เสน่หาอี้จีฝึกหัด

66.0K · จบแล้ว
จันทร์ส่องแสง
56
บท
989
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา

นิยายจีนโบราณแม่ทัพฮ่องเต้พลิกชีวิตองค์หญิงรักหวานๆดราม่าจีนโบราณ

หอเทียนถาง

เฟิ่งหลิวสาวน้อยรูปร่างหน้าตาต่างจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไปผิวเนื้อผุดผาดขาวราวหยกขาวต้องแสง ปากคอคิ้วคางดุจงานสรรค์สร้างจากปลายพู่กันของจิตรกรเอก แต่รูปร่างเล็กเหมือนหญิงชาวบ้านที่อดยากขาดแคลนอาหารดีๆ หากพินิจให้ดีเสียหน่อย เฟิ่งหลิวนับว่าโดดเด่นไม่น้อยแต่ใบหน้ากลับขะมุกขะมอมด้วยความทุกข์เข็ญ หอบห่อผ้ากอดร่ำลามารดาที่อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ที่อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มือกร้านลูบหัวเฟิ่งหลิวไปมา

“แน่ใจแล้วหรือ”เฟิ่งหลิวฝืนยิ้มพยักหน้าช้าๆ

“ปีนี้ เฟิ่งหลิวสิบสามแล้ว ท่านแม่ก็ลำบากที่หอเทียนถางมีงานพอให้ทำได้ ท่านแม่ไม่ต้องกังวล เฟิ่งหลิวแค่ไปช่วยเขาทำงานรับใช้ในหอนางโลมหาได้เข้าไปเป็นนางคณิกาไม่”มารดายังปล่อยน้ำตาไหลริน กล้ำกลืนกับความว่าใจกล้ามีเส้นบางๆฟ่งหลิวนางกล้ำกลืนเสียมากกว่า

“เอาไว้ เฟิ่งหลิวกลับมาเยี่ยมท่านแม่บ่อยหน่อย”กอดรอบเอวมารดาแน่น

“เฟิ่งหลิว เฟิ่งหลิว”

เถ้าแก่เนี้ยของหอเทียนถางที่อดีตก็คือนางคณิกามีชื่อพอแก่ตัวมีเงินเก็บบ้างก็เปิดโรงน้ำชาและหอนางโลมจนเป็นที่รู้จักกันดี เดินวนรอบๆ เฟิ่งหลิว

“ไม่เลว ไม่เลวแต่ ทรวดทรงเอวกับท่อนไม้เช่นนี้เห็นทีต้องบำรุงกันอีกหน่อย”ดวงตาเป็นประกายหญิงนางนี้หากดูแลดีดีแต่งองค์ทรงเครื่องเสียหน่อยนางจะงดงามเพียงใดกันรอให้มีหน้าอกหน้าใจรอให้ย่างเข้าสู่วัยสาวนางจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของหอเทียนถาง

“เฟิ่งหลิวมิได้ต้องการเข้ามา เป็นนางคณิกา”

“อิอิอิ เข้ามาใหม่ๆ ใครๆก็พูดเช่นนี้ต่อมาเสียงก้อนเงินกระทบกันมักจะละลายคำพูดของพวกนางไปจนสิ้นเห้นไหมพวกนางก็เคยพูดคำนี้ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่าพวกนางล้วนสนุกกับเงินทองที่ไหลมาเทมา”

หัวเราะเสียงใสชี้มือไปยังเหล่านางคณิการุ่นพี่ที่ยืนรายล้อม

“แต่เฟิ่งหลิวแค่...ต้องการหาเงิน ไปให้ท่านแม่ท่านแม่จะได้ไม่ต้องลำบาก”

“อืม...ความจริงหากจะไม่ขายตัวก็เพียง ไม่สิต้องฝึกฝนตัวเองให้เป็นอี้จี”

“อี้จี”เฟิ่งหลิวทวนคำเบาๆ

“ก็อี้จีมีหน้าที่ให้ความสำราญแต่เป็นแค่เพียงด้านเสียงเพลงและเพื่อนเดินหมากซึ่งเจ้าจะต้องหัดเดินหมากให้เก่ง และเล่นพิณหรือกู่เจิ้ง ผีผาสักอย่างได้ไพเราะบวกกับหน้าตาที่งดงามไม่จำเป็นต้องขายตัวอย่างพวกเราก็ได้ หรืออาจะจะขายให้เฉพาะคนที่เจ้าพึงใจหรือเงินหนาเพื่อโก่งราคาตัวเจ้าว่ารับแขกเพียงน้อยนิด”

“เหมือนกับล่อหลอกเอาเงินเช่นนั้นหรือ”

“ใครบอกเจ้ากัน อี้จีแค่อาศัยใบหน้าที่งดงามและความสามารถในด้านดนตรี และการเดินหมากให้ความสำราญกับพวกเขาในอีกแบบหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ได้หลอกลวงใคร เราต่างทำงานแลกเงินทุกคนล้วนทำงานแลกเงิน”

“แล้ว หากมีใครต้องการตัวเราเล่า แล้วข้าจะเลือกได้อย่างที่ท่านบอกหรือ”

“อิอิอยู่ที่เจ้าแล้วว่าจะเต็มใจหรือไม่ หากเจ้าฉลาดพอก็แค่พูดจาหว่านล้อมบ่ายเบี่ยง เพื่อหาคนจริงใจ แต่หากเจ้าใจไม่แข็งพอก็จะ ยอมทอดกายให้พวกมากรักได้เช่นกัน คนพวกนี้มากรักไม่มีรักแท้ในหอนางโลมหรอกเด็กน้อยเงินเท่านั้นที่สำคัญเจ้าอย่าได้หลงใหลบุรุษรูปงามเช่นคนโง่งม นั่นเท่ากับทำลายงานดีดีของเจ้าไป”เฟิ่งหลิวคิดตาม

“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะ”

“หากมีชื่อเสียง มีคนต้องการตัวย่อมมีโอกาสหลอกล่อเงินทองของกำนัลเจ้าคิดเอาล่ะกันว่าความรัก”เฟิ่งหลิวยิ้ม อยู่ข้างนอกนั่นทุกวันนี้ก็แค่ หาทางหลอกล่อเงินทองจากคนอื่นเหมือนกัน บางครั้งก็แกล้ง เป็นคนพิการบางครั้งก็แกล้งเป็นคนป่วย แกล้งตาบอดก็ยังเคย

ตั้งแต่นั้นมาทุกวันของเฟิ่งหลิวจึงผ่านไปด้วยการฝึกฝนอย่างหนักทั้งทำงานในหอนางโลมสารพัดที่จะถูกเรียกใช้ แล้วยังจะต้องฝึกเพลงพิณดีดกู่เจิ้ง และเดินหมาก

สี่ปีผ่านไป

เฟิ่งหลิวบรรเลงเพลงพิณหวานแววฟังแล้วเคลิบเคลิ้มล่องลอยชวนให้อยากพบหน้าคนบรรเลงเพลงพิณ

“เอาหละ เฟิ่งหลิว ข้าคิดว่าถึงเลวจะต้องให้เจ้าได้เปิดตัวเสียทีหลายปีมานี้ฝึกอย่างหนักอีกทั้งยังสั่งสอนเจ้าในเรื่องกิริยาและการวางตัวต่อไปหวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”นายหญิงของหอเทียนถางนาม สือหยูเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหลายปีมานี้ทั้งเคี่ยวกรำทั้งดุด่าแต่เฟิ่งหลิวนางไม่เคยปริปากสักคำจนในสุดเฟิ่งหลิวก็กลายเป็นเพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียนัยโดยสือหยู รอเวลาอวกโฉมเปล่งแสงให้ผู้คนได้ตกตะลึง และเมื่อนั้นเงินทองจะไหลมาเทมาที่หอเทียนถาง