เสน่หาแสนหวาน

92.0K · จบแล้ว
ข้าวสีทอง
32
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อณิรดาถูกแฟนหนุ่มขายให้กับอนล เจ้าของไนต์คลับชื่อดังที่ดูแลธุรกิจสีเทาอีกหลายกิจการ เธอถูกจับมาไว้ยังเกาะเพื่อสนองความต้องการทางเพศของเขาโดยไม่เต็มใจ

นิยายรักประธานคนต่ำต้อยเศรษฐีรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

บทนำ

บทนำ

เท้าเรียวย่างก้าวเข้ามาในสถานบันเทิงที่ไม่เคยเฉียดใกล้สักครั้ง ภายนอกคนอาจมองว่าหล่อนคือคุณหนูตกอับผู้ใจแตก ทว่าเธอรู้ตัวเองดีไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของมึนเมาหรืออบายมุข ส่วนมากที่มาก็เพราะเพื่อนชวนหรือตามสมัยนิยมเท่านั้น

คนคออ่อนอย่างเธอแค่แก้วเดียวก็เริ่มมึนแล้ว จึงไม่ค่อยอยากแตะแอลกอฮอล์สักเท่าไหร่ เคยคิดทำงานกลางคืนเพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ถูกมารดาสั่งห้ามเอาไว้ การหาเงินจึงเน้นไปทางหางานเป็นหลักแหล่งและรับงานพาร์ทไทม์บ้างยามว่าง

แต่ใครจะมารับเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานอย่างเธอล่ะ ยื่นใบสมัครที่ไหนก็โดนตีกลับจนเริ่มท้อ ไม่ได้มีเส้นสายกับเขา งานส่วนมากที่พอจะรับก็เริ่มเงินเดือนขั้นต่ำสำหรับเด็กจบใหม่ซึ่งมันไม่พอจะใช้หนี้ให้ครอบครัวด้วยซ้ำ

“กลับเถอะ เราไม่อยากเข้าไป” แขนเรียวถูกดึงให้เดินเข้ามาในที่แออัด เธอพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วบอกแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันไม่นานเพราะทนลูกตื้อของเขาไม่ไหว

เป็นการคบตัดปัญหา...ไม่ใช่เสน่หาแต่อย่างใด

แต่เหมือนหล่อนจะคิดผิดเพราะยิ่งคบปัญหาก็รุมเร้าตลอด ไล่มาตั้งแต่กิ๊กของเขามาราวีเธอ ครอบครัวอีกฝ่ายหาว่ามาเกาะลูกกิน ทั้งที่ตนไม่ได้ขอเงินฝ่ายชายใช้สักบาท

อณิรดา ปัญญาสถิต คุณหนูแสนสวยลูกสาวคนเล็กของครอบครัวที่ทำธุรกิจสิ่งทอ แต่มาล้มละลายเมื่อขาดสภาพคล่องทางการเงิน หนี้สินสูงกว่ารายได้เป็นเท่าตัว สะสมมานานหลายปีจนไม่อาจทนแบกรับไหว

บ้านหลังใหญ่ถูกขาดทอดตลาด ทรัพย์สมบัติที่มีก็ต้องขายเพื่อใช้หนี้ธนาคาร ยังดีที่ไม่มีหนี้นอกระบบจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

หล่อนจึงกลายเป็นดอกฟ้า...ที่ร่วงลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ

“แป๊บเดียวเอง ไปให้ของขวัญเพื่อนเราก็กลับ ไม่นานหรอกนะ..” เหลียวกลับมาตะล่อมคนที่ทำหน้าบึ้งตึง ถึงจะพยายามปรับอารมณ์มากแค่ไหนก็ไม่สามารถยิ้มทั้งปากส่งไปถึงตาได้ เพราะคนส่วนมากที่มาร่วมงานก็เป็นเพื่อนของแฟน แน่นอนว่าหล่อนไม่สนิทด้วยสักนิด

หลายคนที่มองเธอเปลี่ยนไปเพียงเพราะธุรกิจล้มละลาย คุณหนูที่เคยกินหรูอยู่แพงต้องมาเช่าห้องพักเดือนล่ะห้าพัน เพราะขายทุกอย่างนำไปใช้หนี้ธนาคารหมดแล้ว แม้แต่ห้องในคอนโดมิเนียมหรูที่ตนหวงแหน

“เฮ้อ” พรูลมหายใจเสียงเบา เดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นสองซึ่งถูกจองเอาไว้หมดแล้ว มีแต่คนคุ้นหน้าค่าตากันทั้งนั้น ดวงตากลมเหลือบมองคนที่โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง

ตั้งแต่ตกต่ำก็ไม่อยากออกไปไหน ไม่ชอบสายตาที่มองมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย สมเพช...สงสาร...สมน้ำหน้า

หล่อนเกลียดความรู้สึกที่ตนกลายเป็นคนต่ำต้อยมากที่สุด พาลโมโหไปซะทุกอย่างที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้

“คู่รักสุดฮอตมาแล้ว...” เสียงปรบมือเกลียวกราวดังขึ้นเมื่อหนุ่มหล่อสาวสวยเดินเข้ามาในงาน ร่างสูงพาหล่อนตรงไปยังเจ้าของงานพร้อมมอบของขวัญวันเกิดให้ทันที เขาไม่มีอารมณ์มาร่วมสนุกเพราะคิดใช้งานนี้เป็นแค่ทางผ่านเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง

ปล่อยแขนเล็กเป็นอิสระ เธอยืนข้างเขาพร้อมยิ้มให้เพื่อนเล็กน้อย จำได้ว่าอีกฝ่ายเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ จบมาได้ไม่กี่เดือนก็เข้าทำงานที่บริษัทของครอบครัว ตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงหัวหน้าแผนก...

น่าขันซะจริง

พวกเธอเพิ่งเรียนจบเหมือนกัน ต่างไม่มีประสบการณ์ทำงานทั้งคู่...แต่เพียงแค่เป็นลูกเจ้าของบริษัทก็ขึ้นตำแหน่งหลักได้ทันที

บริษัทคงเจริญไปเรื่อยๆ แหละ

“สุขสันต์วันเกิด ของขวัญของมึง” ยื่นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางไปตรงหน้า จากนั้นก็พูดคุยทักทายกันเล็กน้อยตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันผ่านงานสังคม และพ่อแม่ค่อนข้างคุ้นเคยกัน

“ขอบใจมากๆ ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจกูเลี้ยงเอง” เจ้าของงานผละไปคุยกับคนอื่น อณิรดาเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้กลับบ้าน แต่พอหันมองคนข้างกายกลับไม่พบแฟนหนุ่ม หล่อนรีบสอดส่ายสายตาหาเขา เห็นแผ่นหลังหน้ากำลังก้มเงยยืนทำอะไรบางอย่างอยู่โซนเครื่องดื่ม

ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปทันที เธอไม่อยากอยู่ในงานนานนัก เบื่อพวกปากหอยปากปูชอบเข้ามาถามไถ่เรื่องกิจการของครอบครัว แล้วลามไปเรื่องงานปัจจุบันที่หล่อนยังหาเป็นหลักแหล่งไม่ได้ นอกจากช่วยแม่ขายขนมส่งตามคาเฟ่หาเงินจุนเจือครอบครัวในแต่ละวัน

เงินเก็บของเธอก็เหลือไม่ถึงห้าหมื่น นำไปสมทบช่วยจ่ายหนี้ธนาคารเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงบ้างในแต่ละเดือนที่ต้องจ่าย ชีวิตแสนสุขสบายจบลงที่การหาเงินมาใช้หนี้...

เธอไม่อยากโทษบิดาเพราะรู้ว่าท่านทำเต็มที่แล้ว แต่กิจการมันไม่สามารถไปรอด ธุรกิจที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจึงจบลงที่รุ่นของหล่อน...

“พั้นช์สักแก้วนะ” แก้วน้ำสีสันสดใสถูกยื่นมาตรงหน้า หล่อนรีบส่ายศีรษะทันทีแล้วเหลือบมองอย่างอื่นเพื่อดื่มสักแก้วแล้วค่อยกลับ

“ไม่เอา ขอน้ำเปล่าดีกว่า” เลี่ยงพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบ แต่กลับถูกจับแขนเอาไว้ซะก่อน เขาส่ายศีรษะทันทีแล้วเลือกจะยัดแก้วพั้นช์ให้หล่อนเหมือนเดิม เป็นการบังคับที่อณิรดาไม่ชอบสักนิด คบไม่นานแต่เขาเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการในชีวิตของเธอมากเกินไป

คิดว่าคงทนคบได้ไม่นานหรอก...

“มางานเลี้ยงทั้งทีจะดื่มน้ำเปล่าได้ยังไงล่ะ สักแก้วเถอะจะได้พากลับ” แค่คำว่ากลับก็ทำให้ร่างบางจำต้องกำแก้วแน่น ตัดสินใจยกน้ำขึ้นดื่มหมดแก้วในรวดเดียว หวานซ่อนเปรี้ยวให้ความรู้สึกสดชื่น หล่อนวางแก้วลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงเงยหน้ามองแฟนหนุ่มที่ยกยิ้มพึงพอใจ แต่เพราะไฟในคลับค่อนข้างมืดจึงเห็นหน้าเขาไม่ชัด

“กลับได้หรือยัง” ถามย้ำเหมือนเป็นการกดดันมากกว่า ร่างสูงรีบพยักหน้าเป็นการตกลงทันที แล้วเดินไปหาเจ้าของงานที่ติดพันคุยกับเพื่อนอีกกลุ่ม

“ได้...พวกมึงกูขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ถ้าสายพ่อกูด่าเละแน่ ไปล่ะ” ข้ออ้างพอฟังขึ้นบ้างทุกคนเลยไม่ได้ตื้อให้อยู่ต่อ เขาจับมือนุ่มแล้วพากันเดินออกนอกร้านทันที อณิรดาโล่งใจจนเผลอผ่อนลมหายใจเสียงเบา ตอนแรกคิดว่าต้องอยู่นานกว่านี้ซะอีก

ไม่น่าเชื่อเขาจะพากลับเร็ว ไม่ต้องทนตอบคำถามร้อยแปดที่อาจพุ่งตรงมาได้ทุกเมื่อ อีกอย่างพรุ่งนี้หล่อนก็มีสอบสัมภาษณ์งานบัญชีที่บริษัทแห่งหนึ่ง ไม่อยากนอนดึกกลัวตื่นไม่ทันจนอาจพลาดโอกาสที่ดี

ระหว่างเดินไปรถที่จอดอยู่ลานกว้างด้านหน้า พื้นที่เคยตรงกลับเริ่มเอียงจนต้องหยุดยืนนิ่ง สะบัดศีรษะเมื่อภาพเริ่มเบลอ เธอไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะคออ่อนดื่มแค่น้ำหวานที่ผสมแอลกอฮอล์เล็กน้อยก็เมาได้

“แก้วเดียวก็เมาเหรอ...” พึมพำกับตัวเองเสียงเบา รีบเดินไปขึ้นรถของแฟนหนุ่ม สอดกายเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ หลับตาลงทันทีเมื่อความง่วงเข้าครอบงำจนไม่อาจเปิดเปลือกตาหนักขึ้น อากาศเย็นต้องกายแต่หล่อนไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

คนขับเหลียวมองแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ กดส่งข้อความทันทีเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ความรักที่มีต่อเธอมันไม่ได้ยิ่งใหญ่พอจะให้เขาต้องบากหน้าไปขอเงินครอบครัวแล้วอาจถูกด่าหรือยึดเงิน

ร้ายแรงอาจโดนมารดายึดทุกอย่าง แล้วเขาจะจ่ายหนี้ที่ตัวเองก่อได้อย่างไร

“นอนไปเลย ถึงบ้านเราจะปลุก” บอกเสียงเบาแต่ร่างบางไม่ได้ยิน หล่อนเข้าสู่ห้วงนิทราจากยาที่เขาผสมลงในเครื่องดื่ม พาหนะคันหรูทะยานไปข้างหน้า จุดมุ่งหมายคือบ้านพักสักแห่งของเจ้าหนี้ผู้ทำสัญญาซื้อขายอณิรดา

ราวกับหล่อนเป็นสิ่งของ...ไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ

ไม่รู้นอนไปนานเท่าไหร่ ความอบอุ่นกับเตียงนุ่มทำให้คนที่ไม่ได้หลับสบายแบบนี้มานานไม่อยากลุกไปไหน ความอ่อนละมุนของผ้าปูเตียง ช่างแตกต่างจากเตียงแข็งของห้องใหม่ที่หล่อนกับครอบครัวย้ายเข้าไปอาศัย หรือบางทีมันอาจเป็นความฝันว่าตนยังเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์

คิดถึงบ้านสามชั้นที่มีสนามหญ้ากว้างด้านหน้า สระน้ำสีฟ้าครามใสสะอาดอยู่ข้างบ้าน สวนดอกไม้สวยที่คุณแม่ปลูก ยามวันหยุดได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ใช้เงินเหมือนเบี้ยได้ตามใจ มีคนคอยรองมือรองเท้ารับอารมณ์เธอตลอด

ความสุขสบายที่มีมายี่สิบปีไม่อาจทำให้อณิรดาปล่อยวางได้ ภายนอกแสดงออกถึงความเข้มแข็ง แต่จิตใจภายในใครจะรู้ คนเหย่อหยิ่งเจ็บแค่ไหนยามถูกหัวเราะเยาะจากเพื่อน โทรหาเพื่อนสนิทในกลุ่มก็ไม่มีคนรับสาย

หล่อนถูกทิ้งแล้ว...

เปลือกตาหนักค่อยเปิดอย่างเชื่องช้า คิดว่าตนต้องเจอเพดานที่มีพัดลมอยู่ด้านบน แต่กลับต้องขมวดคิ้วที่มันเป็นสีขาวนวล มีเครื่องปรับอากาศติดอยู่มุมห้องแทนพัดลม มือบางยกขึ้นแตะศีรษะของตนแล้วลูบใบหน้าเหมือนต้องการปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝันซ้ำซ้อน

หยัดกายลุกนั่งบนเตียง เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาหกโมงเช้า ยังเหลือเวลาอีกถมถืดให้หล่อนอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปสอบสัมภาษณ์ แต่ร่างแบบบางก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตสิ่งรอบข้าง เตียงนอนกว้างขนาดคิงไซส์ ถูกปูด้วยผ้าสีขาวสะอาด ทั้งยังผ้าห่มผืนหนาอีก

นี่ไม่ใช่ห้องของเธอ!

อณิรดาตกใจเป็นอย่างมาก รีบยกผ้าห่มเปิดดูเสื้อผ้า ยังดีที่ใส่ชุดเดิมไม่ได้เปลือยกาย พรูลมหายใจโล่งอกแล้วค่อยลงจากเตียง คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของแฟนหนุ่ม แต่พอลองเปิดผ้าม่านก็ต้องตกใจเมื่อผนังที่กรุด้วยกระจก ทำให้มองเห็นบรรยากาศภายนอกได้ชัดเจน

“ทะ ทะเล!!”

ทำไมเขาถึงพาเธอมาทะเลทั้งที่ควรส่งกลับบ้าน!

ตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัว แล้วค่อยปิดปากทันที เริ่มกังวลว่าคนที่อยู่ด้วยอาจไม่ใช่แฟนของตน หรือไม่อย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันจะเรียบเรียงเหตุการณ์ตรงหน้า ประตูที่ปิดไว้ก็ถูกเปิดจนเธอต้องรีบเหลียวมอง

“ตื่นแล้วเหรอ...นอนนานเหมือนกันนะ กว่าจะตื่นได้ฉันรอจนเหนื่อย” เสียงทุ้มพร้อมใบหน้าคมที่ได้สบ ทำให้คนที่นอนหลับเต็มอิ่มต้องเผยอปากค้าง เบิกตากว้างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกลัวว่าจะมองพลาด คนที่หายไปหลายปีจะมาอยู่ตรงหน้าได้อย่างไร

เธอตาดฝาดหรือเปล่า...เป็นอนลจริงใช่ไหม

อยากยกมือขยี้ตาแต่ก็ไม่มีแรง หญิงสาวทำเพียงแค่จ้องเขานิ่งอย่างนั้น ภาพในอดีตไหลบ่าเข้ามาในหัว ตั้งแต่เธอยังเด็กจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เห็นคนตรงหน้าอยู่ในบ้านของตัวเอง ดวงตาคมที่จดจ้องด้วยความเกลียด บ่งบอกความรู้สึกว่าชังหล่อนมากแค่ไหน

ไม่ว่าจะเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ เขาก็ยังมองเธอด้วยสายตาคู่เดิมที่ไม่เปลี่ยนความรู้สึก…ยังคงเกลียดเหมือนวันวาน

“นาย...ทำไม ทำไมมา ฉัน” ตนเองยังไม่รู้ว่าประโยคที่เอ่ยแทบจับใจความไม่ได้ หัวใจเต้นรัวจนกลัวคนตรงหน้าจะได้ยินว่ามันตื่นเต้นมากแค่ไหน

“จะถามว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ทั้งที่ควรอยู่บ้านนอนอย่างสุขสบายน่ะเหรอ ฉันจะตอบให้ก็ได้ว่าแฟนสุดที่รักของเธอมันได้ขายเธอให้ฉันแล้ว” ชายหนุ่มอยู่ในชุดไปรเวทแสนสบาย เสื้อตัวโคร่งห่อหุ้มร่างกายแกร่งที่สูงใหญ่ ค่อยก้าวเท้าเข้ามาหาหล่อนพร้อมบอกข่าวร้ายที่คนฟังไม่เชื่อสักนิด เธอรีบส่ายศีรษะทันที

“ไม่จริง”

“ดูสัญญาได้นะ มันขายเธอเพื่อไถ่หนี้พนันที่ติดเอาไว้สองล้าน ความจริงมันจะขอเงินครอบครัวก็ได้แต่มันไม่ทำ มันเลือกขายเธอให้ฉัน แสดงว่ามันก็ไม่ได้รักเทิดทูนเธออย่างที่คิด...น่าสงสารจริงๆ นะคุณหนูพระพาย”

โทนเสียงกับแววตาเต็มไปด้วยความสมเพช มือบางที่กำเข้าหากันจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ แต่ความเจ็บมันกลายเป็นด้านชาแทบไม่รู้สึก ดวงตากลมจ้องเขม็งมองคนที่แสยะยิ้ม สาแก่ใจให้ชีวิตที่พังย่อยยับของหล่อน

“หุบปาก!!” ตะโกนเสียงดังไม่อยากฟังสิ่งใดทั้งสิ้น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเพียงแค่คิดว่าตนถูกขายให้คนอื่นอย่างง่ายดาย

ทำได้ยังไง ทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร!