บท
ตั้งค่า

๒ ขิงก็ราข่าก็แรง (๒)

“เมื่อก่อนเธอน่ารักกว่านี้ ฉันไม่เข้าใจว่าผีอะไรเข้าสิงให้เธอเปลี่ยนไป” ยังจำตอนที่หล่อนเรียกเขาว่าพี่เพลิงได้อยู่เลย แต่ต่อมากลับเปลี่ยนนิสัยราวกับเป็นคนละคน

ร่างบางไม่ได้โต้ตอบ เลือกจะนิ่งไปเมื่อฟังคำถามจบ เธอย้อนคิดถึงวันที่ลูกชายของน้าสิเข้ามาอยู่ร่วมชายคา อีกฝ่ายเรียนชั้นมัธยมปลายใกล้จะเข้าระดับอุดมศึกษา พี่ชายผู้หล่อเหลาทำให้ใครหลายคนตกหลุมรัก เขาปฏิบัติกับเธออย่างดีและห่างเหิน...

“ผีขี้อิจฉามั้ง” พึมพำเสียงเบา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินเพราะอยู่ไกล

“ว่าไงนะ”

“ไม่มีอะไร รีบแก้มัดฉันเร็วสิ น้ำจะมิดหัวฉันอยู่แล้วไม่เห็นหรือไง ไม่รู้ดื่มน้ำทะเลไปเท่าไหร่ แหวะ เค็มชะมัด เข้ามาแก้มัดสิ!” ตะโกนโหวกเหวกเสียงดังจนคนฟังเริ่มรำคาญ แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะเดินลุยน้ำเข้ามาหาเธอสักที จนหญิงสาวหงุดหงิดมากกว่าเดิม

“เผื่อเธอลืมว่าตอนนี้เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกขายใช้หนี้ ไม่ใช่เจ้านายที่จะสั่งหรือพูดจาหยาบคายกับฉันได้” ย้ำเตือนความจริงถึงสถานะที่ต่างระหว่างเรา ซึ่งหล่อนรีบโต้กลับทันควัน

“นายก็เลยให้คนมาข่มขืนฉัน! ไอ้ทุเรศ” เพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าก็นึกเกลียดคนตรงหน้ามากกว่าเดิม ไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกกับหล่อน แต่อีกใจก็ยังค้านไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนสั่งจริง

หล่อนรู้ดีว่าอนลไม่ใช่คนที่จะเล่นงานผู้อื่นลับหลัง...

“ฉันไม่ได้สั่ง มันทำของมันเอง...” ก้าวเข้ามาหาหล่อนพร้อมแก้ไขข้อข้องใจ ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดว่าตนเป็นผู้สั่งลูกน้องให้ทำเรื่องเลวทรามอย่างนั้น แต่อณิรดาก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ เลือกจะถามย้ำอีกครั้งระหว่างที่ร่างสูงเดินลงน้ำจนถึงครึ่งแข้ง

“จริงเหรอ”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ” แล้วเขาก็เลือกจะเดินหนีทั้งที่ตั้งท่าจะว่ายเข้ามาแก้มัด เล่นเอาหญิงสาวต้องตะโกนเรียกระคนตกใจ

“นั่นนายจะไปไหน! มาแก้มัดฉันก่อนสิ ไม่เห็นเหรอว่าน้ำจะมิดหัวฉันอยู่แล้ว” โวยวายเสียงดัง รู้สึกว่ามาที่เกาะหล่อนตะโกนบ่อยมากจนเริ่มเจ็บคอ สงสัยต้องลดเสียงลงหน่อยแล้วล่ะ อยู่ใกล้เขาทีไรอดใจไม่ไหวเผลอด่าด้วยความเคยชินทุกที

ต้องเปลี่ยนนิสัย...

“พูดเพราะๆ ให้ฟังแล้วฉันจะยอมปล่อย” ยอมยืนนิ่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน สายตามองคนที่ทำหน้านิ่วพลางเชิดปลายคางแล้วเหลียวมองทางอื่น

“งั้นให้ฉันตายอยู่ตรงนี้เถอะ กระดากปากถ้าต้องพูดเพราะกับคนอย่างนาน” ไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้ เธอคงไม่ยอมทำในสิ่งที่เขาต้องการ อนลจึงเลือกจะเดินกลับขึ้นฝั่งอีกรอบ เล่นเอาคนที่ถูกมัดอยู่กลางน้ำต้องรีบเรียกอีกครั้ง รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

“ตามใจ”

“เดี๋ยว...เพลิง พะ เพลิง ช่วยปล่อยฉันหน่อย” กลั้นใจเอ่ย แต่ไม่ได้ฟังไพเราะสักนิด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วยืนเท้าสะเอวอยู่ริมหาด ไม่แน่ใจว่าหล่อนยอมทำตามคำสั่งของตนหรือยัง เท่าที่ฟังไม่เห็นถึงความเพราะของรูปประโยคและน้ำเสียงสักนิด

“นั่นเพราะแล้วเหรอ” ถึงกับเลิกคิ้วถาม

“พูดได้แค่นี้แหละ ถ้างั้นก็ปล่อยฉันตายให้เรื่องมันจบไปเถอะ” สะบัดหน้าไปทางอื่น เป็นการบอกกรายๆ ว่าหากยังบังคับอีก เธอก็ยอมจะจมน้ำตายตรงนี้แหละ สิ่งที่อนลทำได้คือการถอนหายใจหนัก ดูเหมือนเราคงต้องอยู่บนเกาะกันอย่างศัตรูดั่งเดิม เพราะหล่อนไม่มีท่าทีจะยอมลงให้เขาเลย

เชิดหน้าชูคอเหมือนครั้งยังเป็นคุณหนูพระพายที่มีแต่คนคอยตามใจ เห็นแล้วก็หงุดหงิดซะเหลือเกิน

ร่างหนาว่ายน้ำเข้าไปหาหล่อน ช่วยปลดเชือกที่พันธนาการคนตัวเล็กเอาไว้ พลางเอ่ยขู่จนคนที่คิดหนีเริ่มกลัว เพราะประสบการณ์บนเกาะไม่ดีเท่าไหร่

“หึ ฉันยอมเพราะสงสารป้าปรุงต้องออกมาดูแลเธอหรอกนะ แล้วถ้าวิ่งหนีอีกฉันไม่รับประกันว่าคนงานที่อยู่ท้ายเกาะมันจะจับเธอไปทำเมียหรือเปล่า ยิ่งเปลี่ยวด้วยสิ” เมื่อพันธนาการที่มัดหลุดออกไป หญิงสาวกลับเป็นอิสระอีกครั้ง เธอไม่รอช้าจะฟาดมือลงบนใบหน้าคมโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาหน้าหันพร้อมกับเสียงวิ้งข้างหู

เพี๊ยะ

“ไอ้ทุเรศ!” ตะโกนด่าชายหนุ่มอยู่ในน้ำ สองสายตาสบกันนิ่งไม่มีใครยอมหลบ ร่างสูงอึ้งไม่คิดว่าตนจะถูกตบ เขากำลังประมวลบางอย่างอยู่ในหัว ว่าควรลงโทษกับคนพยศอย่างไรจึงจะเหมาะสม

“เธอตบฉันเหรอ” ถามเสียงเรียบ แววตาดำดิ่งยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่อณิรดาอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวเกินกว่าจะสนใจผลที่ตามมา ซึ่งอาจร้ายแรงเกินจะรับไหว เธอยังได้ใจกับชัยชนะเพียงชั่วครู่ของตัวเอง

เพี๊ยะ

ตบเขาอีกครั้งโดยที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดเหมือนเดิม แก้มสากสองข้างขึ้นรอยแดงเป็นนิ้วเรียวทั้งห้า ชาไปทั้งตัวทำได้เพียงจ้องร่างแบบบาง กัดฟันกรอดข่มอารมณ์จนใบหน้าคมขึ้นสันกรามชัดเจน มุมปากหยักแสยะยิ้มราวปีศาจที่พร้อมจู่โจมเหยื่อ

“ใช่ ฉันตบนาย มีปัญหาหรือไง คิดว่าอยู่ที่นี่ฉันจะยอมให้นายโขกสับเหรอ เสียใจด้วยนะ คนอย่างพระพายไม่ยอมตกอยู่ในกำมือของใครง่ายๆ หรอก นายต่างหากที่ต้องทำตามคำสั่งของฉัน” ก้าวเข้ามาใกล้จนระยะห่างระหว่างเราถูกย่นลง ความสูงที่ต่างจนหล่อนต้องยืดปลายเท้าที่แตะทรายขึ้นเล็กน้อย พยายามหยัดยืนไม่ให้พัดไปตามกระแสน้ำ

แววตาของหล่อนหยิ่งทระนงจนเขาอยากเป็นคนทำให้มันอ่อนแสงลง เกลียดผู้หญิงตรงหน้าจนอยากกำราบให้สิ้นฤทธิ์

“เธอกล้ามากนะที่ทำแบบนี้กับฉัน” เสียงเข้มเอ่ยลอดไรฟัน วินาทีนั้นเองที่เขาอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินกลับเข้าฝั่ง สิ่งที่หล่อนทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือกรีดร้องด้วยความตกใจ พยายามใช้มือทุบแผ่นหลังแกร่งแต่เขาก็ไม่สะท้าน

แต่กลับฟาดลงที่ก้นของเธออย่างแรงเหมือนเป็นการเตือนให้เชื่อฟัง ทว่าคนโดนเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด จึงเปล่งเสียงผรุสวาทพร้อมทุบหลังเขารัวๆ

“กรี๊ด เจ็บนะไอ้บ้า!” เดินจากหาดเข้ามาในบ้าน เสื้อผ้าที่เปียกน้ำหยดเป็นทางตามพื้น ป้าปรุงที่คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปขัด ทำเพียงมองตามด้วยความเป็นห่วง เสียงมือหนาฟาดบั้นท้ายงามไม่เบาเลยสักนิด

เปิดประตูเข้าห้องนอนแขกที่ให้อณิรดาพัก ข้าวของที่เคยกระจัดกระจายถูกจัดเป็นระเบียบด้วยฝีมือของป้าปรุง แต่หล่อนไม่ได้สนใจเท่ากับสิ่งที่เขาจะทำ ร่างสูงเลือกทิ้งหล่อนลงบนเตียงไม่มีความอ่อนโยน

เตียงที่เคยสะอาดกลับเปียกเพราะชุดที่ชุ่มไปด้วยน้ำของพวกเขา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ เลือกจะขึ้นคร่อมทับเธอทันที

“จะ จะทำอะไร อย่าคิดทำบ้าๆ กับฉันนะ” ถามเสียงสั่น เริ่มกลัวกับใบหน้านิ่งแต่แววตาคุกรุ่น คิดว่าตนเองพลาดเสียแล้วไปแหย่เสือที่กำลังหลับ

“กลัวเหรอ คนอย่างเธอกลัวเป็นด้วยหรือไง” กดข้อมือเล็กที่เขาตรึงไว้เหนือศีรษะมน จ้องดวงหน้าหวานแล้วแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว เธอเห็นก็เกลียดจนอดไม่ได้จะพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริง เพื่อไม่ให้เขาดูถูก

“ฉันไม่ได้กลัว แต่ขยะแขยงคนชั่วแบบนายต่างหาก ถ้าต้องตกเป็นเมียนายขอกัดลิ้นตายดีกว่า” เชิดหน้าแล้วบอกเขาตาแข็ง ไม่ยอมแพ้ทั้งยังพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากกรงขังที่ไม่ใช่รั้วเหล็ก แต่เป็นแรงของชายหนุ่มซึ่งมีมากจนไม่อาจดิ้นหลุด

“งั้นเธอคงได้กัดลิ้นตายแล้วล่ะ” พูดจบก็โน้มใบหน้าลงมาเพื่อสัมผัสริมฝีปากเย็นเฉียบทันที เขาตัดสินใจสั่งสอนเธอด้วยวิธีที่ตนเองไม่เคยคิดจะทำ และก่นด่าชายที่ใช้กำลังข่มเหงผู้หญิง แต่วันนี้กลับทำซะเอง

จุมพิตมีเพียงความป่าเถื่อน ไร้อารมณ์เสน่หาจนคนที่โหยหามันมาตลอดพยายามเบี่ยงหน้าหลบ แต่เพราะถูกมือสากล็อคใบหน้าเอาไว้แน่นจึงไม่อาจหลีกหนีได้ มือเล็กทุบที่แผงอกกว้างเป็นการประท้วง แต่ยิ่งทุบแรงเท่าไหร่ก็เหมือนหล่อนจะเจ็บไปด้วย

เขากัดริมฝีปากบางจนได้กลิ่นคาวเลือด โกรธที่โดนดูถูกไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนอณิรดาก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัย เมื่อก่อนอาจยอมให้เธอโขกสับเพราะตัวเองเป็นเพียงแค่คนรับใช้ในบ้าน แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ไม่อาจยอมเป็นเบี้ยล่างให้หล่อนตลอดไป สิ่งที่ทำจึงเลือกกดร่างแบบบางลงบนเตียงกว้าง เสียเงินซื้อมาในราคาแพง ก็ควรใช้ให้คุ้มสักหน่อย ไม่ใช่จับมาตั้งโชว์เป็นเพียงตุ๊กตาหุ่นยนต์

“ปล่อยฉันนะไอ้ทุเรศ นายมันหน้าตัวเมียดีแต่รังแกข่มเหงผู้หญิง ถ้ารอดไปเมื่อไหร่ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายเข้าคุกข้อหาข่มขืน” เพียงแค่เขาผละออก หล่อนก็ผรุสวาทไม่ยอมจำนนต่อร่างสูงที่คร่อมทับบนกาย สองแขนเรียวถูกจับไว้ด้วยมือข้างเดียวของเขา ชูเหนือศีรษะเพื่อไม่ให้ทำร้ายตนได้

ดวงตากลมวาววับยามจ้องมองคนที่กำลังข่มเหงตัวเอง ดิ้นให้หลุดอย่างไรก็ไม่พ้นสักทีจนหอบหายใจเหนื่อย กลิ่นเลือดคาวคลุ้งทั่วโพรงจมูก ขาสองข้างถูกกดทับเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นคงถีบชายชั่วให้ลงไปนอนบนพื้น

“ก่อนจะแจ้งตำรวจ คิดให้ได้ก่อนว่าจะออกจากเกาะนี้ยังไง” ยิ้มเยาะยามเห็นหล่อนหมดซึ่งหนทางจะหนี ไม่ว่าจะผ่านมานานปีกี่ปากจิ้มลิ้มคู่นี้ก็ยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วน่ารำคาญเช่นเดิม

“ปล่อย ปล่อยสิไอ้บ้า ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกให้ปล่อย! ฉันไม่อยากเป็นเมียคนสกปรกอย่างนาย ไม่รู้ผ่านผู้หญิงมากี่คนมีแต่เชื้อโรค ปล่อย ปล่อยฉัน!” ดิ้นไปมาถึงตัวแทบจะไม่กระดิก เธอใช้ปากเป็นอาวุธหวังหลุดพ้นแต่เหมือนยิ่งราดน้ำมันเข้าไปในเชื้อเพลิง นอกจากจะไม่หลุดยังเพิ่มความโกรธของคนตรงหน้าให้มากกว่าเดิม

เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอ แสยะยิ้มมุมปากราวกับซาตานที่ผุดมาจากนรก ปล่อยมือเล็กสองข้างให้เป็นอิสระ แล้วฉีกเสื้อของเธอออกไม่สนใจว่ามันจะขาดวิ่น

“หึ คำก็สกปรก สองคำก็เชื้อโรค...ฉันจะทำให้เธอรู้เองว่ามีผัวแบบฉันมันเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ยังไง” จบคำก็เอื้อมมือไปปลดตะขอชั้นในที่อยู่ด้านหลังในเวลาไม่ถึงสามวินาที ขว้างมันพ้นกายสาวที่ขาวผ่องซึ่งปรากฏตรงหน้า

อณิรดารู้แล้วว่าตนไม่น่าจะรอดจากเงื้อมมือของเขา รีบยกแขนขึ้นมาปิดบังร่างกายเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ยากเสียเหลือเกินเมื่อเขาจับมือหล่อนออกแล้วก้มลงครอบครองดอกบัวงามสองคู่ ไล่เลียความนุ่มหยุ่นแล้วกัดปลายถันที่ชูชันจนเจ้าตัวร้องเสียงหลง

“โอ๊ย! มันเจ็บนะไอ้บ้า” ยังมีแรงตะโกนเสียงดัง แต่เขาไม่ได้ฟังกลับยิ่งซุกหน้าแล้วถูไถตอหนวดไปตามทรวงอกสาวจนเป็นรอยแดง ขบเม้มด้วยริมฝีปากเพื่อสร้างรอยให้เด่นชัด ทำตามใจตัวเองไม่สนว่าหล่อนจะร้องประท้วงดังแค่ไหน

มือหนาผละจากการตรึงแขนเรียวเพื่อมาบีบเคล้นเนินเนื้อตรงหน้า บีบพร้อมกันทั้งสองข้างแล้วค่อยเลื่อนมือลงมาแตะต้องของสงวนที่แสนหอมหวาน ล้วงเข้าไปในกางเกงเพื่อพบกับสิ่งซ่อนเร้นที่ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเส้นเรียงราย

“อย่า อ่า..อ่ะ หยะ อย่า” จากเสียงที่เคยด่าทอกลายเป็นครวญครางแผ่วเบา ของสงวนที่ไม่เคยมีใครได้แตะต้องตอนนี้กลับถูกรุกรานด้วยนิ้วเรียวยาว สอดเข้าไปสองนิ้วแล้วเพิ่มเป็นสาม ความรู้สึกที่ได้รับไม่เคยพานพบเลยสักครั้ง

เขาแหวกมันออกพร้อมรัวนิ้วจนเผลอแอ่นสะโพกรับอย่างคนอ่อนหัด คุณหนูที่ภายนอกด่าทอคนอื่นสนุกปาก กลับยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ...หรือบางทีหล่อนอาจแสดงได้แนบเนียนเกินไป

อาการดิ้นรนขัดขืนในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นการขยับตัวดิ้นเล็กน้อยอย่างเสียวกระสัน น้ำสีขุ่นไหลเต็มมือเขาจนอนลเลือกผละออกห่าง ถอดกางเกงของเธอออกตอนที่เผลอ จนร่างกายแบบบางเปลือยเปล่าใต้แสงที่ส่องสว่างเข้ามาในห้อง

เธอกำลังได้สติกำลังจะคิดหนี แต่ก็ถูกคว้าเอาไว้เช่นเดิม เขาไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยหล่อนเป็นอิสระ ไม่มีเวลาจะถอดกางเกงด้วยซ้ำจึงทำเพียงแค่ปลดกระดุมแล้วรูดซิปลง เลื่อนกางเกงกองไว้ที่หน้าขา ความเป็นชายชูผงาดเพียงไม่กี่วินาที

ก่อนมันจะเข้าไปในความนุ่มหยุ่นที่ช่องทางถูกเปิดเอาไว้แล้ว ความคับแคบอาจทำให้เข้าไปยากสักหน่อย “มันเจ็บ! ฉันเจ็บนะไอ้บ้า เอาออกไป” โวยวายอีกครั้งแต่มือกลับโอบรอบลำคอหนา เขาเห็นอย่างนั้นยิ่งได้ใจ

“ออกไม่ทันแล้ว มีแต่เข้าไม่ยั้ง...เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน” สิ้นคำพูดเขาก็เข้าไปจนสุดทาง จากนั้นจึงเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว เข้าออกจนร่างเพรียวสั่นคลอน เสียงกระทบกันของเนื้อดังเข้าโสตประสาท เธอรับรู้ว่ากำลังตกเป็นของเขา แต่ไม่อาจห้ามปรามได้เพราะความรู้สึกที่ดำดิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ทั้งที่ควรห้าม...แต่กลับเผลอไผลอย่างน่าอดสู

มือหนาเลื่อนมากำทรวงอกนุ่มที่กระเพื่อมล่อตาล่อใจ เขากำทั้งสองข้างจนมันเป็นรอย ทำทุกอย่างเพื่อความสะใจไร้ซึ่งความอ่อนโยน เพราะเธอคือคนที่เขาเกลียด

ไม่จำเป็นต้องทะนุถนอมมากนัก

ยิ่งเห็นหล่อนร้องครางใต้ร่างเสียงโหยหวนก็เพิ่มความเร็วมากกว่าเดิม แหวกขาเรียวให้ออกห่าง สอดเข้าไปลึกจนเธอร้องเสียงหลง

บดขยี้อยู่อย่างนั้นเป็นสองนานจนใกล้ถึงฝั่งฝัน ความเฉอะแฉะและคนบนร่างหยุดการเคลื่อนไหวบ่งบอกให้หล่อนรู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เธอเองก็นิ่งงันพร้อมหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยจากการร้องครวญครางและขยับตัวไม่ได้หยุด

“ฉันเกลียดนาย” ดวงตากลมวาวพราวไปด้วยหยาดน้ำสีใส ความเป็นชายยังแช่ค้างอยู่ในกายสาวไม่ยอมผละห่าง พอได้ยินอย่างนั้นก็แสยะยิ้มทันที แล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้หล่อน เลื่อนไปกระซิบข้างหูเพื่อให้ได้ยินกันสองคน

“แต่คนที่เธอเกลียด ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวของเธอ...” ถอนกายออกทันทีแล้วลุกปลดกางเกงให้พ้นจากตัว ค่อยขึ้นคร่อมทับหญิงสาวอีกรอบ เขาไม่ยอมหยุดแค่รอบเดียวเมื่อเครื่องสตาร์ทติด ร่างกายเย้ายวนตรงหน้าหอมหวานเกินจะปล่อยไปได้

หรือหยุดเพียงแค่ครั้งเดียว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel