๒ ขิงก็ราข่าก็แรง (๑)
๒
ขิงก็ราข่าก็แรง
บ้านที่เงียบสงบในช่วงบ่าย ปราศจากเสียงโวยวายของอณิรดาเพราะหล่อนถูกมัดไว้ด้านนอก กับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนของในห้องที่กระจัดกระจายก็ได้ป้าปรุงเก็บกวาดให้กลับเป็นระเบียบอีกครั้ง
ห้องนั่งเล่นที่อยู่โถงทางด้านซ้าย ผนังสีขาวถูกทับด้วยภาพที่เจ้าของบ้านเป็นคนถ่ายซะส่วนใหญ่ เหมือนเป็นงานอดิเรกของเขา ชอบบันทึกช่วงเวลานั้นเอาไว้เพื่อกลับมาย้อนมองอีกครั้งจะได้นึกถึง แต่ตอนนี้มันกลับไม่สำคัญเท่าชายฉกรรจ์ที่ยืนกุมมืออยู่ด้านหน้า
ร่างสูงนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟา ดวงตาคมจ้องนิ่งไปยังลูกน้องที่ยืนหน้าซีดปากสั่น ตอนแรกที่มีผู้ติดตามเขาไม่ชิน แต่เพราะธุรกิจที่ทำไม่ค่อยปลอดภัยจึงต้องมีคนคุ้มกันตลอดเวลา กระทั่งตัวเขาเองยังต้องเก่งเรื่องต่อสู้เผื่อวันไหนต้องช่วยเหลือตัวเอง
คนที่ถูกส่งมาอยู่กับเขาจะผ่านการเลือกสรรอย่างดี แต่สองคนที่มาใหม่กลับใช้เส้นสายเข้ามาทำงานอย่างสบาย ตอนแรกที่รับเอาไว้คิดว่าอยู่บนเกาะไม่นาน กลับไปถึงเมืองหลวงค่อยเปลี่ยนเป็นคนคุ้นเคย ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องซะก่อน
“กูเป็นคนสั่งให้มึงเข้าไปในห้องผู้หญิงคนนั้นเหรอ” กล่าวเสียงนิ่ง แววตาไม่ได้คาดคั้นแต่คนผิดกลับรู้สึกเสียวสันหลังจนไม่กล้าสบตา
“ปะ เปล่าครับ” ชุดที่ชายทั้งสองสวมเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางกับกางเกงแสลค แต่เพราะบรรยากาศกดดันจนเหงื่อซึมท่วมกาย เสียงที่เปล่งออกไปจึงค่อนข้างสั่นแล้วกุมมือไว้ที่หน้าขา
นายใหญ่ของพวกเขายังไม่น่ากลัวเท่าคนตรงหน้า ทุกคนต่างรู้ว่าอนลถูกนายท่านรับมาเลี้ยงดูจนขึ้นแท่นลูกชายสุดที่รักเพราะท่านไม่มีลูกไว้สืบทอดธุรกิจเลยสักคน
คุณทรงเดช วัฒนาดิลกกุล ผู้คร่ำวอดในธุรกิจสีเทาจนกลายเป็นอันดับต้นที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เส้นสายโยงใยใหญ่โต ท่านจึงแกร่งจนไม่อาจโค่นล้มได้ นอกจากบ่อนขนาดใหญ่ที่หลบหลีกสายตาตำรวจได้อย่างแนบเนียน คาสิโนที่ตั้งอยู่บนเขตของประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีเงินให้กู้นอกระบบ และการคิดเงินดอกก็โหดพอกัน
ธุรกิจสถานบันเทิงขยายสาขาไปทั่วประเทศ มีลูกน้องในปกครองนับร้อยคน น่าเสียดายไม่มีลูกชายหรือลูกสาวไว้สืบสกุลสักคน นอกจากอนลที่ถูกตาต้องใจในฝีมือจนได้เลื่อนเป็นลูกบุญธรรม ใช้นามสกุลเดียวกัน จนกลายเป็นเจ้านายอีกคน
ทุกคนต่างรู้จักเขาในนามอนล วัฒนาดิลกกุล
“แล้วมึงเข้าไปทำไม” มีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะถูกหยิบออกมาเช็ด คนมองลอบกลืนน้ำลายเพียงแค่คิดว่าตนอาจถูกตัดนิ้วหรือตัดลิ้น
พวกเขาดื่มเหล้าไปเยอะจึงเกิดคึกคะนองขึ้นไปหยอกล้อสาวสวยที่นอนบนห้อง ลืมคิดถึงผลที่จะตามมา ตอนแรกนึกว่าเจ้านายจะส่งหล่อนไปอยู่ตามสถานบันเทิงเพื่อบริการลูกค้าซะอีก พอเห็นอย่างนี้รู้แล้วว่าเธอสำคัญมากกว่านั้น
หรืออาจจะเป็นนายหญิงของวัฒนาดิลกกุลก็เป็นได้...เขาแหย่หนวดเสือเข้าให้แล้ว ตกที่นั่งลำบากกันทั้งสองคน
“ผมแค่เอาอาหารเข้าไปให้” กำมือแน่นระหว่างตอบ เหลือบมองดวงหน้าคมที่เรียบสนิท ไม่บ่งบอกอารมณ์ให้คาดเดาว่าคิดอย่างไร
แต่จากการเรียกมาคุย เขาคิดว่าอนลคงไม่ลงโทษสถานเบาหรอก รีบยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมตามหน้าผาก ภาวนาขอให้ตนถูกส่งไปสถานบันเทิงหรือบ่อนสักแห่งในประเทศไทย อย่าถูกลงโทษไปที่นั่นเลย...
“นั่นใช่หน้าที่ของมึงหรือเปล่า กูพามึงมาที่นี่เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของกู ถ้าไม่ใช่คำสั่งกูไม่ต้องเสนอหน้าทำ” ร่างสูงลุกจากโซฟา ค่อยเดินเข้าหาชายทั้งสองแล้ววางมีดลงบนลำคอแกร่ง ความเย็นจากโลหะเล่นเอาคนตัวหนาสะดุ้ง ไม่กล้ากระทั่งจะหายใจ
“ขอโทษครับ จากนี้ผมจะฟังคำสั่งของนายอย่างเคร่งครัด” คนที่ยืนอยู่ข้างกันรีบตอบเมื่อบรรยากาศเงียบจนน่ากลัว เกรงว่านิ้วพวกตนอาจจะหลุดหากพูดไม่เข้าหู
“ไม่ต้อง...กูให้คนมาแทนพวกมึงสองคนแล้ว” เก็บมีดลงทันทีแล้วเดินไปนั่งที่เดิม เขาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ไม่อยากทำร้ายคนไร้หนทางสู้ มองดูจากฝีมือการต่อสู้คงไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ตนชกหมัดเดียวอาจจะสลบด้วยซ้ำ
“แล้วพวกผม...”
“มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูจะให้มึงไปทำงานที่พวกมึงชอบ ได้ข่าวว่าช่วงนี้คุณทันไม่ค่อยมีคู่ซ้อมมวย หลายคนเข้าโรงพยาบาลเพราะทนมือทนตีนเขาไม่ไหว พวกมึงลองไปช่วยงานเขาหน่อยสิ” มุมปากหยักแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว คนฟังเข่าแทบทรุด รีบคลานเข้าไปหาเจ้านายพลางเอ่ยอ้อนวอน
ทราบดีว่าคนที่ถูกกล่าวถึงโหดร้ายมากแค่ไหน ธนาธร วัฒนาดิลกกุล น้องชายเพียงคนเดียวของคุณทรงเดช ไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ละวันคิดเพียงเรื่องต่อยตี และคลอเคลียชาตรีหาความสำราญให้ตัวเอง
ใช่แล้ว...เจ้านายผู้นั้นชอบผู้ชาย
หลายต่อหลายคนที่ถูกส่งไปต้องบำเรอสวาทแม้จะไม่ยินยอม แต่หากอีกฝ่ายต้องการก็จำต้องทำโดยไม่มีข้อแม้ หากถูกใจก็จะเรียกใช้บ่อย ทว่าไม่เคยมีใครอยู่ทนสักราย...
“ไม่ ไม่นะครับนาย” ทั้งสองรีบจับขาของเจ้านายเอาไว้ เพียงคิดว่าต้องขึ้นเป็นคู่ซ้อมที่ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งเป็นเป้าก็รีบส่ายศีรษะ แล้วถ้าถูกจับไปบริการทางเพศล่ะ
ไม่น่าหาเหาใส่หัวไปยุ่งกับผู้หญิงของอนลเลย การส่งพวกตนไปอยู่กับธนาธรเลวร้ายยิ่งกว่าตัดนิ้วมือซะอีก
“ใครอยู่ข้างนอก มาพาพวกมันออกไปให้พ้นหน้ากูที” ตะโกนเรียกคนงานที่ยืนคอยท่า ชายร่างใหญ่สามคนจึงเข้ามาลากคนทั้งสองออกไปทันที ไม่มีการปราณีสำหรับบุคคลที่กล้าขัดคำสั่งของเจ้านาย ทั้งยังปากแข็งไม่ยอมรับความผิดอีก
ให้ธนาธรสั่งสอนก็ถือเป็นเรื่องไม่เลว...
โชคดีที่น้องชายของคุณทรงเดชไม่ได้อยากบริหารกิจการของพี่ชาย เพียงแค่รอรับเงินเพื่อใช้อย่างสุขสบายพร้อมกับบุรุษที่อยู่ข้างกายตลอดเวลา เขาจึงไม่ต้องรับมือทั้งจากศึกนอกและศึกใน มุ่งลุยทำงานอย่างเดียว
แต่คิดว่าอีกไม่นานอยากจะฟอกกิจการพวกนี้ให้เป็นสีขาว แต่มันคงยากเมื่อกฎหมายไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร
“นายครับ ให้พวกเราได้อยู่กับนายต่อเถอะนะ นายครับ!” เสียงอ้อนวอนยังดังเข้ามาในบ้านแม้คนจะถูกลากออกไป ดวงตาคมเรียบเฉย ก่อนลุกจากโซฟาพลางบิดกายไล่ความขี้เกียจ ตื่นแต่เช้าเพื่อดำน้ำดูหอยมุกที่ตายเป็นเบือ
ช่วยกันหาสาเหตุแต่ยังไม่พบว่าเกิดจากอะไร คัดแยกหอยที่ตายออกมากว่าจะเสร็จก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด ยังต้องถูกอณิรดาเล่นงานจนไม่ได้พักผ่อน เขาหาวออกมาแล้วเดินขึ้นบนห้อง ต้องการเวลาพักผ่อนก่อนจะต้องสู้รบกับหล่อนอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดวงตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้าค่อยหรี่แสงลง ร่างหนาจึงเดินลงจากบนบ้าน เขาสวมเสื้อยืดกับกางเกงขายาว ปล่อยผมพลิ้วตามลมไม่ได้เซ็ทให้เป็นทรง ได้กลิ่นอาหารท้องก็เริ่มร้องประท้วงซะแล้ว
“เอ่อ คุณเพลิงคะ ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว...” ป้าปรุงรีบเดินออกจากห้องครัว เอ่ยย้ำถึงเรื่องสำคัญเพราะตนไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม เกรงจะโดนอีกฝ่ายหาว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง แต่เพราะสงสารหญิงสาวที่ถูกมัดติดกับเสา ไม่ได้กินข้าวกินน้ำตั้งแต่เที่ยง
ตอนนี้คงหิวแย่...
“ครับ ป้าปรุงตั้งโต๊ะได้เลย ผมเริ่มจะหิวแล้วสิ” ตอบโดยไม่ทันคิด กำลังจะก้าวเท้าเข้าห้องอาหารแต่แม่บ้านก็ต้องย้ำจนเขาเลือกเปลี่ยนเส้นทาง
“น้ำขึ้นแล้วนะคะ”
“อ้อ งั้นฝากป้าทำอาหารไว้รอหน่อยนะ ผมจะไปดูว่าปลากินเหยื่อจนพรุนหรือยัง” แสยะยิ้มทันทีเมื่อคิดว่าอณิรดาน่าจะหมดแรงจนไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ ฤทธิ์ที่มีตลอดช่วงเช้าคงหมดไป เหลือเพียงคำขอร้องอ้อนวอนโดยมีน้ำใสคลอเบ้า
แค่คิดก็นึกสนุกจนต้องเร่งฝีเท้าไปทางชายหาด แต่สิ่งที่เขาคิดมันไม่ใกล้ความจริง แค่ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นของร่างแบบบาง ทั้งยังก่นด่าเขาไม่หยุดปาก แม้ว่าน้ำจะสูงชิดปลายคางของหล่อนก็ตาม
“ฮือ ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะนายเพลิง ฉันบอกให้ปล่อยไงไอ้บ้า” หล่อนยังไม่หันมองคนมาใหม่ แต่ด่าเพื่อระบายความคับแค้นใจที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ผู้เดียว
“อย่าให้ฉันรอดจากไอ้เกาะสับปะรังเคนี้ไปได้นะ สาบานเลยว่าฉันจะตามตำรวจมาจับนายเข้าคุก ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย สาสมกับสิ่งที่นายทำกับฉันแล้ว ได้ยินไหม ฉันบอกให้ปล่อยไงล่ะ ฮึก” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลเป็นสาย เธอจะยกมือขึ้นเช็ดก็ไม่ได้ ทำเพียงแค่ตะโกนด่าเสียงขาดห้วงเพราะสะอื้น
หญิงสาวที่เพิ่งเรียนจบกลับเจอมรสุมชีวิตไม่คาดฝัน บ้านหลังใหญ่ถูกยึด ต้องระเห็จมาเช่าห้องพักราคาถูก ขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้ ออกหางานที่เงินเดือนขั้นต่ำยังไม่พอจะจ่ายดอกเบี้ย ยังถูกแฟนหลอกมาขายตัวอีก
หล่อนร้องไห้ให้กับชะตาชีวิตที่แสนอดสูของตนเอง...
“จะร้องไห้หรือจะด่าก็เลือกเอาสักทาง” ตะโกนเสียงดังจนเธอหันขวับไปมอง เห็นเขาเดินมาใกล้แต่กลับหยุดยืนที่ชายฝั่ง คลื่นยังสาดซัดไม่ถึงเท้าหนา ลำตัวสะอาดสะอ้านช่างต่างจากเธอที่เปียกไปทั้งร่าง เหลือเพียงศีรษะที่ยังรอด ทว่าอีกไม่นานหากเขาไม่ยอมปล่อยคงจมดิ่งใต้ท้องทะเล หมดสิทธิ์หนีเพราะถูกมัดไว้แน่นหนา
“นาย! แก้เชือกที่มัดเดี๋ยวนี้!” ตะโกนเสียงดังแล้วสั่งเสียงเข้ม แต่เขากลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน
“น้ำจะท่วมมิดหัวอยู่แล้วปากยังดีอีก ฉันล่ะนับถือจริงๆ ที่เธอมีชีวิตอยู่รอดจนเรียนจบไม่โดนคนดักทำร้ายซะก่อน” หล่อนไม่เห็นว่ามันเป็นคำชม จึงเชิดใบหน้าขึ้นแล้วเอ่ยอย่างถือดี
“ยินดีด้วยที่นายเห็นด้านนี้ของฉันแค่คนเดียว เพราะคนเลวอย่างนายไม่เหมาะกับการพูดดีด้วยหรอก ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อยไงล่ะยืนบื้ออยู่ได้” ดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากเชือก แม้รู้ว่าไม่มีทางหลุดเพราะพยายามแกะมาตลอดหลายชั่วโมง
แต่สุดท้ายก็ยังยืนอยู่ที่เดิม...ทำได้เพียงด่าเขาเพื่อคลายความเครียดบ้าง
“ฉันอายุห่างจากเธอหกปี ช่วยเรียกฉันอย่างเคารพ..” เน้นย้ำกับหล่อนอย่างไม่ชอบใจที่ถูกเรียกเหมือนตนเป็นเพื่อนเล่น
“เคารพ เคารพเหรอ ฮ่าๆๆๆ ฉันเคยเคารพนายด้วยหรือไง ฟังนะ นายมันก็แค่ลูกคนใช้ในบ้านฉัน ไม่เห็นมีอะไรน่าเคารพสักนิด และฉันไม่มีทางเรียกนายว่าพี่ เอาไว้ชาติหน้าตอนบ่ายก่อนแล้วกัน ถ้าตอนนั้นอารมณ์ดีฉันจะยอมเรียก” ไม่รู้ว่าเขาจะอดใจได้อีกนานแค่ไหนกับท่าทียียวนของคนตรงหน้า
เงินสองล้านแลกกับอณิรดาไม่คุ้มสักนิด...
หากไม่ใช่เพราะต้องการทรมานหล่อน ให้สาสมกับสิ่งที่หญิงสาวเคยทำกับตนครั้งอดีต คงไม่ยอมขาดทุนขนาดนี้หรอก