บท
ตั้งค่า

๑ เกลียดแรกพบ (๒)

หวังว่าคงไม่ใช่การขัดแข้งขัดขาของผู้ที่ทำธุรกิจเครือเดียวกัน...ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจทนอยู่เฉยให้ตนโดนรังแกฝ่ายเดียว

“ได้ค่ะ” ค้อมศีรษะรับคำ ปล่อยเจ้านายเดินไปท้ายเกาะซึ่งเป็นสถานที่เลี้ยงหอยมุกจำนวนมากเกือบแสนตัว มีบ้านของพนักงานหลายหลังคาเรือน ทั้งยังเป็นคนในพื้นที่ช่วยดูแลอีกต่างหาก เพราะเขามอบเงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกเดือนไม่มีขาด

แม้จะไม่ออกเรือหาปลา ขอเพียงแค่ช่วยดูแลไข่มุกก็ไม่อดตายแล้ว

เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าบ้านก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากชั้นสอง รีบวิ่งขึ้นบันไดทันทีโดยไม่ทันมองว่าในบ้านมีใครอยู่บ้าง นอกจากป้าปรุงที่เป็นแม่บ้าน เขายังพาคนของตัวเองมาด้วยสองคนเพื่อให้เฝ้าอณิรดาเอาไว้

ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าหล่อนจะว่านอนสอนง่ายอยู่ในห้องเพียงอย่างเดียว แค่มองตาก็รู้ถึงความต้องการของหญิงสาวว่าอยากหนีไปจากที่นี่มากเพียงใด

ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมแจกันที่ลอยวืดผ่านหน้าเขา ตกแตกกระจายเต็มพื้น ไม่อยากคิดว่าหากหลบไม่ทันหัวของเขาคงมีเลือดออกแล้ว ค่อยกวาดสายตามองรอบห้องที่ต่างจากตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมอนและผ้าห่มไปคนละทิศทาง ข้าวของบนโต๊ะถูกกวาดมากองไว้บนพื้น

ร่างสูงกัดกรามแน่นแล้วมองหญิงสาวที่ส่งเสียงกรีดร้องไม่ยอมหยุด ใบหน้าหวานแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น จำได้ว่าก่อนเขาออกไปหล่อนไม่ได้อยู่ในสภาพนี้

มันเกิดอะไรขึ้น...

“กรี๊ด ปล่อยฉันออกไป ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ปล่อยฉัน ได้ยินไหมว่าปล่อย!” ขว้างโคมไฟที่ตั้งบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงลงบนพื้น ใช้มือปาดน้ำตาออกแล้วจ้องมองอนลอย่างเอาเรื่อง ประกายตาวาวแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง

“เป็นบ้าอะไรของเธอ!” ร่างหนาสาวเท้าเข้าหา คว้ามือบางมากอบกุมเอาไว้ทั้งสองข้าง เพื่อไม่ให้เธอก่อเรื่องมากกว่านี้

“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านเดียวนี้” ร้องเสียงดังพร้อมสั่งเขาให้ทำตามความต้องการ

“ฟังให้ดีนะพระพาย เธอมาที่นี่ในฐานะผู้หญิงขายตัว ไม่ใช่คุณหนูพระพายที่ฉันต้องตามใจทุกอย่าง เพราะฉะนั้นทำตัวให้สมกับสถานะด้วย ไม่ใช่แหกปากร้องเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน เพราะนอกจากเธอจะไม่ได้ตามที่หวัง ฉันจะลงโทษเธอจนจำไม่ลืมเลยล่ะ”

ไม่คิดว่าปล่อยหล่อนห่างตาไม่กี่ชั่วโมง คนตัวเล็กจะแผลงฤทธิ์จนห้องพัง หากมาไม่ทันหล่อนคงได้เผาบ้านทั้งหลังจนวอดวายไปหมดแล้ว

เชื่อว่าคนอย่างอณิรดาทำได้แน่นอน เธอไม่เคยเกรงกลัวใคร...ถึงแม้จะอยู่จุดต่ำสุดของชีวิต ต้องตกเป็นรองก็ตาม

“นายเลยให้คนของตัวเองมาข่มขืนฉันใช่ไหม ไอ้หน้าตัวเมีย ดีแต่รังแกผู้หญิง...วันนั้นคุณพ่อไม่น่าปล่อยนายไปเลย น่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สันดานโจรขโมย...กรี๊ด! ปล่อย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” น้ำสีใสคลอเบ้าขณะเอ่ยอย่างเจ็บแค้น

เธอคิดว่าเขาจะไม่ทำร้ายตน แต่ยามที่หลับกลับมีคนมากอดจากทางด้านหลัง หวังข่มขืนแต่โชคดีที่ใช้โคมไฟตีหัวมันจนแตกถึงได้ผละออกไป ไม่วายบอกหล่อนว่าทั้งหมดคือคำสั่งของอนล เพื่อจะกำราบให้เธออยู่ใต้อาณัติ

ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ...แต่นอกเหนือจากนั้นคือความผิดหวัง

เขาเกลียดเธอจนต้องให้คนอื่นมาข่มเหงเลยเหรอ...

ร่างสูงเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรเหตุใดหล่อนถึงโวยวาย แต่การถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยทำให้ตัดสินใจอุ้มหล่อนพาดบ่าแล้วเดินลงไปข้างล่าง เรื่องอื่นค่อยคิดบัญชี ที่สำคัญกว่าคือการให้บทเรียนคนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

หล่อนไม่รู้เรื่องในอดีตดีทั้งหมด แต่กลับปักใจเชื่อสิ่งที่ไม่มีแม้แต่มูลความจริง...

มือเล็กพยายามทุบแผ่นหลังเขา ทัศนียภาพการมองเห็นกลับหัวกลับหางไปหมด แต่ปากเธอก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี พ่นคำด่าเจ็บแสบโดยที่เขาทำได้แค่ทนฟัง ไม่โต้ตอบเพราะอดใจเอาไว้

“ตายแล้ว เกิดอะไร...” ป้าปรุงเดินเข้ามาในบ้านเพราะนำอาหารไปแจกจ่ายคนท้ายเกาะ ตกใจเมื่อเห็นสภาพของเจ้านายกับสาวน้อยหน้าสวย เสียงหวานแผดร้องดังไม่หยุดหย่อน

“ป้าคะช่วยด้วย ไอ้หมอนี่จะเอาหนูไปโยนทะเลค่ะ หนูจะตายแล้วช่วยหนูด้วย” รีบขอความช่วยเหลือทันที แต่ป้าปรุงก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท่านไม่อาจช่วยเหลืออะไรเธอได้ และไม่คิดว่าอนลจะทำดั่งที่หญิงสาวพูด

เขาเลือกยกมือตีบั้นท้ายงามเพื่อเป็นการเตือน จากนั้นค่อยหยิบเชือกยาวที่ม้วนเอาไว้เรียบร้อยอยู่ในลิ้นชักของห้องนั่งเล่นมาถือไว้

“คืนนี้ป้าไปนอนที่ท้ายเกาะก่อนนะครับ ผมจะสั่งสอนให้เด็กนี่จำ” ป้าปรุงไม่อาจถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดได้ ทำเพียงแค่มองตามคนทั้งสองที่เดินออกนอกบ้านไปยังชายหาด ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน

อนลเลือกเดินไปใต้สะพายคอนกรีตหนาที่ทอดยาวไปสู่ท่าเรือ ระดับน้ำไม่สูงมากนักแต่อีกไม่นานมันคงขึ้นสูงจนถึงฐานสะพาน อณิรดายังคงตะโกนโวยวายไม่ยอมลดละ ถึงเสียงจะแหบแห้งมากแค่ไหนหล่อนก็สู้ไม่หยุด

ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองถูกรังแก ภายนอกอาจดูไม่ค่อยสู้คน แต่หล่อนมักใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาคืนเสมอ แต่กับคนที่เห็นไส้เห็นพุงกันหมดอย่างอนล เธอไม่เคยแสดงละครต่อหน้าเขาได้สักที

“สั่งสอนบ้าบออะไร ไอ้คนถ่อย อย่างนายมันก็แค่กุ๊ยที่เผยออยากทำตัวเป็นราชา ไม่ว่าจะล้างคราบโคลนออกแค่ไหนกลิ่นมันก็ไม่หายไปหรอก จำเอาไว้เลยนะว่าต่อให้ฉันตกต่ำแค่ไหน เป็นแค่เศษฝุ่นดินก็ไม่มีวันยอมให้นายเหยียบย่ำ ได้ยินหรือเปล่า โอ๊ย! มันเจ็บนะไอ้บ้า ใครใช้ให้นายเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน”

หล่อนถูกปล่อยลงบนผืนทรายจนก้นกระแทก เจ็บจนจุกจึงไม่อาจลุกได้ทันที แต่เขาก็คว้าแขนเรียวพลางลากให้เธอตามมาที่ใต้สะพาน น้ำขึ้นถึงเอวจนรู้สึกเฉอะแฉะ มาเที่ยวทะเลแต่ละครั้งไม่เคยเลยที่จะเล่นน้ำกลางแดดเปรี้ยงช่วงบ่าย

แต่เขากำลังพาเธอมาที่ทะเลตอนบ่ายสองที่แดดอาจเผาไหม้ผิวสวยของเธอได้

“คิด คิดจะทำอะไร” ใบหน้าหวานเริ่มซีดเมื่อถูกจับหันหลังใส่เสาใต้สะพาน หล่อนคิดจะดิ้นหนีแต่โดนจับไว้แน่น ทั้งยังปิดการหนีด้วยเชือกที่มัดรอบตัว แล้วมาปิดท้ายที่มัดมือแน่นจนไม่อาจผละไปไหนได้ นอกจากยืนนิ่งให้น้ำโลมเลียร่างกาย

“เก่งมากไม่ใช่เหรอ กล้าเถียงฉันฉอดๆ คราวนี้ทำไมกลัวแล้วล่ะ หรือกลัวปลาฉลาดมันจะว่ายมางาบหัวเธอ ไม่ต้องห่วงหรอก...แถวนี้ไม่มีฉลาม แต่ถึงมีมันก็คงไม่กินเธอเพราะทนกลิ่นเน่าของเธอไม่ไหว” เขาจัดการมัดหล่อนเรียบร้อย ค่อยเดินมาประจันหน้าแล้วพูดจากวนประสาทอย่างที่ถนัด

“ฉันไม่กลัว ทำไมฉันต้องกลัวด้วย นายนั่นแหละที่ต้องกลัว ถ้าฉันออกไปจากเกาะบ้าๆ นี่ได้เมื่อไหร่ฉันจะแจ้งความให้ตำรวจมาจับนาย” ยังคงกัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้เหมือนเดิมทั้งที่อยากตอกหน้าอีกฝ่ายให้หงาย

อยู่ที่นี่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ชีวิตเธอหรรษากว่ายี่สิบสองปีที่ผ่านมา...

ถึงอยากร้องไห้แค่ไหนก็ต้องเม้มปากไว้ สั่งตัวเองห้ามไม่ให้น้ำตาไหลอีก เธอจะต้องเข้มแข็งต่อหน้าผู้ชายคนนี้ให้ได้

“เอาสิ ไปเลย อยากแจ้งก็แจ้งเลย...ถ้าเธอว่ายน้ำไปถึงฝั่งได้ก็เชิญ” เขาชี้ระยะทางให้ดู แต่เส้นสีครามกลับบรรจบลงที่ท้องฟ้า ไม่อาจเห็นฝั่งได้เลย เกรงว่าหล่อนคงว่ายน้ำได้แค่สิบนาทีแล้วก็ต้องจมสู่ท้องทะเล

แววตาขลาดกลัวของร่างบางทำให้เขาสะใจ ร่างสูงค่อยหันหลังแล้วเดินไปยืนริมหาด ได้ยินเสียงแหลมตะโกนขู่ซึ่งไม่น่ากลัวสักนิด

“นะ นายจะทิ้งฉันไว้ตรงนี้ไม่ได้นะ ถ้าน้ำขึ้นแล้วฉันจมน้ำตายล่ะ นายจะรับผิดชอบหนึ่งชีวิตที่ต้องจากโลกไปอย่างไม่สงบไหวเหรอ ถ้าเป็นผีฉันจะตามมาหลอกหลอนนายไม่ให้ได้หลับสักคืน” ส่ายศีรษะทันทีแล้วเดินขึ้นฝั่ง ห่างไกลจากหญิงสาวไปเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“ไอ้ขี้ขโมยกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่สำนึกบุญคุณที่พ่อแม่ฉันเลี้ยงครอบครัวนายมาหรือไง พ่อฉันอุตส่าห์ให้บ้านให้ที่พัก นายกล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ ไอ้คนอกตัญญู!” ไม่น่าเชื่อว่าพูดเพียงแค่นั้นร่างหนากลับย่างเท้าลงน้ำพร้อมใบหน้าถมึงทึงแทบจะฆ่าหล่อนให้ตายคามือ

“หุบปาก! ยิ่งพูดก็ยิ่งน่ารำคาญ ไม่แปลกใจเลยที่แฟนเธอจะเอาเธอมาขาย เพราะมันรำคาญเธอไง” พูดกระทบเพื่อให้หล่อนเสียใจ จนหญิงสาวกรีดร้องเพราะรับไม่ได้

“กรี๊ด ไม่จริง!” โต้กลับแต่เขาก็ไม่อยากเสวนาด้วย เลือกเดินหันหลังหนี เห็นอย่างนั้นอณิรดาที่ไม่ต้องการอยู่คนเดียวก็ใช้จุดอ่อนของเขามาพูด เพราะเริ่มจะจับทางได้ว่าอนลไม่ต้องการให้ตนกล่าวถึงเรื่องใดบ้าง

“ไอ้ขี้ขโมยกลับมาปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ได้ยินไหม ครอบครัวของนายจะต้องเสียใจที่นายทำแบบนี้กับฉัน น้าสิเขาดีกับฉันมาก ถ้าน้าสิรู้ว่านายทำเรื่องไม่ดีกับฉันเขาจะต้องด่านาย เขาจะต้องเสียใจ ฉันสั่งให้ปล่อย...อื้อ” แต่ไม่คิดว่าร่างสูงจะตรงเข้ามาประคองใบหน้าตนให้แหงนขึ้น พร้อมกับก้มลงมากัดปากเธอทันทีไม่มีปี่มีขลุ่ย ค่อยผละห่างโดยที่หญิงสาวยืนนิ่งอึ้ง

“ถ้าเรียกฉันว่าขี้ขโมยหรือพูดถึงครอบครัวฉันอีก มันจะไม่จบแค่ฉันกัดปากเธอ แต่ฉันจะถอดเสื้อผ้าเธอออกแล้วมัดไว้ตรงนี้...อยากลองไหมล่ะ” คำขู่นั้นได้ผลหรือเพราะเธอยังอึ้งกับการกระทำของชายหนุ่มเมื่อครู่จึงไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา

เห็นเธอเงียบจึงรีบผละห่างแล้วเข้าไปในบ้าน ปล่อยร่างแบบบางถูกมัดอยู่อย่างนั้น แล้วตะโกนด่าเขาไล่หลังอย่างเจ็บแค้น

“ไอ้บ้า!”

เพราะการด่าคือสิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่าง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel