๓ หนีไม่พ้น (๒)
“ห้ามให้เธอออกจากห้องนะครับ” คิดว่างานด่วนครั้งนี้อาจจะนาน กลัวหล่อนตื่นแล้วจะใช้โอกาสนี้ในการหนีออกจากเกาะ ต้องมีคนคอยจับตาดูตลอดเวลา ซึ่งคนที่เขาไว้ใจมีแค่ป้าปรุงคนเดียว
“ป้าจะไม่ให้คุณพระพายออกจากห้อง ดูแลเธออย่างดีไม่ให้ขลาดสายตา คุณเพลิงไว้ใจป้าได้” ท่านยืนยันอย่างนั้นเขาค่อยเบาใจ เหลือบตามองชั้นบนทั้งที่ไม่เห็นคนป่วย ค่อยพรูลมหายใจเสียงเบาแล้วตอบรับคนมากกว่าวัย
“ขอบคุณครับ” เปิดประตูแล้วเดินไปยังสะพานท่าเรือ เลือกขับเรือสปีดโบ๊ทออกจากเกาะอย่างรวดเร็วเพื่อทำธุระให้เสร็จ ไม่คิดว่ามีคนอาจหาญโกงเงินไปหลายล้าน ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกคิดบัญชีย้อนหลังโหดแค่ไหน
เรื่องนี้อาจจะไม่จบง่าย...เพราะโกงไปนานร่วมสามเดือน คิดว่าคงมีพวกไม่ต่ำกว่าสามคนคอยช่วยเหลือจึงรอดหูรอดตาเขาไปได้
ต้องตรวจดูสักหน่อยแล้ว
แสงแดดยามบ่ายส่องเข้ามากระทบเปลือกตา มือที่วางไว้ข้างตัวถูกยกมาบดบัง พลิกกายเพื่อหนีแสงจากธรรมชาติ แต่เมื่อตื่นแล้วก็ไม่อาจหลับต่อได้ ค่อยลืมตาอย่างเชื่องช้าเพื่อมองทัศนียภาพโดยรอบ คิดว่าอย่างไรก็คงอยู่บนเกาะ
อนลไม่ใจดีพอจะปล่อยเธอไปหรอก
ตู้เสื้อผ้าสีเข้มต่างไปจากห้องที่หล่อนอาศัย อณิรดาค่อยพลิกกายมองเพดานที่เปลี่ยนไป เริ่มสับสนว่าตนอยู่ที่ใด จนมองออกนอกระเบียงเห็นว่าทิวทัศน์ภายนอกยังเป็นทะเลกว้าง เธอยังคงถูกคุมขังไว้ที่เดิม
“อะ อือ...” หยัดกายลุกนั่ง จากนั้นจึงเลิกผ้าห่มแล้วหย่อนเท้าลงบนพื้น ยืนรวดเร็วจนเริ่มเซคล้ายจะหน้ามืด โชคดีที่ป้าปรุงวิ่งเข้ามาพยุงไว้ทันท่วงที
“ระวังค่ะคุณพระพาย ลุกเร็วเดี๋ยวก็หน้ามืดหรอก...ป้าช่วยประคองนะคะ” หล่อนยอมเดินตามที่คุณป้านำทาง แล้วค่อยนั่งลงยังโซฟานุ่มติดริมระเบียง เพิ่งสังเกตว่าตนเองสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวยาวที่แทบจะคลุมเข่า
เป็นชุดของอนลโดยไม่ต้องเดา ทั้งบ้านจะมีเสื้อแบบนี้เป็นของใครบ้างถ้าไม่ใช่เขา เผลอกระชับเสื้อตัวโคร่งพลางเม้มปากแน่น
“พายเป็นอะไรไปเหรอคะ” เงยหน้ามองป้าปรุงที่คอยดูแลหล่อนไม่ห่าง ท่านเดินไปยังโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง รินน้ำในเหยือกลงแก้ว โดยมีดวงตากลมมองตามไม่ห่าง
“เอ่อ คุณพระพายไม่สบายค่ะ คุณหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ ตอนนี้คงหิวแย่แล้ว ดื่มน้ำก่อนนะคะเดี๋ยวป้าจะลงไปเอาข้าวต้มมาให้” ยื่นแก้วน้ำไปตรงหน้าหญิงสาวคราวลูก มองหล่อนด้วยความเอ็นดูระหว่างที่เธอดื่มน้ำจนหมดแก้วเพราะกระหาย ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะไม่สบายจนเผลอหลับข้ามวัน
“ค่ะ” พยักหน้ารับแล้วมองคุณป้าที่ออกจากห้อง ทิ้งหล่อนไว้คนเดียวเพื่อทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น จำได้ว่าตนถูกอนลมัดไว้ใต้สะพานหลายชั่วโมง ตะโกนด่าเขาอยู่นานจนได้รับการปล่อย แล้วตนก็ตบหน้าอีกฝ่าย ถูกอุ้มพาดบ่าวางลงบนเตียง
จากนั้น...
ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อจำทุกอย่างได้ รีบยกมือกอดอกเอาไว้ทันที ทั้งภาพ สัมผัส เสียงยังเด่นชัดในความทรงจำ มือบางกำเข้าหากันแน่นแล้วเปล่งเสียงถึงคนที่ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นด้วยความเคียดแค้น
“ไม่สบาย ทำไมไม่สบายล่ะ...นะ นายเพลิง!” เพียงแค่คิดถึงการกระทำของเขาดวงตากลมวาวก็ปริ่มน้ำ ไม่คิดว่าจะถูกข่มเหงจากคนที่ตนเคยกดขี่มาตลอด แรงกดที่ข้อมือจนตอนนี้มันยังหลงเหลือรอยแดงเอาไว้ หล่อนทำเพียงแค่มองแล้วรีบปาดน้ำตาทันที
หากเขาอ่อนโยนกว่านี้สักนิด...มันคงดี
แต่เพราะหล่อนถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม จึงจมดิ่งไปด้วยความเจ็บปวด เขาทำเพื่อสั่งสอนไม่ใช่ความรัก ดูเหมือนความรู้สึกนั้นมันจะห่างไกลพวกเรา
ปล่อยความคิดล่องลอยไปไกล แววตาหม่นแสงจมกับความผิดหวังที่ถาโถม หล่อนยิ่งมั่นใจว่าเขาเกลียดตน เส้นทางของเราไม่อาจบรรจบกันได้ ไม่แน่ว่าอีกไม่นานตนอาจถูกส่งไปขายต่างประเทศ หากเป็นเช่นนั้นจริงขอกระโดดน้ำตายดีกว่า
เสียงเปิดประตูพร้อมกับป้าปรุงที่ถือถาดอาหารเข้ามา กลิ่นหอมโชยแต่ไกลจนเผลอลูบท้องที่ร้องประท้วง เพิ่งรู้ว่าตัวเองหิวข้าวก็ตอนได้กลิ่นอาหาร ท่านวางข้าวต้มชามโตลงตรงหน้า เธอก็รีบตักเข้าปากแต่ถูกท้วงให้เป่าก่อน ถึงได้ทำตามไม่อย่างนั้นลิ้นพองแน่
“เจ้านายป้าไปไหนคะ” กินหมดไปครึ่งชามยังไม่เห็นคนต้นเรื่องโผล่มาให้เห็น ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองบ้างเลย
“คุณเพลิงเข้าเมืองค่ะ เห็นว่ามีงานด่วนแต่อีกไม่นานน่าจะกลับถึงเกาะ คุณพระพายไม่ต้องห่วงนะคะ คุณเพลิงไม่ทิ้งคุณไว้ที่นี่หรอก” เหมือนรู้ว่าหล่อนกลัวจึงรีบปลอบ คนตัวเล็กทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยิ้มแหยะไม่ได้พูดขยายความ
“อ่า ค่ะ...แล้วเขามาที่เกาะทำไมคะ ท้ายเกาะมีหมู่บ้านหรือเปล่า” เมื่อได้อยู่กันสองคนจึงรีบถามข้อมูลที่เมื่อวานตนแทบไม่รู้อะไรเลย โดนจับไปมัดไว้ครึ่งค่อนวัน ทั้งร้อนจากแดด ทั้งหนาวที่ต้องอยู่ในน้ำ มาโดนเขารังแกอีก...
ไม่ป่วยก็แข็งแกร่งเกินมนุษย์แล้ว
“คุณเพลิงทำฟาร์มไข่มุกที่เกาะนี้ค่ะ ท้ายเกาะก็มีบ้านคนงานที่ช่วยกันดูแลหอยมุก ตอนนี้เกิดปัญหาคุณเพลิงเลยต้องมาดูแลเอง ป้าก็ไม่คิดว่าจะกินเวลานานขนาดนี้ ปกติคุณเพลิงงานยุ่งจะตาย ไม่ค่อยมาเกาะบ่อยหรอกค่ะ” เห็นหล่อนเจริญอาหารก็ยิ้มดีใจ คุยเพลินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเก็บข้อมูลทุกอย่าง
ไม่นึกว่าจากคนที่เป็นแค่ลูกแม่บ้านจะถีบตัวเองจนมีฟาร์มไข่มุกเป็นของตัวเอง นอกจากนั้นยังทำธุรกิจสีเทาซึ่งหล่อนไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง แต่ดูจากที่เขาเป็นเจ้าของเกาะและสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ได้
คงรวยไม่ใช่เล่น...ต่างจากเธอที่ตกอับมีเงินใช้เดือนชนเดือน แทบไม่พอค่ากินอยู่ด้วยซ้ำ
ชีวิตช่างพลิกผัน ไม่มีอะไรแน่นอน
“พายอยากไปเดินเที่ยวเกาะจังเลย...อยู่ในนี้อุดอู้” กินข้าวต้มหมดไม่ลืมกินยา หล่อนจึงคิดหาโอกาสไปสำรวจรอบเกาะเพื่อหาทางหนีทีไล่ แต่ป้าปรุงที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“คุณพระพายยังไม่หายดี อย่าออกไปตากแดดตากลมเลยนะคะ ป้าว่าอยู่ในห้องดีกว่า” รีบใช้ข้ออ้างเรื่องเจ็บป่วยเพื่อรั้งเธอไว้ในห้อง แต่หญิงสาวก็รีบลุกยืนพลางหมุนกายเพื่อให้คนตรงหน้าได้ดูว่าตนหายแล้ว
แปลกเหมือนกันที่แทบไม่มีอาการของคนไม่สบายหลงเหลืออยู่เลย หล่อนเดินเหินสะดวก มีแค่ช่วงที่เพิ่งตื่นนอนอาจหน้ามืดไปบ้าง แต่พอกินข้าวกินยาก็หายเป็นปลิดทิ้ง พร้อมออกไปเดินชมรอบเกาะว่าเป็นอย่างไร
“พายหายดีแล้วค่ะ หายเลย ไม่มีอาการปวดหัวปวดตัว สงสัยนอนเต็มอิ่มเลยหายป่วย ให้พายออกไปเถอะนะคะ” รีบอ้อนโดยการไปจับแขนท่านแล้วเกยคางบนไหล่ทันที ทำตัวสนิทสนมเหมือนเป็นคนครอบครัวตามประสาลูกสาวคนเล็กช่างออดอ้อน แล้วดูเหมือนคุณป้าจะแพ้ทางซะด้วยสิ
ท่านนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ลืมสิ่งที่เจ้านายสั่งเอาไว้ จึงต้องส่ายหน้าปฏิเสธแล้วค่อยปลดมือบางออก
“แต่คุณเพลิงสั่งไว้ไม่ให้คุณพระพายออกไปข้างนอกนะคะ”
“ป้าก็อย่าให้เขารู้สิคะ ถ้าเราไม่บอกเขาไม่มีทางรู้หรอก...นะคะ ให้พายออกไปเถอะนะ รับรองว่าจะกลับมาบ้านก่อนเขาถึงแน่นอน พายสัญญา” อ้อนตาปริบจนป้าปรุงไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปฏิเสธ ตนยิ่งเป็นคนใจอ่อนซะด้วย
สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าตกลง แต่ไม่วายกำชับหญิงสาวอย่างหนักแน่น
“งั้นป้าไปเป็นเพื่อนค่ะ” อณิรดาแทบกระโดดโลดเต้นแต่ยั้งตัวเองเอาไว้ซะก่อน
“ได้ค่ะ!” รีบตอบเสียงดังฟังชัด แล้วเข้าไปอาบน้ำชำระกาย ป้าปรุงบอกว่าจะนำชุดของหล่อนมาให้เพราะซักพร้อมรีดให้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าอยู่หลายวันเกรงจะไม่มีชุดอื่นใส่ อาจได้ใส่ซ้ำอยู่ชุดเดียวหากคนที่พาเธอมาไม่ยอมซื้อชุดใหม่มาให้
ค่อยถอดเสื้อตัวโคร่งที่คลุมกายเพียงอย่างเดียว ไม่มีชั้นในปกปิดทั้งข้างล่างและข้างบน เธอมองร่างกายของตนผ่านกระจก เบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยที่ร่างสูงทำไว้ แทบจะทึ้งศีรษะตัวเองแล้วก่นด่าคนห่างไกล
“รอย รอยเต็มไปหมด! ไอ้คนหื่นกาม จะทำก็ไม่เห็นต้องฝากรอยไว้เยอะขนาดนี้เลย โอ๊ย กี่วันกว่าจะหายล่ะเนี่ย” บ่นเสร็จก็เดินไปอาบน้ำ สลัดภาพคืนนั้นออกให้หมดแต่ก็ยังหลงเหลือในความคิด เธอมีสติครบถ้วนเขาเองก็เช่นกัน
แต่ทำไมถึงเลือกทำอย่างนั้น...
หากให้เหตุผลว่าโกรธจนต้องลงโทษด้วยการข่มเหงมันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นอกซะจากว่าอนลจะหลงรักเธอ
คิดอย่างนั้นดวงตากลมก็เบิกกว้าง รีบไล่ข้อสันนิษฐานที่ต่างจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง คนที่เขารักคือพี่สาวของเธอต่างหาก...พันพัสสา ปัญญาสถิต
เดินลัดเลาะจากบ้านใหญ่มาถึงท้ายเกาะ ผ่านป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มายังบ้านเรือนที่ล้อมด้วยไม้ไผ่และมุงหลังคาด้วยหญ้าคาที่กันแดดกันลมได้เป็นอย่างดี ทุกบ้านมีลักษณะเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก หล่อนเผลอคิดว่าอาจมีคนเข้าบ้านผิดด้วยซ้ำ
มองออกไปไกลยังทะเล เห็นฟาร์มเลี้ยงไข่มุกอยู่ห่างจากชายหาด เธอรีบหันไปถามป้าปรุงที่เดินเคียงกันเพื่อคอยดูแลไม่ให้อณิรดาคลาดสายตา
“ตรงนั้นคือที่เลี้ยงหอยมุกเหรอคะ ทำไมไกลจังเลย”
“หอยมุกต้องเลี้ยงใต้ทะเลที่น้ำสงบค่ะ ตรงนั่นเหมาะที่สุดแล้ว...ถ้านั่งเรือไปก็ไม่ไกลค่ะ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ” อธิบายเท่าที่ตนทราบ คนฟังจึงพยักหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที เธอไม่ได้มาทัศนศึกษาสักหน่อย ไม่ได้อยากรู้ลึก ทราบเพียงผิวเผินก็พอ
อย่างไรก็จะออกจากเกาะนี้อยู่แล้ว
“อ้อ...แล้วบ้านแต่ละหลังเป็นของคนงานหมดเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ส่วนมากเป็นคนงานแล้วก็มีบางส่วนที่เป็นชาวบ้านอยู่บนเกาะก่อนที่คุณเพลิงจะมาซื้อที่นี่” ผินหน้าหลบแล้วบึนปากเมื่อได้ยินว่าอนลเป็นคนซื้อเกาะ คงร่ำรวยมากจนไม่รู้จะใช้เงินอย่างไรจึงซื้อที่บนเกาะเป็นของตัวเอง
คิดแล้วยิ่งหมั่นไส้...
“เดี๋ยวพายไปเล่นกับเด็กๆ ดีกว่า ป้าปรุงเชิญตามสบายเลยนะคะ” เหลือบมองเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งเล่นขายข้าวแกงก็มองเห็นช่องทางการหนี หล่อนรีบหันมาขออนุญาตคุณป้าที่ตามติดตลอดเวลา
“ป้าไปด้วยค่ะ” คิดจะเดินตามแต่หล่อนก็รั้งท่านเอาไว้
“ไม่ต้องค่ะ พายไม่อยากรบกวนงานของป้า พายไม่หนีไปไหนหรอก เดี๋ยวจะเป็นเด็กดีรอคุณเพลิงกลับมาที่เกาะ พายสัญญา” ชูสามนิ้วแล้วให้คำมั่น ท่านนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วมองออกนอกทะเล ไม่เห็นมีเรือสักลำจึงค่อยเบาใจว่าหล่อนไม่อาจหนีไปไหนได้
อีกอย่างตนก็อยู่แถวนี้ ถึงไม่ได้ตามติดตลอดเวลา ทว่ายังพอมองเห็นอณิรดาบ้าง...ปล่อยเล่นกับเด็กคงไม่เป็นอะไรหรอก
“งั้นป้าขอไปหาเพื่อนแล้วจะรีบพาคุณพระพายกลับนะคะ” ท่านชอบมาพูดคุยกับหญิงวัยใกล้เคียงกันท้ายเกาะ ช่วยทำอาหารแห้งไว้กินหรือพูดคุยเรื่องราวชีวิตในแต่ละวันพอให้คลายเหงา
“ค่ะ” รีบพยักหน้าแล้วโบกมือให้ป้าปรุง ส่วนตนก็เดินไปนั่งเล่นกับเด็กน้อยเพื่อรอเวลาเหมาะสม เห็นคุณป้าหันมองตนบ่อยครั้งก็แสร้งยิ้มสนุก เล่นเกือบชั่วโมงพอเหลียวมองป้าปรุงที่มีความสุขกับกลุ่มเพื่อน ไม่ได้สนใจเธออีกก็ใช้โอกาสนี้รีบลุกไปหาคุณลุงที่กำลังเอาเรือออก
ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เหมือนสวรรค์เข้าข้างหล่อน...
“ลุง ลุงคะ ลุงจะไปไหนเหรอ” หลบออกมาได้ก็รีบเรียกคนที่กำลังขึ้นเรือ หล่อนเกาะขอบเรือเอาไว้แล้วมองอีกฝ่ายตาปริบ
“ไปฝั่ง ทำไม” ใบหน้าไม่รับแขกทำให้เธอเริ่มกลัว แต่ก็รีบกดความรู้สึกนั้นเอาไว้ เลือกเดินหน้าอ้อนวอนโดยใช้ทักษะที่มีติดตัว
“หนูขอติดเรือไปด้วยได้ไหมคะ พอดีมีธุระต้องไปฝั่งค่ะแต่ไม่รู้จะไปยังไง” ขอร้องพลางยกมือประนมกลางอก คิดว่าอย่างไรคุณลุงก็ต้องเห็นใจอย่างแน่นอน แต่กลายเป็นว่าท่านไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าจนต้องถามกลับ
“แล้วเอ็งเป็นใคร”
“หนูเป็นน้องสาวของพี่เพลิงค่ะ เจ้าของเกาะนี้ไงคะ” ฉีกยิ้มกว้างแล้วอ้างว่าตัวเองเป็นน้องสาวของอนลทั้งที่ไม่เคยนับญาติกันสักครั้ง
คิดว่าชื่อของเขาน่าจะใช้ได้ผล ตนอาจหนีออกจากเกาะซึ่งเป็นเหมือนสถานที่คุมขัง กลับไปหาบิดามารดาได้สักที
“อ้อ น้องสาวนายเหรอ แล้วทำไมไม่เข้าเมืองพร้อมนายล่ะ” ตั้งข้อสังเกตซึ่งหล่อนก็รีบตอบพลางทำหน้าเศร้า ถอนหายใจเป็นการใส่อารมณ์ให้น่าเชื่อถือ
“เขาไปไม่รอค่ะ หนูเลยต้องรบกวนลุงให้ไปส่งที่ฝั่งหน่อย ขอร้องนะคะ จะคิดเงินเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ แค่ให้หนูติดเรือไปด้วย” มือยังคงประนมอยู่ที่เดิม คุณลุงนิ่งคิดสักพักแล้วค่อยพยักหน้า ไม่เห็นว่ามันจะเหนือบ่ากว่าแรง อย่างไรตนก็ต้องขึ้นฝั่งอยู่แล้วเพื่อไปทำธุระให้เมีย
“ไม่ต้องหรอก ยังไงก็คนกันเอง...ขึ้นมาสิเดี๋ยวจะพาไปส่ง” ดวงหน้าหวานฉีกยิ้มกว้าง แทบจะโห่ร้องเมื่อคิดว่าตัวเองรอดพ้นจากอุ้งมือมารแล้ว
“ขอบคุณค่ะ!” ตะโกนเสียงดังด้วยความลืมตัว กำลังจะกระโดดขึ้นเรือแต่เอวบางกลับถูกคว้าเอาไว้ แล้วดึงเธอไปกอดจากทางด้านหลัง ใบหน้าหวานหันขวับมองคนมาใหม่ พบเสี้ยวหน้าคมก็รู้ทันทีว่าแผนการทุกอย่างล่มแล้ว
ไม่อาจหนีออกไปจากเกาะนี้ได้...
“ไม่รบกวนลุงหรอกครับ เดี๋ยวผมพาเธอไปเองดีกว่า” คุณลุงเห็นอย่างนั้นก็ยกมือเกาศีรษะ งุนงงกับสองพี่น้องที่ทำตัวน่าสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากนอกจากออกเรือไปทันที ปล่อยร่างแบบบางมองอย่างอาวรณ์แล้วค่อยปลดมือหนาออกจากเอวของตน
หันมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ โอกาสสุดท้ายที่จะหนีหมดลงแล้ว เพราะเขาคนเดียว
“นาย!”
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ...ฉันยังตักตวงจากเธอไม่พอเลย” ก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เห็นอย่างนั้นหล่อนก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ทำได้คือกำมือแน่นแล้วเม้มปากไม่ให้เผลอด่าเขา ไม่อย่างนั้นเรื่องมันอาจจะจบลงเหมือนครั้งก่อน
ร่างกายยังไม่พร้อมรับการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น