บท
ตั้งค่า

ข้าคือเฟิ่งหลิว

“เฟิ่งหลิว ข้าคือเฟิ่งหลิว บอกแล้วว่าไม่ใช่องค์หญิงอะไรนั่น” ไหนเขาบอกว่าแค่ดื่มชา งานง่ายๆ ก็จะได้เงินอย่างไรเล่า

“เสี่ยวหาน”เสี่ยวหานวิ่ง เข้ามาในกระโจมใหญ่

“นางคือใคร สวมรอยมาได้อย่างไรแล้วองค์หญิงสิบสี่ของแคว้นเหนือเล่า” เสี่ยวหานก้มลงคุกเข่าเบื้องหน้า

“ ข้าน้อยสมควรตาย”เฟิ่งหลิว ส่ายหน้าสมควรตาย

“ไม่ได้สวมรอย”

หมิงซื่อ ผลักเฟิ่งหลิวให้ล้มลงไปกองกับพื้น

“บอกมาองค์หญิงสิบสี่อิงเผย หนีไปทางไหน”ตวาดดังลั่น

“ใครจะรู้เล่า ตื่นมาก็มาอยู่ในอาภรณ์ชุดนี้แล้ว”ที่เคยถูกสั่งสอนมาลืมไปจนสิ้นครางนี้แค่เพียงเอาชีวิตรอดไปได้ก็พอ ว่าแต่ว่าใคร จับเฟิ่งหลิวเปลี่ยนชุดหนอ

“ นำม้ามา ข้าจะออกตามหาองค์หญิงสิบสี่ นำนางไปขังรอการไต่สวน”คนอะไรใจร้าย หน้าตาก็ดี แต่ทำไมใจร้าย

“หา อย่านะอย่าเข้ามานะ”เสี่ยวหานโดนทั้งหยิกทั้งข่วนจนเข้าไม่ถึงตัว หมิงซื่อยืนมองอยู่นาน ก่อนจะตวัดมือใช้อ้อมแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียวรวบร่างบางมาแนบอก มืออีกข้างกำมือบางที่กำลังหยิกข่วนเสี่ยวหานอยู่

...หมดฤิทธิ์…

“ปล่อยนะ”ปากไวเท่าความคิด

กัดฉับเข้าที่แขนแข็งแรงของหมิงซื่อ

“โอ๊ย”แต่ไม่ยอมปล่อยกลับรวบแน่นกว่าเดิมจ้องตาคมดุดัน

“บังอาจ” หญิงผู้นี้เป็นนางคณิกาแต่ทำเหมือน ไม่เคยต้องมือชายกระนั้น ร้อยเล่ห์มารยาไม่น้อยคงนึกว่าเขาจำนางไม่ได้หรือไร

เฟิ่งหลิวยกเท้าขึ้นกระทืบเท้าของหมิงซื่อเต็มๆ คราวนี้อ้อมแขนคลายออกโดยง่าย เสี่ยวหานยกมือขึ้นปิดตาเมื่อใบหน้างามยิ้มอย่างมีชัยหันหน้าหนี มือใหญ่แข็งแรงรวบผมยางสลวยที่ท้ายทอยจนตึงขยับตัวไม่ได้ดึงตัวมาใกล้ ก้มลงบดริมฝีปากกับปากบาง เฟิ่งหลิวตาโต ยกมือขึ้นดันออกกว้างแต่ไม่สำเร็จ เสี่ยวหานปิดตาแน่น หมิงซื่อถอนริมฝีปากออก เมื่อพบว่าเฟิ่งหลิวกลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟอ่อนระทวยในอ้อมแขนหมิงซื่อต้องพยุงไว้ นี่ก็แสร้งเป็นอ่อนระทวยในอ้อมแขน เหมือนกับจูบแรกกระนั้นหรือเมื่อลิ้นอุ่นของนางกับแข็งทื่อ นางเหมือนไม่เคยถูกจูบหรือเรียนรู้การจูบมาก่อน

“เก่งจริงๆ เสี่ยวหานพานางไปได้แล้ว”

ความหมายของเขาคือนางช่างแสดงละครได้เก่งจริงๆ เขาเกือบจะเชื่อว่าเป็นจูบแรกของนาง ดึงสายรัดเอวออกจากตัวผูกมือเฟิ่งหลิวไว้แน่น เสี่ยวหานอมยิ้ม หมิงซื่อส่งปลายสายรัดเอวให้เสี่ยวหาน

“ฝ่าบาท หลานซานมาช้าไป”หมิงซื่อโบกมือว่าไม่เป็นไร ฝ่าบาทเลยเหรอ ว่าแต่ฝ่าบาทใครเล่นตลกอะไรกัน เฟิ่งหลิวก็แค่เด็กสาวที่ขายตัวเองเข้าไปอยู่ในหอคณิกาอยู่ๆ ทำไมถึงต้องมาเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้

“นำนางไปขังไว้ จับตาดูนางให้ดี” ชักไม่ชอบมาพากลแล้ว ฝ่าบาทอะไรนั่นจะประหารเฟิ่งหลิวหรือไม่หากเขาโกรธขึ้นมาอาจสั่งประหารทันที

“องค์หญิงสิบสี่อิงเผย หายไปอย่างไร้ร่องรอยไว้ พรุ่งนี้ข้าจะไต่สวนนาง ตอนนี้ต้องออกติดตามองค์หญิงก่อน”แม่ทัพอวิ้นกุยคุกเข่าข้างหน้า ตาเหลือบมองเฟิ่งหลิวสายตาไม่สู้ชอบใจนัก

“ฝ่าบาท อย่าทรงกังวลไป ข้าขันอาสาตามหาองค์หญิงเอง เส้นทางคดเคี้ยวบุกป่าฝ่าดงฝ่าบาทอาจเกิดอันตรายได้”น้ำเสียงห่วงใยจริงจัง

คนอะไรจะมีคนยอมทำเรื่องยากๆ แทนแบบนี้ต้องไม่เป็นคนดีมาก ไม่ก็คงชอบบังคับคนอื่น แต่อาจจะเป็นอย่างหลัง

"ฝากท่านแม่ทัพเป็นธุระด้วย"

"น้อมบัญชาฝ่าบาท ข้าน้อยอวิ้นกุยแม้ตายก็จะนำองค์หญิงกลับมาให้ได้"หมิงซื่อรับปลายสายคาดเอวจาก เสี่ยวหาน

“ข้านำนางไปไว้ในกระโจมของข้า นางเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเจ้าอาจหลงกลนางได้”

น้ำเสียงเหมือนจะสัพยอกเสี่ยวหาน แต่เฟิ่งหลิวกลับรู้สึกว่าเหมือนเยาะหยันอย่างไรชอบกล เอาสิเอากับเขาหน่อยนั่งลงกับพื้นไม่ไปไหนนั่งจุมปุกอยู่แบบนั้น

“ลุกขึ้น”ออกคำสั่ง

“ไม่ ปล่อยข้าไปเถิด”หมายความอย่างที่พูดจริงๆ จากนี้ไปคงหาทางกลับบ้านเองได้ไม่ยากแต่หากไกลออกไปเล่า หลับตาไม่สนใจสิ่งที่หมิงซื่อพูด

“ไม่ลุกข้าจะให้ พวกทหารมายกเจ้าขึ้น” หญิงงามคนนี้ช่างเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวสมกับเป็นนางคณิกาที่คงผ่านผู้คนมามากหน้าในแต่ละค่ำคืนจึงมีฤทธิ์มีเดชเช่นนี้

“หากไม่ปล่อยข้าจะนั่งอยู่อย่างนี้ เชิญเลยจะทำอย่างไรก็เชิญ”หมิงซื่อยิ้มมุมปาก

"เสี่ยวหานเรียกทหารเข้ามาสักสองคนหามแม่นางคนนี้ไปที่กระโจมของข้า"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel