๔ รวบรัดสถานะ (๒)
กว่าจะยอมลงจากห้องก็เป็นเวลาเย็น ท้องฟ้าทาด้วยสีส้มนวล ตะวันดวงใหญ่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า หล่อนนั่งมองอยู่สองนาน ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ไม่เคยพานพบว่าสงบมากเพียงใด ชีวิตพลิกผันจนไม่มีเวลาให้ท่องเที่ยว
ถูกแฟนขายราวกับหล่อนเป็นเพียงสินค้าชิ้นหนึ่ง ถูกข่มเหงจากคนที่ตนเคยเหยียบย่ำ ทางรอดเดียวคือต้องเอาอกเอาใจเขา
แต่มันช่างยากซะเหลือเกิน..
คิดอยู่นานสองนานจนตะวันใกล้ลับขอบฟ้า จึงเลือกลุกยืนเต็มความสูง เปิดประตูบานหน้าเพื่อลงไปข้างล่าง เพียงแค่ได้กลิ่นหอมของอาหารก็ลอบกลืนน้ำลาย คิดว่าอีกไม่นานป้าปรุงต้องนำกับข้าวขึ้นโต๊ะอย่างแน่นอน เพียงแค่คิดก็น้ำตาซึม
เธอนึกถึงชีวิตแสนสุขสบาย ได้เป็นคุณหนูของบ้านปัญญาสถิต มีแม่บ้านล้อมหน้าล้อมหลังไม่ต้องคอยทำอะไรเอง...
พอออกมาอยู่ข้างนอกก็ต้องช่วยงานมารดาทุกอย่าง ลำพังท่านทำขนมขายเพื่อหาเงินอย่างเดียวก็เหนื่อยมากพอแล้ว ส่วนบิดาออกหางานแต่ก็ยากเพราะท่านอายุเยอะแล้ว ไม่ค่อยมีงานที่เหมาะเท่าไหร่ ตำแหน่งสูงก็มีการแข่งขันมาก ถึงท่านจะเคยเป็นประธานบริหารแต่ก็ไม่มีใครรับ งานที่ทำได้ตอนนี้จึงแค่เป็นลูกมือในการทำขนมให้ภรรยาส่งขายตามร้าน และรับทางออนไลน์
พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ป้าปรุงคะ พายขอโทษที่แอบหนี...ป้าถูกเขาดุหรือเปล่า บอกพายได้นะคะเดี๋ยวพายจัดการให้เอง นายจ้างไม่เป็นธรรมเราอย่าไปกลัวค่ะ” ป้าปรุงเดินออกจากห้องครัว ท่านจับเอวพลางบิดเล็กน้อยด้วยใบหน้าเหยเก
อณิรดาเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองแล้วถามท่านด้วยความเป็นห่วง แต่คุณป้าก็ส่ายหน้าทันทีพร้อมพูดถึงความดีของเจ้านายตัวเอง
“ป้าไม่ได้โดนดุเลยค่ะ คุณเพลิงดีกับป้ามากๆ คุณพระพายอย่าไปว่าเขาเลยนะคะ...คุณเพลิงยังซื้อชุดมาให้คุณพระพายแล้วฝากป้าจัดการอีกด้วย ถ้าป้ารีดเรียบร้อยจะจัดเรียงเข้าตู้เสื้อผ้าให้ค่ะ” ความดีนั้นเธอไม่รู้สึกซาบซึ้งสักนิด
“เหอะ ถ้าดีจริงก็ต้องพาพายกลับสิ จะมาขังไว้ทำไม” พึมพำเสียงเบา ป้าปรุงก็ไม่ได้ถามคาดคั้น เธอจึงพาท่านมานั่งอยู่ห้องรับแขก สำรวจห้องอีกครั้งเมื่อคิดว่าอาจจะมีโทรศัพท์บ้านเพื่อตนจะได้ติดต่อครอบครัว
ป่านนี้พวกท่านคงเป็นห่วงแย่แล้ว หายไปหลายวัน...
ไม่แน่มารดาอาจโทรแจ้งตำรวจแล้วกำลังตามหาเธอก็เป็นได้ อย่างนี้ค่อยมีความหวังจะได้ออกจากเกาะแล้วสิ
“บ้านนี้ไม่มีโทรศัพท์เหรอคะ”
“ไม่มีค่ะ แต่มีโทรทัศน์นะคะคุณพระพายดูคลายเหงาได้” แววตากลมฉายถึงความผิดหวัง ลืมคิดไปว่าคนรอบคอบอย่างอนลคงไม่เหลือช่องทางการติดต่อครอบครัวให้หล่อน จะถามเอาจากคนอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้
ทรุดกายลงนั่งแล้วมองจอโทรทัศน์ขนาดสี่สิบนิ้ว ไม่มีความอยากแตะต้องมันสักนิดจึงส่ายศีรษะทันทีเมื่อป้าปรุงถามจบ
“ไม่เอาหรอกค่ะ ป้าปรุงจะทำอะไรคะ ให้พายช่วยไหม” กลิ่นหอมโชยมาจากในครัว คาดว่าท่านคงยังทำอาหารเย็นไม่เสร็จ เธอจึงรีบเสนอตัวทันทีแม้ในอดีตจะไม่ค่อยได้เข้าครัว ถนัดกินอย่างเดียวมากกว่า แต่เรียนไว้ก็ไม่เสียหาย
“ป้าจะทำอาหารเย็นให้คุณพระพายไงคะ อยากกินอาหารทะเลหรือเปล่า เดี๋ยวป้าจะทำขึ้นโต๊ะให้เป็นพิเศษ” เอ่ยเอาใจเพราะรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า ท่านไม่มีลูกหลานอยู่เพียงลำพังมาตลอด อาศัยเล่นกับเด็กหลังเกาะคลายเหงาบ้าง
พอมีอณิรดามาร่วมชายคาจึงเอาใจเป็นพิเศษ อีกอย่างหล่อนก็ไม่ได้มีพิษภัยอย่างที่อนลเคยบอกไว้ เป็นเจ้านายตนเสียมากกว่าชอบรังแกร่างบาง
“อยากค่ะ หิวจะแย่ กินแค่ข้าวต้มตอนนี้ย่อยหมดแล้ว...มาค่ะเดี๋ยวพายช่วย ขอบอกว่างานครัวเป็นงานถนัด เอ่อ ถนัดค่ะ ล้างผักล้างเนื้อ พายช่วยได้หมด” รีบประคองคุณป้าเข้าห้องครัว หล่อนเห็นท่านเตรียมอาหารและต้มซุปหอมจนส่งกลิ่นโชยไปทั่วห้อง
กำลังจะโฆษณาตัวเองแต่ก็ต้องกลับคำเพราะทำอะไรแทบไม่เป็น ทอดไข่ง่ายๆ เธอยังทำไหม้มาแล้ว โดนมารดาสั่งห้ามเข้าครัวเพราะเกือบทำครัวพังมาแล้วหนึ่งรอบ
“แต่ว่าเรื่องรสชาติ...พายทำไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ป้าช่วยสอนหน่อยได้ไหมคะ” อ้อนตาแป๋ว ดึงทักษะการเป็นลูกคนเล็กช่างอ้อนมาใช้กับคุณป้าทันที
“อยากมัดใจคุณเพลิงใช่ไหมคะ” เอ่ยแซวจนหล่อนไปไม่เป็น รีบผละออกแล้วส่ายศีรษะพลางโบกมือเพื่อให้ท่านเชื่อ
“ปะ เปล่านะคะ พายไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย แค่อยากลองทำค่ะ อยากลอง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าสอนเอง...คุณเพลิงชอบทานสตูเนื้อ ลองทำดีไหมคะ” อณิรดาเลือกจะเงียบดั่งเดิม คิดทบทวนอย่างชั่วใจ อยากเอ่ยปฏิเสธแต่ไม่รู้ทำไมปากหนักจนพูดไม่ออก สุดท้ายจึงเลือกตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ค่อย ค่อยทำก็ได้ค่ะ” แก้มนวลแดงปลั่งจนคนมองอมยิ้มเอ็นดู ท่านพอจะมองออกว่าหญิงสาวคิดอย่างไรกับเจ้านายของตัวเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมถึงไม่ยอมคุยกันด้วยดี เจอหน้าทีไรเป็นต้องปะทะคารมตลอด
แล้วอย่างนี้จะลงเอยได้อย่างไร...
ผ่านไปสองวันที่ไร้เงาเจ้าของเกาะ หล่อนเบื่อกับการอยู่บ้านจึงขอตามป้าปรุงมาที่ท้ายเกาะ เริ่มสนิทสนมกับกลุ่มแม่บ้านที่ช่วยกันทำอาหารแห้งเพื่อรอสามีกลับจากฟาร์มไข่มุก ถึงจะมีเพียงแค่สิบหลังคาเรือน แต่คนก็ไม่ได้น้อยเลย บางบ้านมีผู้อาศัยถึงห้าคน รวมแล้วคนท้ายเกาะก็มีเกือบสามสิบคน
โดยเฉพาะเด็กที่มักส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเล่นสนุก จับกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมสรรหาเกมที่จะเล่นในแต่ละวัน หล่อนเห็นก็ขอร่วมวงด้วยตลอดจนสนิทสนมกับทุกคน กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มไปแล้ว
“แกละโกงพี่!” ร่างบางที่ตัวสูงสุดในกลุ่มเด็กเอ่ยแทรกทันทีเมื่อตนได้รับความไม่เป็นธรรม พวกเขากำลังเล่นเกมแปะแข็ง โดยกำหนดผู้เล่นหนึ่งถึงสองคนเป็นฝ่ายไล่จับ ส่วนที่เหลือเป็นฝ่ายวิ่งหนีโดยอยู่ในกรอบวงกลมที่กำหนด
คนถูกคนวิ่งไล่แตะตัวจะต้องยืนนิ่งแข็งเป็นหิน รอให้เพื่อนที่ยังไม่ถูกแตะมาจับตัวจึงจะคลายสภาพได้ อณิรดาเป็นฝ่ายวิ่งไล่แต่เด็กกลุ่มนี้ก็รอดซะทุกครั้งจนหล่อนเริ่มเหนื่อยจะวิ่งตาม ความเก่งกาจของเด็กน้อยคือว่องไวและตัวเล็ก สามารถหนีรอดจากการถูกแปะได้เกือบทุกครั้ง
แต่ที่สำคัญคือมีเด็กหนุ่มผู้ปราดเปรียวคอยช่วยเหลือเพื่อน เธอจึงรีบโวยวายทันทีพลางหอบหายใจ ไม่คิดว่าตนจะต้องพ่ายแพ้ให้คนอายุน้อยกว่า
“ไม่ได้โกงสักหน่อย” แกละยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ เล่นตามกติกาทุกอย่างเพียงแค่ใช้กลวิ่งหลอกล่อพี่สาวคนสวยจนอีกฝ่ายเหนื่อยเท่านั้น
“แกละออกนอกเส้นแล้ว เมื่อกี้พี่เห็นเต็มสองตาเลย” รีบท้วงทันทีแม้จะไม่เห็นก็ตาม เธออยากเลิกเล่นแล้วกลับบ้านไปนอนพัก เล่นมาทั้งวันเหนียวตัวไปหมด
“เปล่านะ พี่พายแพ้แล้วหาเรื่อง”
“อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยสิ หาว่าพี่แพ้แล้วพาลเหรอ แบบนี้ต้องโดนจิ้มพุง!” รีบโมโหกลบเกลื่อนแล้ววิ่งถลาไปหาเด็กน้อยที่แตกฮือไปคนละทาง แกละที่ไม่ชอบถูกจี้เอววิ่งไม่คิดชีวิต พลางเอ่ยร้องเสียงดังลั่นเรียกเสียงหัวเราะให้เหล่าแม่บ้าน
“ช่วยด้วย” อณิรดายิ้มเต็มปาก แววตาเปล่งประกายแห่งความสุข ไม่เหมือนกับคนที่ถูกจับมาทรมานอยู่บนเกาะเลยสักนิด หล่อนเหมือนได้ปลดปล่อยความเครียด ใช้ชีวิตสนุกอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง
เล่นจนเหนื่อยตะวันทอแสงอ่อนก็เดินกลับมายังบ้านหลังงาม ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้า ร้อนจากการละเล่นยังต้องมาเหนื่อยกับการเดินกลับที่พักอีก เขาน่าจะสร้างบ้านให้ใกล้กับคนงานมากกว่านี้หน่อย
เพียงแค่เท้าแตะเข้ามาในตัวบ้าน ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ทำให้คนตัวเล็กสดชื่นทันทีหล่อนสูดอากาศเข้าปอดค่อยทรุดกายลงยังโซฟานุ่ม หลับตาลงเพื่อพักผ่อนครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้จึงลืมตาตื่น
เห็นป้าปรุงเดินเข้ามาพร้อมน้ำเย็นก็ยิ้มกว้าง รีบรับจากมือท่านมาดื่มจนหมดแก้วโดยไม่เกี่ยงงอน
“ไปเล่นกับเด็กมาอีกแล้วเหรอคะ ไม่ใช่แอบหนีตอนคุณเพลิงไม่อยู่นะ” วางแก้วน้ำลงยังโต๊ะกลาง คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกสงสัย ทำไมหล่อนถึงถูกเมินจากผู้ชายทุกคน แค่เข้าไปถามเรื่องเรือก็โดนไล่ทันทีจนคิดว่าหากอยากเข้าฝั่งคงมีแค่วิธีเดียว
ว่ายน้ำ...
แต่หล่อนไม่ใช่พระมหาชนกที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลสำเร็จสักหน่อย กลัวจะหมดแรงตั้งแต่ยังไม่ทันถึงกลางทะเลแล้วกลายเป็นอาหารให้ปลาใหญ่กินน่ะสิ
“ถ้าพายหนีป้าปรุงจะเห็นพายยืนตรงนี้เหรอคะ ไม่หนีให้เหนื่อยหรอกค่ะ อีกอย่างไม่มีใครพาหนีด้วย ทุกคนดูกลัวพายหมดเลย ไม่รู้ตานั่นไปพูดอะไรกับชาวบ้าน” กอดอกอย่างครุ่นคิด ไม่ได้มองป้าปรุงที่แอบหัวเราะ
อนลสั่งคนงานชายที่มีเรือทุกคนไม่ให้พาหญิงสาวไปด้วย ให้เหตุผลว่าหล่อนคิดจะฆ่าตัวตายตลอดเวลา ภายนอกอาจร่าเริงแต่จิตใจข้างในแตกสลาย ถ้าไม่อยากเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ควรหนีห่างเธอเอาไว้เป็นการดีที่สุด
จึงไม่มีชายคนใดเข้ามาข้องเกี่ยวกับเธอ เพียงเท่านี้อณิรดาก็ไม่อาจขึ้นเรือหนีไปไหนได้...
“วันนี้คุณพายจะเรียนทำสตูอีกไหมคะ ป้าจะได้สอน” รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
วันก่อนสอนเธอทำสตูเนื้อทว่ากลับผิดพลาดไปหมด หญิงสาวคิดว่าวิธีทำไม่ง่ายแต่หากให้ทำคนเดียวก็ทำไม่ได้ จะให้ป้าปรุงช่วยตลอดไปก็ไม่ได้
ฝีมือการทำอาหารของเธอ...ไม่พัฒนาสักนิด
“ไม่ดีกว่าค่ะ พายเหนื่อยอยากไปพัก เย็นนี้ขออาหารเบาๆ นะคะ เน้นผักผลไม้ รู้สึกมาอยู่ที่นี่น้ำหนักจะพุ่ง ป้าปรุงทำอาหารอร่อยเกินไป” สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วค่อยลุกยืนเต็มความสูง หล่อนเลือกขึ้นไปพักเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสาม นอนสักสองชั่วโมงค่อยลงมาทำอาหารเย็น
“ป้าจัดให้ค่ะ” ยิ้มให้กันแล้วค่อยผละไปทำหน้าที่ของแต่ละคน
อณิรดาเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพราะเล่นคลุกดินคลุกฝุ่นกับเด็กๆ เกือบทั้งวัน ชำระร่างกายจนสะอาดค่อยสอดกายเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนา เธอชอบความรู้สึกที่เหมือนได้กลับมาเป็นคุณหนูพระพายอีกครั้ง
บางทีการอยู่บนเกาะก็ไม่ได้แย่เสมอไป อาจไร้อิสรภาพแต่เต็มไปด้วยความสุข หรือหล่อนจะลองเปลี่ยนวิธีการใหม่
ไม่ใช้ไม้แข็ง...แต่ลองใช้ไม้อ่อน
คิดพลางยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด หากเขากลับมาเธอคงต้องคุยถึงสถานะของเราใหม่แล้ว โอกาสยื่นมาตรงหน้าก็ต้องรีบรับเอาไว้สิ เสียตัวให้อนลต้องรีบตักตวง หรือหากเป็นไปได้ความฝันหล่อนอาจเป็นจริง
หลับไปทั้งที่รอยยิ้มยังแต้มมุมปาก กอดหมอนข้างเอาไว้แน่นจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ แรงยวบข้างเตียงพร้อมกับไอร้อนจากกายหนาแทบไม่ทำให้คนที่กำลังหลับใหลสะเทือน
ร่างแบบบางถูกกอดจากทางด้านหลัง แต่ดูเหมือนเธอจะยังคงหลับพริ้มไม่รู้เรื่อง เขาจึงเปลี่ยนจากกอดเป็นซุกไซ้ที่ซอกคอขาวหอมกรุ่น ไรหนวดขึ้นเป็นตอจากการไม่ได้โกน รบกวนคนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างมีความสุข
“อืม...อ่ะ อือ” พยายามย่นคอหนี แต่เขาก็ตามไม่ห่าง จนสุดท้ายหล่อนต้องลืมตาตื่นแล้วรีบเหลียวมาดูว่าใครเป็นคนก่อกวน เพียงเห็นดวงหน้าคมก็รีบดีดตัวลุกนั่งบนเตียง กอดผ้าห่มเอาไว้เหมือนเป็นเกราะป้องกันตัว
“นาย! ทำบ้าอะไรเนี่ย ออกไปให้ห่างเลยนะ” ดวงตากลมวาวโรจน์ที่ถูกเอาเปรียบตอนกำลังนอนหลับ
“เจอหน้ากันก็ไล่เลยเหรอ ลืมหรือไงว่าเธออยู่ในฐานะอะไร สงสัยจะลืมเดี๋ยวฉันย้ำ..” เขามีความสุขที่ได้ยั่วโมโหคนตรงหน้า กำลังจะโถมกายไปกอดเธอแต่ก็ต้องชะงักเพราะอณิรดาแทรกกลางปล้องจนเขาเองที่อึ้ง
“แฟน อยู่ในฐานะแฟนไง” คิ้วหนาขมวดมุ่น เขาจำได้ว่าไม่เคยขอให้หล่อนเป็นแฟนสักครั้ง
ไม่สักนิดแม้แต่เศษเสี้ยวความคิด
“ว่าไงนะ แฟนเหรอ” พึมพำกับคนตรงหน้า
“ใช่ เราเป็นแฟนกัน เพราะนายทำ...ทำมิดีมิร้ายกับฉัน แต่การเป็นผัวเมียฉันว่ามันข้ามขั้นเกินไป เป็นแฟนไปก่อนแล้วกัน ไว้ให้ฉันควบคุมความประพฤติของนายว่าจะพัฒนาไปได้มากกว่านั้นหรือเปล่า” คิดอย่างถี่ถ้วนถึงสถานะที่ควรจะเป็น เธอไม่อาจยอมรับว่าตนจะเป็นได้แค่เพียงนางบำเรอ
จึงรีบใช้โอกาสเพื่อเปลี่ยนสถานะระหว่างเราให้พัฒนาไปมากกว่าการเป็นเพียงแค่คู่นอน...