บท
ตั้งค่า

๓ หนีไม่พ้น (๑)

หนีไม่พ้น

ร่างแบบบางนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้าง ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เสื้อผ้าที่สวมเป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวปกปิดร่างกาย มีผ้าห่มผืนหนาคลุมอีกชั้น ความชื้นบนเตียงกว้างทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงขมวดคิ้วมุ่น ไม่น่าเชื่อว่าเตียงเปียกยังมีคนนอน

“ไม่เป็นไรมากใช่ไหม” เสียงทุ้มปลุกให้คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงต้องตื่นจากภวังค์ เผลอสำรวจสิ่งรอบกายนานไปหน่อย

อนลตื่นเช้ามาพร้อมกับความร้อนจากผิวบอบบาง เพียงแค่แตะก็เหมือนทาบมือกับเหล็กร้อน รีบผละออกแล้วสำรวจทั่วตัวอณิรดา พบว่าเธอไข้ขึ้นสูงจนต้องรีบโทรตามเพื่อนสนิทที่เป็นหมอ ตัดสินใจเช่าเฮลิคอปเตอร์พร้อมกับเรือสปีดโบ๊ทเทียบท่ารอรับนายแพทย์โดยเฉพาะ

ใช้เวลาเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็ถึงบ้านสวยบนเกาะ รีบเร่งเข้ามาตรวจอาการของคนป่วยอย่างถี่ถ้วน แต่พอจะเปิดเสื้อสำรวจร่างกายก็ถูกกระแอมห้ามเอาไว้จากร่างสูงที่ยืนมองไม่ห่าง แถมยังทำหน้าถมึงทึงจนแพทย์หนุ่มไม่กล้าแตะต้องคนป่วยมากนัก

แต่ดูจากอาการแล้วไม่ได้ร้ายแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล จึงเก็บอุปกรณ์การตรวจแล้วลุกยืนเต็มความสูง นายแพทย์เมธา ทรัพย์มากมี เพื่อนสนิทที่รู้จักกับอนลตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายจนเข้ามหาวิทยาลัย อยู่ด้วยกันทุกช่วงชีวิตจนรู้หมดทุกอย่าง

ทราบกระทั่งหญิงสาวที่นอนป่วยคือคุณหนูพระพายซึ่งเพื่อนของเขาเอ่ยปากว่าเกลียดนักหนา...

“ก็ให้กินยาตามที่กูสั่งนั่นแหละ แล้วก็ให้เขาพักผ่อนให้เพียงพอ อีกสองสามวันน่าจะหายเป็นปกติ โชคดีไม่เป็นปอดบวม คิดยังไงนอนทั้งที่ยังเปียกแบบนั้นวะ ที่นอนยังชื้นอยู่เลย” ตั้งข้อสังเกตจนคนที่ลุ่มหลงในกามารมไม่ได้ใส่ใจว่าเตียงกว้างเปียกแค่ไหน

เขาเอาแต่ใจจนหญิงสาวสลบเหมือดหลังรอบที่สามสิ้นสุด ตนก็เหนื่อยเกินกว่าจะลุกทำความสะอาดร่างกาย สุดท้ายก็เลือกนอนทั้งอย่างนั้น ตื่นมาอีกทีหล่อนก็ตัวร้อนราวกับไฟ

ไม่แปลกใจที่อณิรดาป่วย เขาลากเธอไปยืนกลางน้ำสองนาน ขึ้นมาได้ก็ลงโทษคนปากดีจนร่างกายหล่อนเกินทนไหว

“ไม่รู้...กลับไปทำงานของมึงได้แล้ว” รีบผลักไสเพื่อนสนิท หลบสายตาที่จ้องอย่างจับผิด คบกันมาตั้งนานรู้ไส้รู้พุงหมด มองปราดเดียวเมธาก็เห็นถึงความผิดปกติ จากที่คิดกลับทันทีเพราะยังมีงานต้องทำ ช่วงบ่ายเขาต้องเข้าผ่าตัด เกรงว่าหากช้ากว่านี้อาจไม่ทัน

แต่เหลือบมองเวลา คำนวณคร่าวๆ จากการเดินทางที่ไม่เกินสองชั่วโมง...อย่างไรก็ไปทันแน่นอน จึงไม่พลาดง้างปากคนที่เก็บความลับเงียบ

“เดี๋ยว ไอ้เพลิง อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ถึงมึงไม่ยอมเปิดเสื้อน้องเขาแต่รอยที่คอชัดขนาดนั้น มึงเป็นคนทำใช่ไหม” อนลเลือกเดินหนีแต่ถูกคว้าคอเสื้อไว้ทันที ขนาดส่วนสูงของพวกเขาใกล้เคียงกัน จึงรีบกอดคอนักธุรกิจหน้าหล่อทันที พูดตามสิ่งที่ตัวเองได้เห็น แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงเพราะเพื่อนตนพูดมาตลอดว่าไม่ชอบอณิรดา

คนไม่ชอบกันจะมีความสัมพันธ์ได้เหรอ...

ได้สิ ก็แค่เซ็กส์..

นายแพทย์หนุ่มเหลือบมองคนที่เรียนมาด้วยกันตลอด การได้เป็นเพื่อนกับคนหน้าตาดีเขาก็พลอยมีคนเข้าหา สมัยเรียนมหาวิทยาลัยได้กินขนมฟรีเป็นกระบุงเพราะสาวๆ ซื้อให้อนลแต่อีกฝ่ายไม่รับ เขาจึงเป็นตัวตั้งตัวตีรับมากินแทนทั้งหมด

“ใช่ มึงมีปัญหาหรือไง” ปัดมืออีกฝ่ายออก แล้วยืดอกยอมรับ ถึงปฏิเสธไปก็รู้ว่าเมธาไม่เชื่อ สู้บอกตามตรงดีกว่า จะได้ไม่ต้องตั้งข้อสงสัยมากมายให้น่ารำคาญ

“กูไม่ได้มีปัญหา แต่มึงนั่นแหละที่สมองมีปัญหา ทำแบบนั้นเขาสมยอมหรือเปล่า” ระหว่างเดินลงบันไดก็ลดเสียงลง รู้ว่ายังมีบุคคลที่สามอยู่ในบ้านไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน

อนลมีสีหน้ากังวลครู่หนึ่ง ไม่รู้ตอนนั้นผีห่าซาตานตนใดเข้าสิงจึงกล้าหักหาญน้ำใจหล่อน แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งความต้องการเอาไว้ได้ ทั้งที่ตนเองไม่ได้เมา...มีเพียงความโกรธที่เข้าครอบงำจนเรื่องราวบานปลาย

เผลอทำรอยไว้บนร่างกายขาวนวลเยอะซะด้วย

“ทำไมจะไม่สมยอม...” เอ่ยเสียงอ่อย ไม่กล้าพูดความจริงแม้เมธาจะพอมองทุกอย่างออก

“ถ้าเขาสมยอมคงไม่อยู่สภาพนี้หรอก มึงข่มเหงเขาใช่ไหม...” ไล่จี้คนปากแข็งที่ไม่ยอมพูดความจริงกับตนสักที แต่พอดีพวกเขาลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย วินาทีแห่งความอึดอัดของอนลจึงหมดลงเมื่อป้าปรุงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

“คุณหมอคะ ป้าเตรียมเรือไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหมอจะกลับตอนนี้เลยไหมคะหรืออยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อน ป้าจะได้จัดอาหารขึ้นโต๊ะ” เจ้าของเกาะเผลอพรูลมหายใจเสียงเบา เหมือนรอดชีวิตจากการตกหน้าผาสูง ต้องขอบคุณป้าปรุงเข้ามาถูกเวลา

เมธาเหลือบมองเพื่อนแล้วส่ายศีรษะ มั่นใจทันทีว่าอณิรดาไม่ได้สมยอม แต่เป็นร่างสูงที่ทำตามใจตัวเองจนหล่อนตกอยู่ในสภาพนี้

“มันจะกลับแล้วครับ ป้าปรุงไม่ต้องสนใจมันหรอก...ป่ะ กลับเถอะหมอ” รีบลากคอเสื้อคนข้างกายแล้วหาข้ออ้างกับคุณป้าที่ทำอาหารเผื่อแขกของเจ้านาย แต่ดูเหมือนคุณหมอจะต้องรีบกลับโรงพยาบาลเพื่อเตรียมผ่าตัด จึงไม่อาจอยู่รับประทานอาหารร่วมกันได้

หรือเจ้าของบ้านไล่กันแน่...ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่

“ไล่กูเชียวนะ” กระซิบเสียงรอดไรฟัน ขณะที่อนลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบเปิดประตูแล้วผลักคนหมดประโยชน์ออกไปทันที

“ไม่ส่งนะ เดินไปขึ้นเรือเอง อยู่ใกล้แค่นี้จะได้ออกกำลังกายบ้าง ผิวซีดจนเหมือนศพเข้าไปทุกวัน” ไม่วายค่อนแคะคนผิวขาวเพราะดูเหมือนผิวของตนจะแทนจากการตากแดด เขาไม่รอฟังคำโต้ตอบของเพื่อนก็รีบปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ปล่อยเมธายืนอ้าปากค้างแล้วส่ายศีรษะระอา ไม่แน่ใจว่าอนลอิจฉาหรือหมั่นไส้เขากันแน่

นอกจากนิสัยเสีย ปากยังไม่ตรงกับใจอีก...

ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายทนทานหรือเปล่าจึงไม่มีอาการป่วยสักนิดทั้งที่นอนบนเตียงเปียกชุ่ม เขากำลังจะก้าวขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อดูคนป่วย แต่หางตาเหลือบเห็นป้าปรุงถือกะละมังเล็กกับผ้าขนหนู จึงต้องปรี่เข้าไปหาท่าน

“ป้าจะทำอะไรครับ”

“ขึ้นไปดูแลคุณหนูไงคะ” คนอายุมากกว่าทำตามหน้าที่ของตัวเอง ทว่ามือหนากลับฉกฉวยของที่ท่านถือไปครอบครองเอาไว้เอง สร้างความงุนงงแก่ป้าปรุงเป็นอย่างมาก

“ไม่ ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง...ห้องผมป้าจัดการทำความสะอาดแล้วใช่ไหม” อนลคิดว่าตนเป็นคนทำให้หล่อนไม่สบาย ก็ต้องรับผิดชอบไม่เห็นจะแปลก ที่ทำไม่ใช่เพราะความเสน่หาสักนิด...

“ค่ะ เรียบร้อยหมดแล้ว” เขาพยักหน้าเข้าใจ “ขอบคุณครับ ป้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง” ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกแล้วเดินไปยังชั้นสองทันที เข้าห้องนอนของตัวเองที่เตียงกว้างถูกเปลี่ยนผ้าปูเป็นสีขาวนวลและแห้งสนิท ค่อยวางกะละมังไว้โต๊ะยาวตรงข้ามเตียง

จากนั้นจึงเดินไปยังห้องนอนของหล่อน โน้มตัวอุ้มคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา คิ้วหนาขมวดมุ่นยามคิดว่าเธอตัวเบาเกินไป เขาไม่รู้สึกหนักสักนิดจึงประคองไปถึงห้องนอนตนได้อย่างสบาย ไม่รู้แต่ละวันอณิรดากินอะไรเข้าไปบ้าง ดื่มแค่น้ำอย่างเดียวหรือเปล่า

คงรักษาหุ่นตามประสาคนรักสวยรักงาม แต่เขาคิดว่าเธอผอมเกินไป...น่าจะกินให้เยอะกว่านี้หน่อย

“โดนแค่นี้ถึงกับไข้ขึ้น อะไรจะอ่อนแอขนาดนั้น” วางร่างแบบบางลงบนเตียง ห่มผ้าให้หล่อนโดยที่คนไข้ยังนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวสักนิด ไม่รู้จะหลับลึกอะไรขนาดนั้น

เขาเลือกเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ชุบน้ำแล้วบิดจนหมาดมาเช็ดตามใบหน้าหวาน พอได้ฉีดยาค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย แก้มนวลเริ่มมีสีเลือดบ้างไม่ใช่ซีดเซียวจนเหมือนไม่มีเลือดล่อเลี้ยงกาย เลิกผ้าห่มออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนที่อุตส่าห์สละให้เธอสวมเพื่อเช็ดตามเรือนกายงดงาม ซึ่งเขาเห็นทุกซอกมุมไม่อาจลืมลง

แต่ตอนนี้พยายามเหลือบตามองทางอื่น ไม่กล้ามองเพราะร่องรอยที่ตนเองทำไว้เมื่อคืน พอเห็นตอนเช้าเพิ่งรู้ว่าทำไว้เยอะเหมือนกัน...

“อือ แม่ แม่” เช็ดตัวสักพัก คนที่นอนหลับด้วยพิษไข้ก็เพ้อพลางยกมือคว้าอากาศ เขาจึงรีบแตะมือหล่อน แต่กลับถูกหญิงสาวคว้ามือมากุมไว้แน่น ไม่อาจเช็ดตัวให้ได้ถึงรีบคลุมผ้าห่มผืนหนาปิดร่างกายเธอเอาไว้

เปลือกตายังคงปิดแต่ก็เพ้อไม่หยุด เขามองหล่อนไม่วางตาแล้วค่อยวางผ้าขนหนูไว้ข้างเตียง โน้มกายไปอังหน้าผากร้อนที่เริ่มกลับมาเป็นอุณหภูมิร่างกายปกติ พรูลมหายใจโล่งอกที่เห็นว่าไข้เริ่มลดอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่เขาติดต่อเมธาให้มาช่วยตรวจหล่อนทันที ไม่อย่างนั้นคงกังวลทั้งวัน

“ไม่สบายแล้วเพ้อหาแม่เป็นเด็ก ยายคุณหนูตัวแสบ” ใช้นิ้วเคาะหน้าผากมนแผ่วเบา นั่งมองปากจิ้มลิ้มที่แตกแห้ง จำได้ว่าเมื่อคืนตั้งใจกัดปากเธอจนเลือดซิบ ทำเพราะอารมณ์โมโหทั้งนั้น พอมีสติครบถ้วนก็นึกก่นด่าตัวเองที่รุนแรงกับหญิงตัวเล็ก

ถึงเธอจะปากร้ายแต่ก็ยังเป็นผู้หญิง...เขาไม่ควรหักหาญน้ำใจหล่อน

“ปล่อย ไอ้ บ้า...ไม่รัก..ฉันเหรอ” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกจากปากคนที่หลับใหล เขาหลุดขำไม่อยากเชื่อว่าตอนหลับยังเพ้อด่ากันได้

แต่คำว่าไม่รัก...หล่อนหมายความอย่างไร

“ขนาดหลับยังด่าฉันได้อีกนะ เดี๋ยวไม่เช็ดตัวให้ซะเลยนิ...” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่แววตาคมก็อ่อนแสงลง มุมปากยกยิ้มโดยที่เขาเองยังไม่รู้ตัว พอได้ยินชื่อของตัวเองก็โน้มหน้าลงไปใกล้ ฟังว่าเธอจะพูดถึงตนอย่างไรตอนที่หลับ

“เพลิง”

“หือ”

“คนเลว..” หลุดขำทันทีไม่นึกโกรธเคือง ผละห่างแล้วนั่งมองดวงหน้าหวาน ค่อยปลดมือบางออกแล้ววางลงบนหน้าท้องแบนราบ ตอนหลับเธอไร้พิษสงและดูเป็นคุณหนูตัวน้อยที่น่าทะนุถนอม แต่อย่าให้ได้ตื่นขึ้นมาเชียว

ปากราวกับกรรไกร...

“เฮ้อ เออ ฉันมันคนเลว จะด่าก็ลุกขึ้นมาด่าดีๆ อย่านอนด่าอย่างเดียวเหมือนฉันโต้ตอบกับขอนไม้ รีบหายแล้วมาด่าฉัน เข้าใจไหม” ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นห่วงหรือเปล่า แต่อนลก็เลือกคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดตามตัวหล่อนอีกครั้ง

จ้องมองเนินอกที่เต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบ พลางถอนหายใจแล้วยกมือกุมขมับ ก่นด่าตัวเองสักพักแล้วเลือกโยนความผิดให้คนไข้

“ทำไมรอยเยอะขนาดนี้วะ...โทษเธอนั่นแหละ คราวหลังก็หัดพูดจาอ่อนหวานกับเขาบ้าง ไม่ใช่เอะอะด่าอย่างเดียว ฉันไม่ใช่ไอ้เพลิงคนเดิมที่ทนให้เธอด่าได้ทั้งวันหรอกนะ” ถึงปากจะบ่นแต่มือก็เช็ดตัวให้หล่อนอย่างอ่อนโยน

เริ่มรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ใบหน้าคมอ่อนแสงแล้วค่อยกลัดกระดุมเสื้อ คลุมผ้าห่มเพิ่มความอบอุ่นให้คนไข้ จ้องมองดวงหน้าหวานสักพักแล้วค่อยเดินไปเปลี่ยนน้ำ เช็ดตัวอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งวัน จนมีสายสำคัญโทรเข้า ถึงปลีกตัวไปรับแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า

เดินลงมาข้างล่าง สอดส่ายสายตาเพื่อหาแม่บ้าน จนต้องเปล่งเสียงเรียกหญิงวัยกลางคนเพราะกลัวจะไม่ทันเวลา

“ป้าปรุง ฝากดูแลพระพายหน่อยนะครับ ผมจะเข้าเมืองไปดูงานแล้วจะรีบกลับ” ประโยคคำสั่งเต็มไปด้วยความเป็นห่วงที่มีต่อหญิงสาวหน้าหวาน ท่านจึงพยักหน้าแล้วรับปากหนักแน่นเพื่อไม่ให้เจ้านายกังวล

“ค่ะ ป้าจะดูแลคุณหนูอย่างดี” พอฟังก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขาพาเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อแก้แค้น ไม่ใช่พักผ่อนหย่อนใจ

“ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกครับ เรียกพระพายดีกว่า เธอไม่ใช่คุณหนูสูงส่งที่ไหน เป็นแค่คนธรรมดา” คำว่าคุณหนูเป็นอดีตไปแล้ว ครอบครัวที่เคยร่ำรวยกลับต้องมาใช้หนี้หลายล้าน มันสาสมกับสิ่งที่ครอบครัวนั้นควรโดน

เขายังจำไม่ลืมว่าถูกกระทำอย่างไรบ้าง...

“ค่ะ” ค่อยเบาใจเมื่อท่านรับปาก กำลังจะเดินออกจากบ้านแต่ก็ไม่วายสั่งกำชับอีกรอบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel