเขาทันที ร่างหนากัดฟันแล้วพลางผ่อนลมหายใจร้อน โกรธจนไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
“คิดว่าฉันไม่กล้าหรือไง เหอะ คนอย่างพระพายกล้า...อื้อ!” ยังคงลอยหน้าลอยตาแล้วโต้กลับ แต่พูดไม่ทันจบคนที่ยืนฝั่งตรงข้ามก็สาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวถึงตัวหล่อน ดึงหญิงสาวเข้าไปจูบทันทีเพื่อหยุดการกระทำทุกอย่าง
ใบหน้าหวานแหงนรับจูบเมื่อมือหนาจับคางของตนให้เชิดขึ้น เพียงแค่ริมฝีปากแตะก็รีบเม้มปากตัวเองทันทีไม่ให้เขาล่วงเกินมากกว่านั้น ทว่าอนลก็บีบคางเธอจนร่างบางยอมเปิดปากด้วยความเจ็บ เขาใช้ลิ้นดุนดันเข้าไปสำรวจโพรงปากนุ่ม แล้วรีบผละออกเมื่อหล่อนจะใช้จังหวะนั้นเมื่อกัดลิ้นเขา
แสยะยิ้มอย่างเป็นต่อยามที่เห็นดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่สามารถเล่นงานเขาได้เลย
“ฉันก็เอาจริงเหมือนกัน ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว อยากดื้อดีนักใช่ไหม ฉันจะสั่งสอนเธอเองว่าการดื้อกับฉันมันเป็นยังไง” จับคนตัวเล็กแล้วอุ้มพาดบ่าทันที เธอไม่ทันตั้งตัวจึงไม่อาจหลบหนีได้ ถึงไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ทำเพียงแค่ด่า
“แล้วทำไมต้องอุ้มแบบนี้ตลอด! คนมันเวียนหัวเข้าใจไหม!” เท้าหนักก้าวขึ้นบันไดทีล่ะสองขั้นเพื่อให้ถึงห้องเร็วที่สุด เลือกเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง
วางร่างแบบางลงบนเตียงทันทีจนตัวเธอเด้งรับความนุ่ม กำลังจะวิ่งลงจากเตียงแต่เขาดักหน้าเอาไว้ก่อน หล่อนมองอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ เห็นถึงอันตรายที่ย่ำกรายเข้าใกล้ เหลียวซ้ายแลขวาเพื่อมองหาทางหนีทีรอด
แต่เหมือนตนเองจะไม่สามารถรอดพ้นไปได้...
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันร้องให้คนช่วยจริงด้วย” ตะโกนเอาเสียงดังเข้าข่ม แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสักนิด ชายหนุ่มเลือกถอดเสื้อออกเผยให้เห็นรูปร่างสวยงามที่ปั้นแต่งด้วยการออกกำลังกายอย่างดี หล่อนเบิกตากว้างพยายามไม่มองต่ำกว่าคอ เกรงว่าจะคิดไปถึงคืนนั้น...
“ร้องเลย ต่อให้เธอแหกปากร้องลั่นเกาะก็ไม่มีเทวดาที่ไหนมาช่วยเธอได้หรอก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอยู่ที่นี่อย่าคิดลองดีกับฉัน เพราะฉันไม่ใช่เพลิงคนเก่าที่ยอมให้เธอโขกสับฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว” โถมกายทาบทับร่างแบบบางที่อยู่บนเตียง เธอพลิกตัวจะหนีเขากลายเป็นว่านอนคว่ำให้ชายหนุ่มทับอยู่ข้างบน
“กรี๊ด ไม่!” เสื้อยืดของเธอถูกถอดออกทันที โดยคนตัวเล็กจำยอมให้ความร่วมมืออย่างไม่เต็มใจ หากไม่อย่างนั้นเสื้อของตนคงได้ขาดเพราะถูกฉีกอีกตัว
จากที่นอนคว่ำก็ถูกเขาพลิกกลับมาหงายอีกครั้ง เธอถูกตรึงมือสองข้างไว้เหนือศีรษะ ดวงตาคมจ้องมองกายแบบบางที่ยังเหลือร่องรอยสีช้ำเอาไว้แต่ก็ค่อนข้างจางจนแทบมองไม่เห็นแล้ว
โน้มใบหน้าลงมาจุมพิตแต่พลาดเพราะอณิรดาผินหน้าหนี ปากจึงจรดที่แก้มนุ่ม เขาไม่ได้โมโหกลับยกยิ้มนึกสนุก ถูไถหนวดที่ขึ้นเป็นตอกับแก้มนวลจนเป็นสีแดงปื้น เธอพยายามปัดป้องทว่ามือถูกพันธนาการเอาไว้จึงไม่อาจทำอะไรได้มากนัก
คราวนี้เขาผละจากดวงหน้าหวานมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอม กลิ่นสบูยังติดกายเล็กจนร่างหนานึกติดใจ สูดดมอยู่อย่างนั้นพลางฝากรอยเอาไว้
“หยะ อย่า ไม่ทำนะไอ้บ้า” ด่าเขาทั้งที่เริ่มอ่อนแรง ไม่ชอบที่ตัวเองกำลังเผลอไผลในสัมผัส พยายามเม้มปากแน่นไม่ให้ส่งเสียงครางน่าเกลียด กลัวจะโดนหาว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
ปากด่าเขาแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม...
“คิดว่าฉันจะสนใจหรือไง ฉันจะทำ! อย่าลืมสิว่าเธอเป็นแค่นาง..” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ชายหนุ่มปล่อยมือเรียวให้เป็นอิสระ แล้วปลดตะขอชั้นในของหล่อนออก เผยให้เห็นสองเต้าที่เย้ายวนใจจนต้องก้มหน้าลงไปชิ้นยอดอก ไม่วายเอ่ยถึงสถานะที่ตัวเองเป็นคนคิด แต่ถูกขัดซะก่อน
“แฟน ฉันเป็นแฟน หยุดเรียกสถานะบ้าบอนั้นเลยนะ ฉันเป็นแฟน เข้าใจไหมว่าเป็นแฟน!” ผลักอกหนาออกแล้วย้ำอีกครั้งให้สลักเข้าไปในใจเขา
ว่าเธอเป็นแฟน!
ไม่ใช่นางบำเรออย่างที่ชายหนุ่มพยายามยัดเยียด
มุมปากหยักยกยิ้มขำขัน ไม่คิดว่าวันหนึ่งพวกเขาจะมาเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งยังได้เป็นคู่รักอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งที่คิดแค่จะให้หล่อนบำเรอความสุขทางร่างกาย
“หึ มีแฟนแบบเธอฉันขอกระโดดน้ำกลางทะเลให้ปลาฉลามกินดีกว่า” พูดจบก็กัดเข้าที่ปลายถันจนเธอหดกาย จ้องเขาตาแทบถลนอย่างไม่ยอม กำลังคิดจะด่าแต่มือหนาก็กอบกุมทรวงอกตนไว้พลางบีบเคล้นเพื่อเรียกอารมณ์ สะกิดที่ปลายยอดจนเธอเผลอคราง
“ไอ้บ้า...อ่า อย่ากัดแรง” แต่ไม่นานเขาก็กัดอีกครั้งจนเธอต้องตีที่แขนล้ำ
คำพูดนั้นเหมือนจะยินยอมให้เดินหน้า หล่อนไม่ได้ผลักไสอย่างที่เคยทำ กลับเลือกจับแขนของเขาเอาไว้จนอนลเริ่มลังเล
“เธอยอมให้ฉันทำเหรอ” เอ่ยเสียงเบาไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก ยันแขนเอาไว้แล้วจ้องดวงตากลมที่มองเขาไม่กระพริบ อณิรดาพรูลมหายใจเสียงเบาเหมือนจำนนต่อสถานการณ์ เธอไม่อาจหยุดยั้งได้แต่สามารถขอร้องให้อีกฝ่ายอ่อนโยนกับตัวเองบ้าง
“ไม่ยอมได้หรือไง ทำเบาๆ แล้วกัน” สิ้นคำใบหน้าคมก็ซุกซบที่ทรวงอกนุ่ม ใช้ปลายคางถูไถจนแดงเป็นปื้น มือหนาเปลี่ยนไปลูบไล้เอวบาง ค่อยเลื่อนลงมาที่กางเกงขาสั้น ปลดกระดุมแล้วรูดซิบ ล้วงเข้าไปในกายสาวอย่างง่ายดายเพื่อเป็นการเบิกทาง
ขาเรียวเหยียดตรงพลางชันขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกร้อนตามร่างกาย มวนท้องจนไม่อาจอยู่เฉยได้ มือที่จับแขนเขาก็ค่อยผละมาลูบกลุ่มผมสั้นที่วนเวียนอยู่กับดอกบัวคู่งามของเธอไม่ยอมผละห่าง ริมฝีปากหนาได้รูปกดย้ำที่ยอดสีหวาน ลุ่มหลงจนไม่ผละไปไหน
“อ่า กัดหน่อย” เธอเป็นคนบอกให้เขาเบา แต่พอชายหนุ่มพยายามอ่อนโยนกลับถูกวอนขออีกสิ่งจนเริ่มนึกสงสัย
“เธอเป็นพวกมาโซคิสม์หรือไง” เขากำลังเอ่ยถึงบุคคลที่มีความสุขทางเพศยามเป็นฝ่ายถูกกระทำให้เจ็บปวด หล่อนไม่ได้ตอบคำถามเขานอกจากแอ่นกายแบบบางเพื่ออีกฝ่ายจะได้ทำสะดวก ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพื่ออนลจะสามารถถอดกางเกงของเธอออกได้
สถานะแฟนที่มีต่อกันเหมือนลดกำแพงสูงที่ตั้งไว้ป้องกัน เพียงแค่หล่อนคิดว่ากำลังร่วมรักกับแฟน...ความรู้สึกก็ค่อยแปรเปลี่ยน
เขาคงไม่รู้ความลับที่เธออุตส่าห์เก็บไว้หลายปี ไม่กล้ากระทั่งจะบอกคนสนิทอย่างเพื่อนหรือพี่สาว เลือกซ่อนไว้ลึกสุดหัวใจ เพราะรู้ดีว่าอย่างไรก็คงไม่สมหวัง
มือเรียวลูบไล้ตามแผ่นหลังกว้าง แต่เขาก็เลือกผละออกเพื่อถอดกางเกงของตนเอง แล้วค่อยจัดการกางเกงของหล่อนเพียงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที จากนั้นจึงรีบนอนทาบทับบนร่างกายขาวผ่องที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด
“ฉันกัดจริงนะ” จูบปากรูปกระจับจนพึงพอใจค่อยผละลงมาไล่เลียตามลำคอระหง เขาขบเม้มจนเกิดรอย ได้ยินเสียงครางรับของหล่อนพร้อมโอบกอดรอบคอ แล้วกดศีรษะเขาให้แนบเนื้อมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าอณิรดาจะคล้อยตามง่ายดาย
“อ่ะ” ลิ้นหนาลากผากมายังเต้าอวบ เลียจนเปียกชื้นแล้วดูดกลืนยอดถันพร้อมกัดตามที่หญิงสาวต้องการ เสียงครางแผ่วดังข้างหู หล่อนใช้ขาโอบรอบเอวเขา ความใกล้ชิดของพวกเราแทบไม่ช่องว่างให้อากาศแทรกผ่าน
เขาเองก็กำลังหลงระเริงกับความสุขตรงหน้า กลิ่นกายเย้ายวน เครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ ไม่มีความเปียกหรือเหนียวเหนอะหนะ ไม่ต้องคอยห้ามหรือตรึงแขนเรียวเอาไว้ตลอดเวลา หล่อนพร้อมจะยินยอมกับความสัมพันธ์ทางกาย
ไม่รู้อณิรดากำลังคิดทำอะไรกันแน่ ปกติเธอไม่น่าจะใช่คนที่ยอมเขาโดยง่าย หรือเพราะต้องการออกจากเกาะจึงโอนอ่อนผ่อนตาม
“นายเป็นแฟนฉัน” ขณะที่ใบหน้าคมเลื่อนลงมายังหน้าท้องแบนราบ เธอก็เอ่ยแทรกความเงียบ จนเขาต้องเงยหน้ามองพลางสบตา คิ้วหน้าขมวดเข้าหากันไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้ถาม กลายเป็นว่าถูกผลักให้ออกห่าง แล้วหล่อนก็ขึ้นคร่อมตนแทน
ดวงตาคมเบิกเล็กน้อยไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้า จากท่าทีขัดขืนกลายเป็นสมยอมได้อย่างไร แถมยังรุกไล่จนเขาตามไม่ทัน มองคนตัวเล็กที่มีสีหน้ามุ่งมั่น
“บอกมาว่าเราเป็นแฟนฉัน ไม่อยากนั้นฉันจะกัดไอ้นั่นของนายให้ขาด” มือบางยันหน้าท้องลอนเอาไว้ เธอนั่งลงบนกายเขาพลางถูไถบั้นท้ายกับความเป็นชายที่แข็งขืน รู้ดีว่าจุดอ่อนของชายหนุ่มคือตรงใด แต่แววตากลมก็แรงกล้ากับคำถามที่อยากรู้คำตอบเดี๋ยวนั้น
เธอไม่อาจปล่อยผ่านความวิตกกังวลของตัวเอง กลัวว่าเขาจะเห็นเธอเป็นเพียงตัวแทนของใครบางคนที่อยู่ห่างไกล
จึงต้องการความมั่นคง...
“อะไรของเธอ อยู่ดีๆ จะให้พูดเรื่องนี้” ได้มองดวงหน้าหวาน ไล่ลงมายังลาดไหล่สวยกับทรวงอกเต่งตึง ลอบกลืนน้ำลายแล้วยกมือกอบกุมดอกบัวคู่งามเอาไว้ บีบเคล้นฐานทรวงแต่มือก็ถูกปัดออกทันทีอย่างไม่แยแส เพราะต้องการคำตอบ
“พูดมา...ถ้านายพูดฉันจะยอมนายทุกอย่าง” ประโยคนั้นสร้างความสงสัยแก่ร่างหนา เขาขบคิดอยู่ครึ่งหนึ่งอย่างไม่แน่ใจ ความสัมพันธ์ของพวกเราที่ผ่านมามันห่างไกลจากสิ่งที่ตนกำลังคิดมากโข
“เธอชอบฉันเหรอ” อณิรดานิ่งไปทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะถามคำนี้ แต่ก็รีบดึงสติตัวเองแล้วค่อยตอบกลับด้วยการตั้งคำถาม
“นายชอบฉันหรือเปล่าล่ะ” นิ้วเรียวสะกิดปลายยอดที่ชูชันท้าทายสายตา เขาไม่อยากเล่นตอบสิบคำถามแต่อยากกดหล่อนให้จนที่นอน เลื่อนมือมาจับเอวคอดทั้งสองข้าง ลูบไล้อยู่อย่างนั้นเมื่อมันทั้งลื่นและนุ่ม
“ไม่” ลมหายใจหยุดชะงักเมื่อฟังคำตอบ แต่ก็รีบเอ่ยกลับอย่างรวดเร็ว
“ฉันก็เหมือนกัน...แค่พูดเพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้นายข่มเหงฉันอีก ถ้านายอยากได้ก็แค่บอกฉันพร้อมจะยินยอมทุกเมื่อ” ปากหยักยกยิ้ม ไม่รู้ว่าหล่อนจะมาไม้ไหนแต่เขาเริ่มชอบความคิดนั้นเสียแล้วสิ เลื่อนสายตามองต่ำมายังหน้าท้องแบนราบ แล้วหยุดยังความเป็นสาวที่มีขนสีเข้มปกคลุม เขาใช้นิ้วแหย่เข้าไปแต่ก็โดนหล่อนตีมือ ส่งสายตาปรามเอาไว้จนกว่าจะได้คำตอบ
“จริงเหรอ”
“อือ เพราะเราเป็นแฟนกัน” หล่อนย้ำอีกครั้งเพื่อให้เขาตอบตกลง อนลชั่งใจเพียงครู่เดียวก็ลุกนั่งทันที เขาไม่อาจยอมให้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมได้ เลือกกอดเอวบางเอาไว้ ซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นพลางสูดดมกลิ่นเข้าปอด ลูบไล้แผ่นหลังเนียนแล้วค่อยเอื้อมมือแตะต้องเต้างามอีกครั้ง
“ได้...เราเป็นแฟนกัน” กระซิบแผ่วเบาข้างหูเธอ จึงไม่เห็นรอยยิ้มที่แต้มมุมปากของคนตัวเล็ก หัวใจหล่อนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขาคิ้วขมวด หล่อนถึงรีบผลักกายหนาให้ล้มลงบนเตียง ส่วนตนก็เริ่มบรรเลงเพลงรักอย่างเงอะงะ
จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะใจเต้นกับสถานะระหว่างเรา...ที่เฝ้ารอมานาน