บท
ตั้งค่า

๓.๒ นายหญิงฝึกหัด

“ยังไม่มีหรอกครับ เพราะแค่องุ่นสดกับองุ่นสำหรับทำไวน์ก็ขายกันแทบไม่ทันอยู่แล้วครับ องุ่นที่นี่เป็นองุ่นเกรดเอ เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างต่อแถวรอซื้อก็ว่าได้ ถึงราคาค่อนข้างแพงแต่ลูกค้าจะชอบเป็นพิเศษครับ เลยมีการแอบอ้างชื่อเอาไปขายบ้าง คุณปฏิภาณก็เลยให้ติดสติกเกอร์แบรนด์ของไร่วิจิตรา เพื่อให้คนซื้อสังเกตและจำได้ง่าย บางส่วนก็แบ่งมาขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไร่น่ะครับ”

รามาวตีเชื่อว่าเกษตรอำเภอหนุ่มไม่ได้พูดเกินจริงเลย เพราะหล่อนสังเกตเห็นองุ่นแต่ละพวงล้วนสมบูรณ์เต่งตึงสีใสแจ๋ว จนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือขึ้นไปเด็ดมาชิมดู ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะองุ่นลูกนั้นให้รสชาติที่หวานเจี๊ยบ กรอบ อร่อย และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ติดลิ้นด้วย ชิมองุ่นไปก็อดนึกถึงคำพูดอันแสนร้ายกาจของคู่หมั้นหนุ่มไม่ได้ เขาว่ารสจูบของหล่อนจืดชืดเป็นน้ำล้างจาน!

สาวน้อยเดินอย่างเพลิดเพลินเลยไม่ได้สังเกตว่าทุกฝีก้าวของตนถูกจับจ้องด้วยอยู่ตลอดเวลา

ภาพที่รามาวตีให้ความสนิทสนมกับบุรุษอื่นอย่างรวดเร็วทำให้ปฏิภาณรู้สึกขวางหูขวางตายิ่งนัก...

เสน่ห์เหลือล้นจริงๆ นะรามาวตี...

เขานึกค่อนขอดในใจพร้อมๆ กับที่ความเคร่งเครียดแล่นมาจุกแน่นตรงหน้าอก คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนแทบชนกัน ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเป็นเส้นตรงเพื่อระงับอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านที่กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง

“ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่รู้ว่าคุณปฏิภาณมีคู่หมั้นแล้ว” พงษ์มิตรเปรยขึ้น

“คือเราหมั้นกันแบบกะทันหันน่ะค่ะ”

“ผมขออนุญาตเสียมารยาทถามนะครับ” เกษตรอำเภอหนุ่มมีท่าทีเกรงใจแต่ก็ความอยากรู้มีมากกว่า

“ได้สิคะ คุณอยากรู้อะไร”

“คือคุณเรรู้จักกับคุณปฏิภาณนานแล้วเหรอครับ ผมคลุกคลีกับที่นี่ตั้งแต่คุณปฏิภาณมาบุกเบิกไร่ ยังไม่เคยได้ข่าวว่าคุณปฏิภาณมีแฟนเลย”

“นอกจากสาวๆ ที่เทียวไปเทียวมาใช่ไหมคะ” สาวน้อยดักคอ พลางกลั้วหัวเราะ

“เอ่อ... ก็ตามประสาผู้ชายน่ะครับ” พงษ์มิตรยอมรับอ่อยๆ

“เรเป็นน้องสาวของพี่โรมน่ะค่ะ พี่โรมเป็นน้องเขยของคุณปฏิภาณ”

“โห... ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าสองครอบครัวนี้จะเกี่ยวดองกันสองคู่เลยน่ะสิครับ”

“ยังไม่แน่หรอกค่ะ เรยังอยู่ในช่วงทดลองงานอยู่เลย” รามาวตีหมายถึงที่เขาเคยบอกว่า ถ้าภายในหนึ่งปีหล่อนทำให้เขารักไม่ได้เขาจะไม่ยอมแต่งงานด้วย แต่หล่อนก็ไม่ได้อธิบายให้พงษ์มิตรเข้าใจหรอก

“ทดลองเป็นนายหญิงรามาวตีใช่ไหมครับ” พงษ์มิตรเข้าใจไปอีกทาง

สาวน้อยพยักหน้ายิ้มๆ “ประมาณนั้นแหละค่ะ”

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ ผมยินดี” ชายหนุ่มเอ่ยอาสาอย่างใจดี

“ขอบคุณมากค่ะ” รามาวตีอยากให้คนเป็นเจ้าของไร่ใจดีได้สักครึ่งหนึ่งของพงษ์มิตรก็ยังดี

“คุณปฏิภาณอาจจะยุ่งๆ คุณเรอย่าถือสาแกเลยนะครับ”

“เรเข้าใจค่ะ... แต่ว่าตอนนี้เรเหนื่อยแล้วล่ะค่ะคุณพงษ์มิตร” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคอแห้งเพราะกระหายน้ำ

พงษ์มิตรเดินลัดเลาะนำไปที่โรงอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก... สาวน้อยนั่งลงบนม้านั่งตัวยาว มือเล็กๆ ยกขึ้นถอดหมวกปีกออกพลางกวาดสายตาคู่สวยมองไปรอบๆ อย่างสังเกต ในระหว่างที่พงษ์มิตรเดินไปเอาน้ำมาให้ โรงอาหารนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ก็สะอาดสะอ้านและถูกสุขลักษณะ มีการนำกระถางไม้ประดับมาวางสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นสบายตายิ่งขึ้น

พงษ์มิตรเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับที่หญิงสาวนั่งอยู่ เขาแกะพลาสติกที่ซีลฝาออกและหมุนฝาเปิด ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้หล่อน

“น้ำครับคุณเร”

“ขอบคุณค่ะ”

ในขณะที่รามาวตีกำลังหยิบหลอดขึ้นมาดูดน้ำเปล่าจากขวดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีมือหนาโอบมาที่หัวไหล่กลมกลึงอย่างสนิทสนม

“ขอบคุณมากนะครับคุณพงษ์มิตรที่อุตส่าห์ดูแลคู่หมั้นแทนผม” เสียงทุ้มพูดเรียบๆ พร้อมๆ กับทรุดตัวนั่งลงข้างๆ คู่หมั้นสาวอย่างจงใจเบียด

“ไม่เป็นไรครับคุณปฏิภาณ คุณเรเธอน่ารักดีครับ”

‘คุณเร’ ชายหนุ่มฟังคำเรียกขานที่สนิทสนิมนั้นอย่างไม่ชอบใจ หากแต่ภายนอกยังคงฉาบไว้ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย

“คู่หมั้นของผมก็อย่างนี้แหละครับ น่ารัก สดใส ขี้เล่น”

พร้อมกันนั้นต้นขาแข็งแรงก็เสียดสีแนบชิดกับต้นขาของหล่อน ทำเอาสาวน้อยต้องหันไปมองเสี้ยวหน้าคมสันอย่างแปลกใจ เห็นสันกรามแข็งแรงกำลังขบเข้าหากันจนนูนเป็นสัน คิ้วเรียวจึงขมวดเล็กน้อย ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าเขากำลัง... ‘หึง’

พงษ์มิตรเห็นด้วยกับคำพูดของปฏิภาณ รามาวตีเป็นผู้หญิงที่น่ารักสดใส ดูงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้ม ยามได้อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยทำให้หัวใจแช่มชื่นไปด้วย เขาจึงไม่แปลกใจที่ปฏิภาณจะแสดงอาการหึงหวงคู่หมั้นสาวออกนอกหน้าขนาดนี้

“คุณพงษ์มิตรอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะ เดี๋ยวเรเลี้ยงเอง ถือเป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์พาเรเดินทัวร์ไร่” หญิงสาวเอ่ยชวนอย่างมีน้ำใจและถือโอกาสแก้เผ็ดคนที่กำลังวางท่าอยู่ใกล้ๆ ไปในตัว

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเร ไม่ต้องเกรงใจ พอดีช่วงบ่ายผมมีประชุมที่อำเภอน่ะครับ” พงษ์มิตรตอบอ้อมแอ้มเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาที่แข็งดุของปฏิภาณ

“ถ้าอย่างนั้นวันหลังคุณพงษ์มิตรแวะมาที่บ้านนะคะ เรจะทำอาหารเลี้ยงเอง”

ปฏิภาณฟังอย่างไม่พอใจที่รามาวตีกล้าชวนผู้ชายอื่นมากินข้าวที่บ้าน แถมยังเสนอตัวจะทำอาหารให้ ไม่อยากจะคิดต่อว่าหลังจากนั้นหล่อนจะเสนออะไรให้อีก และอารมณ์ตอนนี้มันกรุ่นเต็มทีแล้ว

“เอ่อ...” พงษ์มิตรหันมาทางเจ้าของบ้านอย่างเกรงใจ

“ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณพงษ์มิตรที่บ้านคุณได้ไหมคะ” หญิงสาวหันมาเป็นเชิงขออนุญาตเมื่อเห็นแววตาของพงษ์มิตร

“ได้สิ บ้านผมก็เหมือนบ้านคุณ ถ้าคุณจะต้อนรับใครด้วยไมตรีจิตอันดีและอยู่ในขอบเขตย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

ปากบอก ‘ได้สิ’ แต่แววตากลับเข้มเอาเรื่อง แต่รามาวตีไม่สนหรอกในเมื่อหล่อนได้สิ่งที่หล่อนต้องการแล้ว จะหน้าบึ้งตึงอย่างไรก็ช่างเขา

“ถ้าคุณพงษ์มิตรว่างเมื่อไรก็มาได้เลยนะคะ รับรองว่าอาหารของเรไม่เป็นพิษแน่นอนค่ะ”

“ครับ” พงษ์มิตรตอบรับคำเชิญ ก่อนจะรีบขอตัวเพราะสีหน้าของปฏิภาณตอนนี้เคร่งขรึมและดวงตาขรึมดุจนน่าหวั่นใจ

สาวน้อยโบกมือลาเกษตรอำเภอหนุ่มในขณะเดินออกมาส่งเขาจนพ้นชายคาของโรงอาหาร โดยไม่สนใจอารมณ์ของคู่หมั้นหนุ่มที่ทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้างๆ

“ฉันหิวแล้วค่ะ” หล่อนชิงพูดขึ้นก่อน แล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงอาหาร ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบบ่ายโมงซึ่งคนงานทยอยไปทำงานจนบางตาแล้ว

ปฏิภาณระบายลมหายใจออกแรงๆ ด้วยความฉุนที่แม่ตัวแสบไม่มีทีท่าว่าจะแยแสหรือกลัวเกรงเขาสักนิด เห็นทีต้องจัดการให้หล่อนรู้เสียทีว่าการเป็น ‘นายหญิงรามาวตี’ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel