๔.๓ หวานรักรามาวตี
“หรือว่าตอนนี้ลูกสาวแม่กำลังมีความรักกันนะ”
“คุณแม่พูดอะไรก็ไม่รู้ เรง่วงแล้วล่ะค่ะ... ฝากหอมแก้มคุณพ่อด้วยนะคะ เรรักคุณแม่ค่ะ” รามาวตีรีบหาเรื่องวางสายเมื่อผู้เป็นมารดาพูดเฉียดความจริง
บรรยากาศด้านนอก... สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง นำพาความสดชื่นมาสู่ไอดินและสรรพสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
รามาวตียังนั่งเช็ดผมต่ออยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่ทันใดนั้นมือบางก็ต้องรีบยกขึ้นปิดปากเมื่อรู้สึกคันจมูกยิบๆ ไม่ถึงอึดใจก็จามออกมาติดๆ กัน
“สงสัยหวัดจะเล่นงานแล้วเรา” สาวน้อยบ่นพึมพำ ก่อนจะรีบเช็ดผมให้แห้งแล้วคลานขึ้นเตียง
อากาศที่เย็นสบายและเสียงฝนพรำๆ ทำให้รามาวตีผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่แทนที่จะหลับสนิทกลับกลายเป็นนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน
รุ่งเช้า...
คิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากัน ที่วันนี้ไม่เห็นคู่หมั้นสาวมายืนรอที่ลานหน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน เขาโคลงศีรษะไปมาเพราะคิดว่ารามาวตีเลิกสนุกหรือไม่ก็ทนสู้งานในไร่ไม่ไหววันนี้เลยไม่มา แต่เมื่อนึกถึงแววตาที่กระตือรือร้นและท่าทางที่ไม่ย่อท้อต่อไอแดดไอฝน ก็ดูจะปรักปรำหล่อนเกินไป
“หรือว่าจะไม่สบาย” เสียงทุ้มพูดกับตัวเอง
เมื่อความคิดนั้นผุดพรายขึ้นในสมอง ร่างสูงกำยำจึงกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง สั่งแววให้ขึ้นไปดูรามาวตีที่ห้อง สักพักแววก็กลับลงมารายงานด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“นายหญิงไม่สบายค่ะนาย ตัวร้อนจี๋เลย”
“ถ้างั้นเธอไปเตรียมน้ำกับผ้าขนหนู แล้วยกตามขึ้นไปนะ” เขาสั่งอีกครั้ง ก่อนจะรีบย่ำเท้าถี่ๆ ขึ้นบันไดไปชั้นบนด้วยความร้อนใจ
ประตูห้องถูกผลักเข้าไปโดยไม่ได้เคาะ ชายหนุ่มปราดเข้าไปที่เตียงทันที จากนั้นที่นอนของหล่อนก็ยุบยวบลงด้วยน้ำหนักตัวของคนที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ใบหน้าคมคายชะโงกเข้าไปใกล้ๆ มองดูใบหน้าอ่อนหวานที่ตอนนี้ซีดเผือด คิ้วเรียวได้รูปนั้นกระตุกเบาๆ เหมือนกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย
มือหนายกขึ้นอังหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุที่กรุ่นอยู่ใต้อุ้งมือของเขา
แววตามเข้ามาในห้อง สองมือประคองอ่างน้ำและผ้าสำหรับเช็ดตัวคนไข้มาวางไว้ที่โต๊ะข้างๆ หัวเตียง
“ขอบใจมากแวว ฉันจะเช็ดตัวให้เขาเอง เธอไปเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนให้นายหญิงก็แล้วกัน” เขาสั่งสาวใช้
แววรับคำแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของว่าที่นายหญิง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหันไปชำเลืองมองผู้เป็นนายซึ่งกำลังเอาผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดหน้าผากและรอบคอที่ร้อนผ่าวๆ เพราะพิษไข้ให้ว่าที่นายหญิง
ชายหนุ่มเช็ดตัวอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งรู้สึกว่าอาการทุรนทุรายของร่างบอบบางนั้นผ่อนคลายลง ลมหายใจราบเรียบสม่ำเสมอขึ้น จึงสั่งให้แววมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คู่หมั้นสาว ก่อนที่ร่างสูงจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้อง...
ปฏิภาณโทร.ตามหมอให้มาตรวจอาการของรามาวตี เมื่อหมอมาถึงสาวน้อยก็ยังอยู่ในอาการหลับใหลไม่ได้สติเช่นเดิม หมอตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วระบุว่ารามาวตีป่วยเป็นไข้หวัดจึงฉีดยาและจัดยาให้อีกชุดหนึ่ง
เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่าย... แพขนตางอนยาวของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มกะพริบถี่ๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลีย
ชายหนุ่มลูบมือไปที่หน้าผากมนสวยนั้นพร้อมทั้งกระซิบเสียงนุ่ม
“ตื่นแล้วเหรอแม่จอมยุ่ง”
ใบหน้าสวยหวานเอียงมามองคนที่นั่งเอนพิงพนักเตียงอยู่ข้างๆ ก่อนจะเปล่งเสียงอันแหบแห้งออกไป
“เรปวดหัวจังค่ะ... ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”
“บ่ายสอง...”
“ตายแล้วทำไมเรตื่นสายขนาดนี้ วันนี้เรต้องไปตัดองุ่นต่อนี่นา องุ่นยังตัดไม่เสร็จเลย” สาวน้อยคร่ำครวญและพยายามจะยันกายลุกขึ้น
ชายหนุ่มส่ายศีรษะพร้อมทั้งเอื้อมมือมากดไหล่กลมกลึงให้นอนลงไปเหมือนเดิม
“เอาไว้วันหลังเร วันนี้คุณไม่สบายนอนพักผ่อนนะ”
“แล้วคุณไม่ออกไปตรวจไร่เหรอคะ?”
“ไปมาแล้ว” ปฏิภาณตอบส่งเดชไปอย่างนั้น จริงๆ แล้ววันนี้เขาอยู่เฝ้าหล่อนทั้งวันยังไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ
“แล้วที่ไร่เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ตัดองุ่นได้เยอะหรือเปล่า” คนป่วยยังซักไม่หยุด
“ก็เยอะตามปกติ” เสียงทุ้มตอบเรียบๆ
“เสียดายจัง อยากไปช่วย”
สาวน้อยบ่นพึมพำ พลางยกมือเรียวบางทั้งสองข้างวางบนหน้าอกตัวเอง แต่แล้วก็ต้องหน้าร้อนวูบวาบ เมื่อรู้ตัวว่าโนบรา มิหนำซ้ำชุดที่สวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นชุดใหม่ ไม่ใช่ชุดที่หล่อนใส่นอนเมื่อคืนนี้
“ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรคะ?” คนป่วยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“แววน่ะ”
“แล้ว...” คำถามต่อไปหยุดชะงักอยู่แค่ริมฝีปากเพราะถูกนิ้วมือเรียวแข็งกดทับเอาไว้
“พอได้แล้ว... กินข้าวซะจะได้กินยาแล้วนอนพักผ่อนต่อ ดูสิตัวยังรุมๆ อยู่เลย”
“เรอยากไปห้องน้ำก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวผมพาไป”
พูดจบร่างอรชรก็ถูกเขาช้อนอุ้มลอยหวือขึ้น พาเดินไปส่งที่หน้าห้องน้ำแล้ววางลงอย่างเบามือ รามาวตีหน้าแดงกับกิริยาสนิทสนมทะนุถนอมที่พักนี้เขาแสดงออกบ่อย พลอยทำให้หัวใจดวงน้อยพองคับอกอยู่เรื่อย
“ขอบคุณค่ะ”
“ต้องการความช่วยเหลือไหม”
คำถามง่ายๆ แต่ชวนให้คิดมาก ถ้าหล่อนตอบว่าต้องการ เขาจะเข้าไปช่วยอย่างนั้นหรือ จินตนาการโลดแล่นไปไกล มโนภาพที่เขาช่วยทำนั่นทำนี่ผุดพรายขึ้นในความคิดจนทำให้แก้มนวลที่ร้อนผ่าวด้วยพิษไข้อยู่แล้วร้อนมากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าทวีคูณ
“เรไหวค่ะ” เสียงหวานตอบแผ่วๆ
ชายหนุ่มจึงเปิดประตูให้และยืนรออยู่หน้าห้องน้ำด้วยความวิตกว่าหล่อนอาจจะหน้ามืดหรือต้องการความช่วยเหลือ
หลายนาทีต่อมาประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างสูงขยับเข้าใกล้และช้อนอุ้มหล่อนไปวางลงบนเตียงเช่นเดิม จากนั้นก็เลื่อนโต๊ะข้างหัวเตียงซึ่งมีชามข้าวต้มวางอยู่มาใกล้ๆ
“กินข้าวต้มก่อนนะ” เสียงทุ้มบอกพลางเปิดฝาชามออกทำให้กลิ่นหอมนั้นลอยขึ้นมาเตะจมูกของหล่อน ทำให้สาวน้อยรู้สึกว่าตัวเองหิว
รามาวตีกำลังจะเอื้อมไปจับช้อนแต่ถูกมือหนาตัดหน้าก่อน คนป่วยจึงเงยหน้าขึ้นมองเขางงๆ
“เดี๋ยวผมป้อนให้” เขาบอกอย่างใจดีแล้วตักข้าวต้มอุ่นๆ ป้อนใส่ปากหล่อน
ดวงตาดำขลับมองเขาชั่วขณะ ก่อนจะอ้าปากรับข้าวต้มคำนั้นเข้าไป รสชาติอันกลมกล่อมทำให้กลืนได้อย่างคล่องคอ เขาทำหน้าที่ตักข้าวต้มป้อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพร่องไปครึ่งชาม สาวน้อยจึงโบกมือเป็นสัญญาณบอกว่าอิ่มแล้ว จากนั้นยาหลังอาหารก็ถูกส่งใส่มือน้อยๆ รามาวตีรับมาทั้งๆ ที่ไม่ชอบกินยาเลยสักนิด สุดท้ายก็จำต้องยัดยาใส่ปากแล้วฝืนกลืนยาเหล่านั้นลงไปตามคำสั่งของคนที่คอยกำกับอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณนะคะ…”
เขาขึ้นมานั่งพิงพนักหัวเตียงอยู่ข้างๆ แล้วประคองร่างอ้อนแอ้นเข้าไปแนบชิด เมื่อรามาวตีรู้สึกว่าถูกเขากอด ใบหน้าอ่อนหวานนั้นก็พลันร้อนวูบ
“นอนซะ...” เสียงทุ้มบอกเบาๆ
ความอบอุ่นจากร่างกำยำก็ทำให้หญิงสาวค่อยๆ ผล็อยหลับไปอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มมองใบหน้าอ่อนหวานที่หลับตาพริ้มด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
และคืนนั้นปฏิภาณก็ทำหน้าที่เฝ้าไข้คู่หมั้นสาวอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งเกือบรุ่งสางก็ลองอังมือที่หน้าผากมนเบาๆ อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอาการของหล่อนดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงลุกเดินออกไปจากห้องด้วยฝีเท้าอันแสนแผ่วเบา พยายามไม่ให้เกิดเสียงรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่