๔ รวบรัดสถานะ (๑)
๔
รวบรัดสถานะ
เสียงโวยวายขณะที่อนลอุ้มหญิงสาวพาดบ่าเพื่อกลับไปยังบ้านหลังงามที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ริมหาด กลายเป็นท่าประจำที่หล่อนไม่มีทางชิ้น ระหว่างนั้นก็บ่นไปเรื่อยไม่ปล่อยให้บรรยากาศเงียบ ทั้งเตะขากลางอากาศและใช้มือทุบแผ่นหลังหนา แต่ไม่มีทีท่าเขาจะสะเทือนสักนิด
กลับอุ้มอย่างมั่นคงเช่นเดิม พร้อมฟาดเน้นหนักที่บั้นท้ายงอนจนเจ้าของร่างต้องร้องครางด้วยความเจ็บเสียงดัง ปากก็บ่นให้คนตัวสูงที่ไม่ยอมปล่อยตนเป็นอิสระสักที
“ปล่อย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเวียนหัวจะตายอยู่แล้ว จะลากจะอุ้มแบบปกติไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเอาพาดบ่าตลอด มองกลับด้านมันเวียนหัวนะ ให้ฉันอุ้มนายแบบนี้บ้างไหมล่ะ” พยายามจะเงยหน้าเพื่อไม่ให้ทัศนียภาพกลับด้าน แต่เสียงที่แหลมเล็กสร้างความรำคาญให้เขาเป็นอย่างมาก
เขาภาวนาให้ถึงบ้านโดยเร็ว...ใช่ว่าอยากอุ้มหล่อนซะเมื่อไหร่
แต่รู้ดีว่าถ้าไม่อุ้มคงได้วิ่งไล่จับกันอีกนาน ดูท่าหล่อนอยากจะหนีไปจากเกาะแห่งนี้เต็มทน โชคดีที่เขาเข้ามาเห็นซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาในการตามตัวกลับมา
“เงียบสักนาทีมันจะตายไหม” ฝ่ามือหนักเน้นฟาดที่บั้นท้ายมน เธอเจ็บจนน้ำตาเล็กจึงทุบเขาแรงกว่าเดิมเพื่อเป็นการประท้วง
เพี๊ยะ
“โอ๊ย!! เจ็บ!” ร้องเสียงดังพลางดิ้นเมื่อเห็นว่าเท้าหนักก้าวเข้ามาในเขาตัวบ้าน แต่ก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยหล่อนเป็นอิสระสักที
สิ่งที่เขากระทำต่อตนมันน่าจะเพียงพอกับความแค้นที่ผ่านมาแล้ว หล่อนรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีนัก ชอบหาเรื่องให้อนลถูกดุจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายเสมอ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อย น่าจะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า
“ตาย ตายแน่ ฉันอยู่เงียบไม่เป็นหรอก อีกอย่างฉันจะด่าจนกว่านายจะสำนึกว่าทำอะไรลงไป ไอ้คนเห็นแก่ตัวรังแกได้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ฉันรอดไปเมื่อไหร่จะแจ้งความจับนายข้อหาข่มขืน” โต้กลับแล้วเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้นที่เขาทำจนหล่อนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ
คนฟังทนอยู่นาน เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนก็เข้าห้องนอนของหญิงสาวทันที แทบจะโยนเธอลงบนเตียงจนคนตัวเล็กเด้งตามที่นอนสปริง เชิดหน้าขึ้นพลางจ้องเขาตาเขียว เริ่มแผลงฤทธิ์ใส่ทันทีไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง
“โอ๊ย วางเบาๆ ไม่ได้หรือไง รู้จักคำว่าอ่อนโยนกับเขาบ้างไหม” เหวเสียงดังแล้วค่อยจัดท่าทางโดยนั่งขัดสมาธิบนเตียงกว้าง จ้องเขาไม่หลบสายตาไร้ซึ่งความเกรงกลัวจนอนลนึกหงุดหงิดใจ หรือเพราะใจดีกับเธอมากเกินไป
ทั้งที่ถูกข่มเหงกลับไม่อ่อนลงสักนิด...
“มีหลักฐานเหรอว่าข่มขืน” ถามเสียงเรียบ ซึ่งหล่อนก็แทบจะโชว์เนื้อหนังด้านในแต่ยั้งมือเอาไว้ ตอกกลับพลางเม้มปากแน่นยามนึกว่าตนถูกกระทำอย่างไรบ้าง
“มี! รอยตามตัวฉันเต็มไปหมด”
“คนทั่วไปเขาก็ทำกัน แค่นั้นไม่ถือเป็นหลักฐานได้หรอก ถึงเธอแจ้งความไปฉันก็รอด ไม่รู้หรือไงว่าเส้นสายฉันเยอะแค่ไหน ฉันไม่ใช่ไอ้เพลิงที่จะโดนครอบครัวของเธอกระทำฝ่ายเดียวแล้ว” มือหนายกขึ้นกอดอกไว้ ตอบอย่างไม่ยีหระหรือเกรงกลัวสักนิด รู้ดีว่าตนเองจะรอดจากคุกตารางแน่นอนเมื่อเส้นสายที่มีตอนนี้
ถึงจะฆ่าคน...ก็คงไม่ถูกจับ
ร่างบางนิ่งไปสักพัก เผลอนึกถึงอนลคนที่ตนสามารถโขกสับได้แม้จะอายุน้อยกว่าเขา ชายหนุ่มต้องยอมทำตามคำสั่งของเธอเสมอ แววตาคมแข็งกร้าวขัดกับการกระทำที่ยอมเป็นเบี้ยล่างของคุณหนูพระพายผู้เอาแต่ใจตัวเอง
“เพราะตอนนี้ฉันเป็นฝ่ายล่า...ไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป” เผลอสะดุ้งเมื่อร่างหนาโน้มใบหน้าเข้าใกล้ แสยะยิ้มอย่างร้ายกาจเพื่อเป็นการเยาะเย้ยดอกฟ้าที่ร่วงลงบนพื้น แถมถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือความสวยงามดังเดิม
“พูดอะไรของนาย ช่วยพูดให้คนอื่นเข้าใจด้วยได้ไหม ฟังแล้วสับสน” ผินหน้าไปทางอื่นไม่ยอมรับว่าตอนนี้ตนตกอยู่ในสถานะเหยื่อ และเขาคือคนที่คุมเกมทุกอย่าง
“ไม่ต้องเข้าใจหรอก ถ้าเธอรู้ว่าครอบครัวของเธอทำอะไรไว้กับพวกฉันบ้าง อาจจะไม่ศรัทธาพ่อตัวเอง” พึมพำเสียงเบาแต่เพราะอยู่กันเพียงสองคนหล่อนจึงได้ยินชัดเจน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันไม่เข้าใจสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ย
หลายครั้งที่อนลพูดจากำกวมถึงครอบครัวของหล่อน เหมือนว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในอดีต...แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ
“หมายความว่ายังไง ฉันถามว่าที่นายพูดมันหมายความว่าไง!” ตะคอกเสียงดัง ดูท่าเขาจะไม่ยอมบอกความจริงสักที
ร่างสูงไม่คิดจะบอกให้เธอทราบ คนไม่รู้ก็สมควรไม่รู้ต่อไป หล่อนจะได้เรียกร้องหาความยุติธรรม คิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนเขาก็จะสวมบทศาลเตี้ยเพื่อแก้แค้นให้แม่ของตนที่ถูกรังแกจนเป็นฝันร้ายมาถึงทุกวันนี้
“หึ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องตอบ แล้วอย่าคิดหนีไปจากเกาะอีก ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก” เลือกจะหันหลังให้คนที่จ้องตาวาว เธออยากรู้เรื่องแต่เขาก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรสักคำ ร่างบางไม่รอช้ารีบลุกแล้วเข้าไปคว้าแขนหนาเอาไว้
ความอยากรู้ของหล่อนไม่อาจทนรอไหว สิ่งเดียวที่เลือกทำคือคาดคั้นอนลให้พูดถึงเรื่องราวในอดีต ทำไมถึงเอาแต่โทษพวกเธออยู่ได้
ทั้งที่คนผิดคือเขาไม่ใช่เหรอ...
“นายมันบ้าอำนาจ ดีแต่รังแกคนอื่น ฉันไม่เชื่อสิ่งที่นายพูดหรอก ครอบครัวฉันเป็นคนดี นายมันก็แค่พวกชอบใส่ร้ายคนอื่นเพราะเห็นพวกเรามีความสุขมากกว่า” ตะโกนกลับแล้วทิ้งแขนลงข้างลำตัว เชิดใบหน้าท้าทายเหมือนเป็นการสุมไฟให้คนที่อารมณ์คุกรุ่น
เขาจับแขนเรียวแล้วดึงหล่อนเข้ามาใกล้ ตะโกนใส่หน้าเสียงดังเล่นเอาร่างแบบบางถึงกับสะดุ้ง แทบไม่กล้าสบดวงตาคมที่เหมือนมีประกายเพลิงอยู่ข้างใน
“ถ้าไม่รู้อะไรอย่าพูด!”
“แล้วฉันไม่รู้อะไรก็บอกสักทีสิ อมพะนำไว้อยู่นั่นฉันจะรู้ไหม ต่อให้ฉันจะเจ็บปวดหรือหมดศรัทธาในตัวคุณพ่อแต่ฉันก็อยากรู้ ถ้านายรู้มากนักก็บอกมา” โต้กลับไม่ยอมแพ้ เธอไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้เมื่อถูกกระตุ้นให้อยากรู้ความจริง
“พ่อเธอใส่ร้ายฉันเรื่องขโมยเพชรแล้วจับฉันเข้าคุก” พอทราบเรื่องนี้มาบ้าง แต่ตอนนั้นหล่อนถูกส่งไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ พอกลับถึงบ้านครอบครัวของอนลก็ย้ายออกหมดแล้ว บิดาบอกเพียงว่าร่างสูงขโมยเพชรของคุณแม่ จึงโดนตำรวจจับเข้าคุก
ตอนแรกหล่อนไม่เชื่อ...เพราะถึงอีกฝ่ายจะมีท่าทีแข็งกร้าวแต่ไม่ใช่คนจะลักเล็กขโมยน้อย
ทว่าพอเห็นกล้องวงจรปิดพร้อมคำบอกเล่าของบิดาที่ไม่น่าจะโกหก จึงเชื่อสนิทใจโดยไม่ถามไถ่อะไรอีก
“นายเป็นคนขโมยเอง อย่ามาใส่ร้ายคุณพ่อ...อีกอย่างไม่เห็นความจำเป็นที่คุณพ่อต้องทำอย่างนั้นสักหน่อย” เขาคิดไว้แล้วว่าเรื่องต้องเป็นอย่างนี้ หล่อนไม่มีทางเชื่อถึงจะอธิบายอย่างไรก็ตาม เหนื่อยจะรื้อฟื้นความหลัง
“หึ ความจำเป็นมันมีแน่ แต่เธอไม่ต้องรู้หรอก...รู้แค่ว่าสิ่งที่ฉันทำกับเธอถือว่าเป็นกรรมตามสนองครอบครัวเธอที่เลี้ยงไอ้ชั่วไว้ก็แล้วกัน” ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน นอกจากเรื่องนี้เหมือนยังมีเหตุผลอื่นให้ขุ่นข้องหมองใจกัน แต่หล่อนก็เลือกปัดทุกอย่างทิ้งแล้วโทษคนตรงหน้า
“ฉันงงไปหมดแล้วนะ นายมีปัญหาอะไรกับครอบครัวฉันนักหนา ไม่สำนึกบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เลี้ยงนายมาหรือไง คุณพ่อคุณแม่ฉันมีบุญคุณกับครอบครัวนาย แต่นายกลับพูดจาดูถูกท่านลับหลัง...” เธอเองก็รักบุพการีเหมือนกัน ไม่อาจทนให้ผู้อื่นดูถูกได้
แต่ทว่าคำพูดของอณิรดากลับสร้างความเคียดแค้นให้คนซึ่งถูกกระทำมาโดยตลอด มือหนาจับไหล่เล็กเอาไว้แล้วบีบแน่น ตะโกนถามกลับจนใบหน้าแดงก่ำ แทบจะบีบคนตรงหน้าให้แหลกคามือ
“บุญคุณเหรอ! แม่ฉันเกือบตายเพราะมัน เพราะมัน!” กำลังจะเอ่ยปากบอกให้ปล่อยจำต้องหยุดชะงัก
“น้าสิ น้าสิเป็นอะไร” เกือบบอกความจริงทุกอย่าง ทว่าพอคิดถึงผลที่ตามมาก็เลือกเก็บเงียบเอาไว้ดังเดิม ผลักร่างบางออกห่างตัวแล้วกำหมัดแน่น ความเจ็บช้ำทุกอย่างเก็บไว้เพียงลำพังไม่ยอมบอก ทุกคนเดินไปข้างหน้าแต่เขาไม่อาจปล่อยวางได้
พรูลมหายใจเสียงหนัก จ้องดวงหน้าหวานที่ยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากเค้นถามแต่คิดว่าเขาคงไม่ยอมบอก
“ต่อจากนี้ไปเธอจะอยู่ที่นี่ในฐานะนางบำเรอของฉัน ไม่ว่าฉันจะเรียกใช้ตอนไหนหรือเมื่อไหร่ เธอก็ต้องทำหน้าที่” ประกาศิตเด็ดขาดเหมือนผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี แต่อณิรดากลับนิ่งอึ้งเมื่อคิดถึงสถานะของตัวเอง
เสียตัวให้เขาไม่พอ ยังได้เป็นเพียงแค่คนบำเรอกาม มีหรือที่เธอจะยอมตกลงโดยง่าย จึงเอ่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เสียงดังฟังชัดแสดงถึงเจตนารมณ์ของตนเช่นกันว่าไม่ยอมทำตามความต้องการของเขา
“ไม่ ฉันไม่เป็น!”
“เธอขัดได้ด้วยเหรอ แต่สองสามวันนี้ฉันจะให้เธอพักก่อน รอฉันกลับมาค่อยทำหน้าที่” งานของเขายังไม่จบ ดูเหมือนการยักยอกเงินจะไม่จบแค่คนสองคน เขาต้องสาวให้ถึงตัวใหญ่กว่านั้น แต่ที่กลับมาเพราะเกรงว่าหญิงสาวจะใช้เล่ห์กลจนหนีออกจากเกาะได้
และมันก็เป็นจริง...เธอเกือบหนีไปได้
โชคดีเขาเห็นก่อน คงต้องกำชับทุกคนบนเกาะไม่ให้ช่วยเหลืออณิรดา จึงพอจะวางใจไปได้เปราะหนึ่ง
“นายจะไปไหน ฉันไปด้วย ฉันขอไปด้วยสิ...รับรองว่าจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน” เพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายจะได้เข้าเมืองโดยทิ้งตนไว้ที่นี่ก็รีบประวิงวอนขอความเห็นใจ เลิกสนใจเรื่องที่กำลังพูดคุยกันขอเพียงแค่ได้ออกไปจากที่นี่
หล่อนคิดว่าตนเองจะหาทางหลบหนีพ้นจากเขาได้ เพียงแค่ต้องทำให้อีกฝ่ายตกลงพาตนเข้าเมืองด้วยซะก่อน
“หึ คิดว่าฉันจะเชื่อเธอเหรอ ขนาดป้าปรุงเธอยังโกหกหน้าตายจนรอดสายตาเกือบหนีไปได้ ฉันไม่เชื่อเธอหรอก” แสยะยิ้มยามฟังคำล่อลวงของเธอ คนอย่างอณิรดาน่ะหรือจะเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ขนาดให้อยู่ในห้องหล่อนยังอ้อนป้าปรุงจนได้ออกไปข้างนอก
หากออกจากเกาะไม่พ้นหาทางหนีจนได้น่ะสิ...เขาขี้เกียจวิ่งไล่จับหนูตัวน้อยที่ไม่เชื่อง
“อยู่ที่นี่...แล้วก็ทำตัวดีๆ ไม่แน่ฉันอาจจะยอมให้เธอกลับบ้านก็ได้” ดวงตากลมวาววับเมื่อรู้ว่าเขาไม่ยอมพาตนไปด้วย เลือกจะข่มขู่เพื่อให้ตัวเองเหนือกว่า แต่กลายเป็นเรื่องขบขันให้อนลหัวเราะร่วน
“แม่ฉันจะต้องแจ้งตำรวจให้ตามหา นายไม่รอดแน่”
“อย่างนั้นเหรอ กลัวจังเลย ฉันกลัวจะไม่ถูกจับ...ช่วยแจ้งตำรวจมาจับฉันหน่อยสิ” ร่างหนาเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูเสียงดัง เห็นอย่างนั้นคนตัวเล็กก็โมโหจนแทบคลั่ง ตะโกนไล่หลังเสียงดังแม้รู้ว่าเขาไม่สนใจ แต่ขอให้ได้ระบายอารมณ์สักนิดก็ยังดี
“ฉันแจ้งแน่ไม่ต้องมาขู่!” ถอนหายใจหนักแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง
เกือบออกจากเกาะได้แล้วเชียว น่าเสียดายที่ตอนนี้ถูกจับมาขังไว้ในห้อง เพื่อรอเป็นนางบำเรอให้เขา...
ฝันไปเถอะว่าหล่อนจะยอม!