แยกย้าย
“ไม่เห็นต้องกลัว”พูดตามที่คิดทัพกล้าเช่นไรจึงจะยุ่งกับหอนางโลมไม่ถูกนัก
“หากทหารที่จากบ้านมานาน ผ่านมาพบเจ้าเข้าไม่แคล้วต้องถูกย่ำยี”พี่สาวรีบพูดเรื่อง
จริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในยามที่มีศึกสงคราม
“ย่ำยี ได้อย่างไรกัน”
“ ในการสงคราม ไม่มีใครกล่าวโทษใครหรอก ทางที่ดีหาทางเอาตัวรอดก่อนไปรวมกันด้านใน รอท่านแม่สือหยูหาทางหนีทีไล่ให้พวกเราก่อน”
ที่นั่นหลายคนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นอาภรณ์ของชาวบ้านปกติ พี่สาวจับเฟิ่งหลิวแต่งตัวมอมแมม ปาดเขม่าป้ายทั่วใบหน้าดึงผมที่เกล้ารัดไว้บนศีรษะให้ยุ่งเหยิง
“ เจ้าสวยไป แต่ต้องไปแล้วมากับข้าเฟิ่งหลิว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปข้ากับเฟิ่งหลิวจะมุ่งหน้าลงทางใต้หากมีวาสนาจึงจะได้พบกันพวกเจ้าเลือกหยิบเอาของมีค่าแล้วแต่ว่าใครจะนำติดตัวไปได้ข้าไม่หวงแล้ว”เฒ่าแก่เนี้ยสือหยูฉุดแขนเฟิ่งหลิวให้ตามไป หญิงงามในหอนางโลมต่างปาดน้ำตาในเมื่อเข้าตาจนอยู่แบบนี้สบายมานานพอถึงครั้งนี้จึงเคว้งคว้างจะไปทางไหนก็ไม่อาจตัดสินใจ แต่เฟิ่งหลิวใครๆ ก็เอ็นดูโดยเฉพาะสือหยูที่ไม่ใช่แค่เอ็นดูแต่กำลังคิดว่าเฟิ่งหลิวคือ ความหวังเพราะความขยัน และชื่อเสียงของเฟิ่งหลิวและความที่ยังไร้มารยาและอายุน้อยที่สุดในหอนางโลมแห่งนี้และอนาคตจะต้องเป็นเพชรเม็ดงามและทำเงินให้อีกมาก
“ท่านแม่ นายหญิงพวกข้าอยากไปกับท่าน”
“อย่าชักช้า หากใครพร้อมจะไปก็มากับข้าหากใครคิดว่าเอาตัวรอดได้ก็ไปตามทางไว้ยามสงครามเช่นนี้เราตะต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน”หลายคนลังเลเฟิ่งหลิวเองซึ้งใจสือหยูไม่น้อยที่ไม่โดดเดี่ยวเฟิ่งหลิว
ม้าศึกพุ่งทะยานออกจากที่ตั้งทัพของกองทัพแคว้นใต้ แม่ทัพผู้กล้าแกร่งสวมชุดเกราะที่ทำจากโลหะบุกตะลุยอยู่ด้านหน้า ศึกครั้งนี้แคว้นเหนือหมดปัญญาต่อสู้ก็ในเมื่อกองทัพของแคว้นใต้ ทั้งฮึกเหิมและแข็งแกร่ง ใช้เวลาไม่นานก็บุกทะลวงด่านหน้าเข้าไปในเขตวังหลวงผู้คนแตกตื่นต่างหนีตาย ทั้งๆที่ทหารของแคว้นใต้ถูกย้ำมาหนักหนาว่าห้ามรังแกปล้นสะดมหรือกลั่นแกล้งราษฎร การศึกครั้งนี้แค่เพียงสร้างแสนยานุภาพให้แคว้นเหนือเห็นว่า การที่ไม่ยินยอมทำตามข้อเสนอของแคว้นใต้จะมีผลลัพธ์เป็นเช่นไร
แต่ชาวบ้านต่างขวัญเสียวิ่งวุ่นวายอลม่าน แม่ทัพผู้เกรียงไกร ก้มลงเบื้องหน้า ร่างสูงสง่าบนอาชาสีขาวดุจปุยนุ่นตัดกับอาภรณ์สีดำขลิบแดง ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปเทพสร้าง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีหญิงใดปฏิเสธเขาได้
“ฝ่าบาท บัดนี้กองทัพของเราควบคุมทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
“ห่าว (ดี) องค์หญิงของแคว้นเหนือร่ำลือไปทั่วเจ็ดแคว้น ว่างามหาหญิงใดเปรียบเปรยกล้าปฏิเสธที่จะมาเป็นฮองเฮาของข้า”
“ฝ่าบาทฮ่องเต้แคว้นเหนือยอมจำนนเพื่อเห็นแก่ราษฎร เชิญฝ่าบาทเข้าไปในวังหลวงได้แล้ว เพื่อชื่นชมดสมนัสกับชัยชนะในครั้งนี้”
“เตรียมเกี้ยว ข้ารับเพียงองค์หญิงของแคว้นเหนือกลับแคว้นเราเท่านั้นห้ามสร้างความเดือกร้อนให้กับแคว้นเหนืออีกต่อไปเช่นนั้นข้าคงไม่มีหน้ามองหน้าองคืหญิงของแคว้นเหนือที่มารับในตำแหน่งฮองเฮา”
“รับบัญชาฝ่าบาท”ท่านแม่ทัพโบกมือให้ทหารเตรียมเกี้ยวตามบัญชาของหมิงซื่อฮ่องเต้
กระตุกบังเหียน ให้ม้าเหยาะย่างสำรวจบริเวณโดยรอบกระโดดลงจากหลังม้าพยุงหญิงชราที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น หญิงชรายิ้มให้หมิ่งซื่อกลับยิ้มได้สว่างสดใสกว่าทำเอาทั้งโลกสว่างไสว
ข้างกันนั้นหอนางโลมนางคณิกาแตกตื่นวิ่งหนี ร่างอ้อนแอ้นแต่ทว่าใบหน้ามอมแมมเปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าควันของหญิงนางหนึ่งวิ่งหันหน้าหันหลังชนเข้ากับร่างสูงของหมิงซื่อที่รวบเอวบางไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น ตาสบตาใบหน้างดงามจนไม่อาจบรรยายดวงตาสวยใส ไร้จริตมารยา หากแต่การแต่งเนื้อแต่งตัวหาได้งดงงามอย่างหญิงคณิกาทั่วไปไม่ใบหน้าเปื้อนฝุ่นควัน หรือนางจงใจแต่งตัวเพื่อหลบหนี
หมิงซื่อตกตะลึงจังงัง สายตาสบเข้ากับดวงตาใสก่อนที่ร่างเล็กในอ้อมแขนจะดิ้นหลุดแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หมิงซื่อเผลอยิ้มขำกับอาการตกตะลึงที่ตัวเองเป็นอยู่หญิงงามมากหน้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามา จะมีสะดุดตากี่มากน้อยกันยกเว้นองค์หญิงสิบสี่ผู้นั้น