๑ เกลียดแรกพบ (๑)
๑
เกลียดแรกพบ
สมองที่ว่างเปล่าเมื่อทราบความจริงทั้งหมด ร่างแบบบางยืนนิ่งค้างไม่รู้ว่าควรพูดหรือทำอะไร แต่สิ่งที่น่าตระหนกมากกว่าคือได้พบผู้ชายที่หายไปจากชีวิตของหล่อนหลายปี ไม่น่าเชื่อว่าพรหมลิขิตจะนำพามาพบกันอีกครั้ง
วันวานรู้สึกอย่างไร วันนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เกลียด...
ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองกันเต็มไปด้วยภาพอดีตที่แสนเจ็บช้ำ เขาคืออนล รติรมณ์ ลูกชายของแม่บ้านที่ทำงานให้ครอบครัวปัญญาสถิตมานับหลายสิบปี เราอายุห่างกันหกปี เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีของทุกคนยกเว้นกับคุณหนูคนเล็กของบ้าน หล่อนไม่เคยได้รับความรักจากชายผู้นี้สักครั้ง
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอพอได้รู้ความจริง ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าคนที่มันเอามาขายจะเป็นเธอ แต่พอเห็นหน้าก็จำได้ทันที ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมจนเราได้มาเจอกันอีกครั้งในฐานะ...เจ้านายกับลูกน้อง” เธอรู้ดีว่าเขากำลังพูดกวนประสาท และมันได้ผลเมื่อคนที่นิ่งเงียบต้องกำมือแน่น จ้องคนตรงหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ไม่เจอกันหลายปี อนลก็ยังปากร้ายกับหล่อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
แล้วมีหรือที่คนอย่างอณิรดาจะยอมโดนค่อนแคะฝ่ายเดียว
“ฉันพูดให้เกียรติเธอนะ อย่างน้อยในอดีตก็เคยมีความทรงจำร่วมกัน ถึงมันจะเป็นความทรงจำไม่ดีก็ตาม” ความทรงจำของเราไม่เคยมีเรื่องดีสักอย่าง หล่อนถูกเขาขนานนามว่าเป็นแม่มดตัวน้อยที่คอยจะรังแกคนไม่มีทางสู้
ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น เธอไม่ต้องการเห็นอนลมีความสุข ยิ่งชายหนุ่มยิ้มกว้างมากเท่าไหร่ ก็ขัดตาจนต้องหาเรื่องให้อีกฝ่ายโมโหตลอด
“นายต้องการอะไร พาฉันมาที่นี่ทำไม ถ้าจะเอาฉันไปขายก็ทำเลยสิ อย่ามาทำเหมือนตัวเองเป็นคนใจดีแสนสูงส่งนักเลย เห็นแล้วจะอ้วก” คนที่ตกเป็นเบี้ยล่างไม่วายต่อปากต่อคำ ศักดิ์ศรีค้ำคอจนหล่อนเลือกยกมือกอดอก เชิดใบหน้าหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดราวกับไม่ยีหระ ทั้งที่ใจก็นึกหวั่นว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริง
การถูกนำมาขายไม่ใช่เรื่องตลก ยังโชคดีที่คนตรงหน้าเป็นชายที่คุ้นเคย หากไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้โผล่ไปอยู่กลางทะเลพร้อมขายสู่ตลาดมืดอย่างที่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง
อย่างน้อยการเจออนลครั้งนี้...ก็ถือเป็นโชคดีมากกว่าโชคร้าย
แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวออกไป เก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจ พลางกดมันให้อยู่ลึกสุด แล้วเลือกแสดงด้านแข็งกร้าวให้อีกฝ่ายเห็น ว่าตนจะไม่ตกเป็นรองเขาเด็ดขาด
“ใช่ ฉันไม่ใช่คนที่ใจดีอย่างเธอว่านั่นแหละ แต่ฉันก็คงไม่ใจร้ายพอจะขายเธอให้คนอื่นหรอก อาชีพของฉันอาจเป็นธุรกิจสีเทา แต่พวกค้ามนุษย์หรือค้าประเวณีฉันไม่ขอเข้าไปยุ่งด้วย” ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าหล่อน พูดด้วยเสียงราบเรียบแต่แววตายิ้มเยาะคนที่ถูกแฟนหลอกมาขาย หล่อนคงหลงผู้ชายจนยอมเขาหมดทุกอย่าง
น่าสมเพชเหลือเกิน...
จากคุณหนูพระพายผู้สูงส่ง ต้องตกต่ำลงมาถึงเพียงนี้
แต่มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ครอบครัวปัญญาสถิตทำกับพวกเขาเอาไว้ เรื่องแค่นี้มันไม่ทำให้ตายเหมือนที่พวกเขาต้องตกนรกทั้งเป็นหรอก
“เหอะ ทำเป็นพูดจาดี ไอ้คนลวงโลก ถามจริงเถอะ...ไปรับใช้ใครเขามาล่ะถึงได้มีเงินร่ำรวยแบบนี้ คนอย่างนายถ้าไม่ทำชั่วก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปากกับเขาหรอก โอ๊ย” เจอหน้ากันทีไรหล่อนก็อดไม่ได้จะค่อนขอด จนร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่นานสาวเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้า ใช้มือข้างที่ถนัดบีบแก้มของหล่อนทันทีจนปากจิ้มลิ้มห่อยื่นออกมา
“เพราะปากแบบนี้ไง ฉันน่าจะจับเธอโยนลงกลางทะเลตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องทนฟังคำพูดขัดหูหรือทนเห็นหน้าของเธอให้อารมณ์เสีย” ใบหน้าคมแดงก่ำ จ้องหญิงตรงหน้าด้วยความเกลียดอย่างไม่ปิดบัง เพิ่มแรงบีบจนหล่อนต้องตีมือเขาเพื่อประท้วง
“อ่อย อ่อย! อันเอ็บ” เสียงที่เปล่งฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ แต่ก็ยังพยายามจะบอกอยู่อย่างนั้น
“เจ็บ เจ็บเป็นด้วยเหรอ ผู้หญิงอย่างเธอนึกว่าจะทนแดดทนลมซะอีก ความจริงฉันก็ไม่ได้มีความแค้นกับเธอหรอกนะ แต่ฉันอุตส่าห์ซื้อเธอมาในราคาสองล้าน จะปล่อยไปก็เหมือนเอาเงินไปละลายเล่น ฉันจะทำยังไงกับเธอดีล่ะ...” ปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ เธอรีบยกมือประคองใบหน้าตัวเอง รู้สึกเจ็บที่แก้มจากการถูกบีบ
กัดฟันแน่นแล้วถลึงตาแทบถลนมองอนล เขาไม่เคยอ่อนโยนกับเธอสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด
“อย่ามองฉันด้วยสายตาสกปรกแบบนั้นนะ!” ตวาดเสียงดังยามโดนสายตาคมไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เหมือนกำลังประเมินราคาสิ่งของหนึ่งชิ้น
ซึ่งหล่อนไม่ใช่สิ่งของ!
“ถ้าเอาเธอไปขายให้พวกเสี่ยเงินหนัก ฉันคงได้เงินกลับคืนบ้าง..” กอดอกพลางลูบคางตัวเองอย่างใช้ความคิด แต่เขาก็ยังมีศีลธรรมพอจะไม่ยุ่งกับเรื่องค้าประเวณี ธุรกิจที่ทำตอนนี้ก็เสี่ยงคุกตารางมากพอแล้ว
“ไม่ ฉันไม่ไป ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ นายคิดได้ยังไงจะเอาฉันไปขาย” ผรุสวาทใส่หน้าคนอายุมากกว่าโดยไม่เกรงกลัว หล่อนคงลืมตัวว่าตนเองไม่ใช่คุณหนูที่สามารถใช้นิ้วสั่งเขาได้อีกต่อไป อณิรดาตกเป็นรองทุกด้านแต่ก็ยังทำเก่ง
“ทำไมจะคิดไม่ได้ ลืมแล้วเหรอว่าแฟนเธอเป็นคนเอาเธอมาขายให้ฉัน แล้วฉันจะขายเธอต่อมันผิดตรงไหน” ร่างบางนิ่งคิดตามคำพูดนั้น จากท่าทีหยิ่งทระนงก็ค่อยเปลี่ยนเป็นห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ เหมือนขนาดตัวจะเล็กลงตาม
เกลียดที่ต้องมาอยู่ในสภาพน่าอดสู ไม่เจอกันหลายปีหล่อนควรเป็นนางพญาต่อหน้าเขา แต่ความจริงกลับตาลปัตร
อนลในอดีตไม่ต่างจากปัจจุบันสักนิด ผิดแค่ร่างกายภายนอกใหญ่โตตามวัย ส่วนนิสัยก็ยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมก้มหัวให้หล่อนเช่นเดิม เห็นแล้วน่ารำคาญชะมัด
ทำไมพอเป็นเธอเขาถึงเกลียดล่ะ...
หึ ไม่น่าตั้งคำถามเลย การกระทำแต่ละอย่างของเธอที่ปฏิบัติต่ออนล มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่เกลียดเข้าไส้
“ฉันจะอยู่ที่นี่ ให้ฉันอยู่ที่นี่เถอะนะ นาย นายจะใช้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมหมดเลย ให้ฉันกวาดบ้านถูพื้น ทำความสะอาด หรือทำอาหารฉันยอมหมดเลย ขอแค่อย่าพาฉันไปขายเลยนะ ขอร้องล่ะ” รีบต่อรองทันที เมื่อคิดว่าเขาอาจจะส่งเธอไปที่อื่น ต้องปรนนิบัติชายแก่คราวพ่อหรือทอดกายให้ชายอื่นเชยชมก็ต้องส่ายศีรษะ ยกมือลูบแขนด้วยความขยะแขยง
อย่างน้อยทำงานเป็นทาสรับใช้ของอนล ก็ยังดีกว่าต้องตกเป็นของชายมากหน้าหลายตา ถือว่าตนยังโชคดีอยู่มาก
แต่สิ่งที่จำขึ้นใจอย่างหนึ่ง...หากหล่อนรอดไปได้ จะต้องคิดบัญชีกับคนที่ขายตนให้คนอื่นอย่างแน่นอน
“คุกเข่าสิ คุกเข่าแล้วขอร้องฉัน” ดวงตากลมเบิกกว้าง จากที่เคยอ่อนกลับแข็งกร้าวทันที คิดจะก้าวเท้าเข้าไปหาเขาอย่างราชสีห์ โดยไม่รู้เลยว่าตนเองเหมือนกวางน้อยเป็นแค่เหยื่อที่จะถูกจับกินในอีกไม่ช้าเท่านั้น
“มันจะ...” ตะคอกเสียงดัง แต่พูดไม่ทันจบร่างหนาก็หันหลังเตรียมออกข้างนอก แล้วขังหล่อนเอาไว้ในห้องลำพัง
“ไม่ทำก็ได้ ฉันไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว”
“เดี๋ยว! ทำ ฉันจะทำ” ยืนกรานทันทีเมื่อเห็นว่าโอกาสกำลังจะหลุดลอย คว้ามือหนาเอาไว้จนเขาต้องปรายตามองเพื่อเป็นการบอกให้ปล่อย หล่อนจึงรีบผละออกแล้วเช็ดมือกับกางเกงทำราวกับรังเกียจสัมผัสทั้งที่เป็นคนยื่นไปจับเอง
เม้มปากแน่น ข่มศักดิ์ศรีเอาไว้แล้วย่อกายคุกเข่าตรงหน้าอนล ผินหน้าไปทางอื่นไม่อยากกระทั่งมองคนที่ยืนเหนือศีรษะ เพราะรู้ว่าเขาต้องมองด้วยความสมเพชเป็นแน่ มือเรียวกำเข้าหากันแน่น เกลียดการตกเป็นรอง แต่ตอนนี้เธอไม่อาจทำดั่งใจตัวเองได้
“พูดขอร้องด้วยสิ คุกเข่าอย่างเดียวฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไร” ตกอยู่ในความเงียบหลายนาที เขาจึงเลือกสั่งหญิงสาวพลางยกมือกอดอก มองภาพตรงหน้าแล้วคิดถึงครั้งอดีตที่ตนเป็นฝ่ายคุกเข่าต่อหน้าเด็กหญิงที่อายุน้อยกว่า ต้องพูดขอโทษทั้งที่ไม่เป็นคนผิด
เรื่องราวครั้งนั้นยังจำฝังใจมาถึงทุกวันนี้...พอได้เอาคืนจึงค่อนข้างสะใจ
“ฉันขอร้อง อย่าขายฉันให้คนอื่น...ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย หนี้ฉันก็ไม่ได้ก่อ ไอ้บ้านั่นมันก่อเองทั้งหมด แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนมารับกรรม ไม่ยุติธรรม แบบนี้มันไม่ยุติธรรมสักนิด” สูดลมหายใจลึกเข้าปอด เอ่ยเสียงรอดไรฟันในตอนต้น แต่รับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมที่ตนได้รับ
ร่างบางผุดลุกยืนเพื่อเผชิญหน้ากับเขา แม้จะตัวเล็กกว่าแต่ก็เชิดใบหน้า ทำเหมือนครั้งยังเป็นคุณหนูพระพายที่ทุกคนต้องตามใจ
เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง เรื่องที่เกิดทั้งหมดหล่อนไม่ได้ก่อสักอย่าง ถูกหลอกมาขายไม่พอ ยังโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจากคนที่เคยอยู่ใต้อาณัติของตน
ยิ่งน่าสมเพชมากกว่าเดิมอีก...
“รู้แล้วเหรอว่ามันไม่ยุติธรรม รู้แล้วใช่ไหมว่าการโดนทำโทษทั้งที่ไม่ได้ผิดมันรู้สึกยังไง” กดดวงตาต่ำเพื่อจ้องอณิรดา น้ำเสียงที่เอ่ยเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“ต่อจากนี้เธอต้องฟังคำสั่งจากฉัน ไม่ว่าฉันจะให้ทำอะไรเธอก็ต้องทำโดยไม่มีข้อแม้ และถ้าเธอกล้าขัดคำสั่งของฉัน เธอได้กลายเป็นอาหารให้ปลาฉลามกินแน่” จับแขนเรียวแล้วดึงคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาใกล้ สั่งเสียงเฉียบพร้อมเพิ่มแรงบีบจนใบหน้าหวานเหยเก หล่อนแสดงออกทางสีหน้าทันทีแล้วค่อยก้าวถอยหลังเมื่อเขาผลักเธอให้ห่างกาย
เจ้าของบ้านหมุนกายเดินออกไปข้างนอก จังหวะที่กำลังจะปิดประตูก็ได้ยินเสียงแหลมจากร่างบางกำลังก่นด่าตัวเอง
“ไอ้บ้า ไอ้คนเผด็จการ คิดว่าฉันจะฟัง..อึก” เสียงที่เปล่งหายเข้าไปในลำคอเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาอีกรอบ ยกมือขึ้นปิดปากแล้วมองคนตรงหน้านิ่ง
“วันนี้ได้ข่าวว่าเธอจะไปสัมภาษณ์งาน”
“ใช่! นายจะให้ฉันไปเหรอ” ดวงตาเป็นประกายทันที ความหวังเรืองรองคิดว่าตนจะได้รับการปล่อยตัว
“สัมภาษณ์ไปก็ไม่ผ่าน อยู่ที่นี่ชดใช้หนี้ที่แฟนของเธอก่อเอาไว้ดีกว่า” มุมปากหยักยกยิ้มแล้วปิดประตูเสียงดังใส่หน้าคนที่เผยอปากค้าง เหมือนเขามาเป่าลูกโป่งให้พองโตแล้วเป็นคนเจาะมันแตกเองในเวลาต่อมา
ถ้าจะขังไว้แล้วมาถามให้ความหวังทำไม!
ปัง
“มันเป็นคนก่อฉันไม่ได้ก่อด้วยสักหน่อย ทำไมฉันต้องมาชดใช้ด้วยล่ะ บ้า บ้าที่สุดเลย ฉันไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้ ฮือ ไม่ได้ติดหนี้ใครสักหน่อย ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไม ทำไม ทำไม!!” กรีดร้องโวยวายเสียงดังลั่นห้อง เธอเกลียดโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของตน
ทางที่เคยเดินราบเรียบกลับเต็มไปด้วยหนทางขรุขระ ก้าวพลาดเพียงครั้งเดียวเหมือนชีวิตจะจบลงทันที
น้ำตาไหลเปื้อนแก้มนวลทั้งสองข้าง แม้จะใช้มือเช็ดก็ไม่อาจหยุดยั้งมันได้ ความเสียใจ น้อยใจถาโถมจนหญิงสาวไม่อาจหยัดยืนต่อไปได้อีก ทรุดกายลงบนพื้นพลางปล่อยโฮเสียงดัง ไม่คิดว่าตนจะถูกคนที่ไว้ใจทรยศ
เพียงแค่คิดว่าต้องถูกขายลงเรือแล่นไปต่างประเทศ...เรี่ยวแรงที่มีก็อ่อนลงจนต้องสะบัดศีรษะตัวเองไล่ความคิดพวกนั้นออกไป
ดีแล้วที่เป็นอนล...ดีแล้ว
ร่างสูงเดินลงมาจากข้างบน บ้านหรูที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นติดริมหาดตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา สนามหญ้ากว้างตรงลานหน้าบ้าน ส่วนด้านหลังเป็นชายหาดที่ทอดยาวพร้อมรับคลื่นที่ซาดซัดเข้าฝั่ง
ความสวยงามและเงียบสงบทำให้เขาหลงใหล หากว่างจากงานก็มักเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ แต่คราวนี้มีเรื่องสำคัญมากกว่านั้น...
“ป้าปรุงครับ ผมฝากดูแลเธอหน่อยนะครับ น่าจะยังปรับอารมณ์ไม่ได้ อีกไม่นานคงแผลงฤทธิ์” แม่บ้านประจำเกาะที่เขาฝากบ้านให้ท่านดูแล นางรู้ทุกอย่างของเจ้านายและทำตามคำสั่งโดยไม่ถามถึงที่มาที่ไป
สำคัญคือเก็บความลับดีเยี่ยม...
“แล้วคุณเพลิงจะไปไหนคะ” เมื่อคืนเห็นเจ้านายอุ้มหญิงสาวหน้าตาดีเข้ามาในบ้าน หายขึ้นไปชั้นสองนานสองนาน คิดว่าคงเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย แต่เสียงดังที่เล็ดลอดลงมาข้างล่างเหมือนกำลังอยู่ในสงคราม เปลี่ยนให้ต้องคิดใหม่
“ผมจะไปดูฟาร์มมุก เห็นบอกมีปัญหาหอยมุกตายหลายตัว คงต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ผมฝากทางนี้ด้วยนะครับ” ความนอบน้อมและน้ำเสียงอ่อนโยนสร้างความเอ็นดูให้แก่นางยิ่งนัก เห็นอนลเหมือนลูกหลานคนหนึ่งไปแล้ว
เมื่อก่อนตนทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรม แต่ถูกกล่าวหาจากแขกว่าขโมยเงินจนโดนไล่ออก โชคดีได้อนลให้ความช่วยเหลือ ทั้งมอบงานพร้อมที่พักจนไม่คิดจะไปไหน อยากอยู่รับใช้ชายหนุ่มตลอดไปด้วยความภักดี
การมาเกาะของเขาครั้งนี้คือเรื่องงาน นอกจากธุรกิจสีเทาที่ตนดูแล ยังรวมถึงธุรกิจฟาร์มไข่มุกซึ่งเขาเพิ่งเริ่มได้ไม่กี่ปี อาจใช้เวลาในการฟูกฟักและต้องมีประสบการณ์พอสมควร เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่พักใหญ่กว่าจะเป็นรูปร่าง เริ่มส่งขายให้บริษัทจิวเวลรี่จนได้กำไรคุ้มทุนที่เสียไป
แต่เหมือนจะมีปัญหาอีกแล้ว จนเขาต้องนั่งรถมาดูเอง ว่าสาเหตุมาจากอะไรที่ทำให้หอยมุกเกือบครึ่งฟาร์มต้องตาย