บท
ตั้งค่า

๒.๓ เล่ห์รามาวตี

“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเงียบไป” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นในที่สุด โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นหนึ่งในแผนการเรียกร้องความสนใจของคู่หมั้นสาว

รามาวตีปากสั่นเพราะต้องทนกับการกลั้นยิ้มเมื่อแผนของตนเป็นไปตามที่คาด อย่างน้อยการเงียบของหล่อนก็สามารถดึงความสนใจจากเขาได้

“เปล่านี่คะ แค่ไม่อยากรบกวนคุณ” เสียงหวานพูดเหมือนเกรงใจ

“นึกว่ากำลังสำนึกผิดอยู่ซะอีกที่ตามผมมา ถ้าอยากกลับก็บอกได้นะ รถยังแล่นออกมาไม่ไกล ผมจะบอกให้รถวนไปส่ง และจะซื้อตั๋วให้ด้วย”

ใบหน้าสวยหวานหันมาขึงตาใส่ที่เขาพูดเหมือนรำคาญหล่อนเสียจริง “ไม่มีทางหรอกค่ะ คนอย่างรามาวตีตัดสินใจอะไรแล้วไม่เคยคิดจะถอยหลัง”

“หึๆ คุณหนูลูกสาวมหาเศรษฐีต้องมาใช้ชีวิตอยู่บ้านไร่จะอยู่ได้สักกี่วัน” ชายหนุ่มนิ่วหน้าอย่างหยันๆ

“ฉันอยู่ได้ก็แล้วกัน พูดยังกะบ้านคุณเป็นกระต๊อบผุๆ พังๆ อย่างนั้นแหละ ยอมรับมาดีกว่าค่ะว่าคุณกลัวที่จะอยู่ใกล้ฉัน เลยไม่อยากให้ฉันตามมา” สาวน้อยแสนเจ้าเล่ห์ยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เขาคล้ายกำลังท้าทาย

ใบหน้าหล่อคมกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตายาวรีดำขลับดั่งนิลมณีหลุบลงมองริมฝีปากสีกุหลาบด้วยสายตาชนิดหนึ่งซึ่งทำเอาคนถูกมองถึงกับสะท้าน

“แล้วเราจะได้เห็นกันสาวน้อย ว่าใครควรจะต้องกลัวใคร”

หญิงสาวห่อตัวเข้าหากันด้วยความรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ ไม่ใช่เพราะแอร์รถยนต์แต่เกิดจากสายตาชวนสะท้านของเขาต่างหาก

“หนาวเหรอ?”

รามาวตีพยักหน้าน้อยๆ เขาจึงถอดเสื้อตัวนอกแล้วยื่นให้พร้อมกับสั่งห้วนๆ

“ใส่ซะ”

มือเรียวบางรับเสื้อตัวนั้นมาจากมือเขา แทนที่จะใส่หล่อนกลับยกเสื้อตัวนั้นขึ้นแตะจมูก แล้วสูดเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

“ฉันชอบกลิ่นน้ำหอมของคุณจัง”

ใบหน้าหล่อคมนิ่วเข้าหากันพลางหันมาจ้องคนที่กำลังเอาเสื้อของเขาคลุมกายอย่างคาดโทษ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบอย่างยั่วเย้าคืนบ้าง

“กลิ่นตัวของผมน่าดมกว่านี้อีกนะ”

“คุณ...”

รามาวตีหน้าแดงกับความใกล้ชิดและประโยคชวนใจสั่นของเขา

“อยากลองดมดูมั้ยล่ะ”

“ถอยไปนะ” รามาวตีไม่กล้าโวยวายเสียงดัง เพราะอายคนขับ มือเล็กผลักร่างสูงออกห่าง ปฏิภาณไม่ยอมถอยตามแรงผลัก กระทั่งจมูกโด่งแตะลงบนแก้มใสเบาๆ เขาจึงเป็นฝ่ายผละออกไปเสียเอง

ดวงตากลมแป๋วมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ตอนนี้คู่หมั้นหนุ่มของหล่อน นั่งหน้าขรึม แต่ปากหยักของเขาคล้ายจะยิ้ม ก็แหงล่ะในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทำให้หล่อนอับอายนี่

ใบหน้าหวานสะบัดพรืดหนี ก่อนจะขยับไปนั่งชิดประตูอีกข้าง แล้วหลับลงโดยหันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถ

วันนี้ท้องฟ้าโปร่งโล่งปราศจากซึ่งมวลหมู่เมฆน้อยใหญ่ รถคันนั้นยังคงแล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบบ่ายโมงก็แล่นมาจอดเทียบบริเวณหน้าบ้านไม้สักหลังขนาดใหญ่ที่ปลูกอยู่บนเนินหญ้าเขียวขจีซึ่งแวดล้อมด้วยไม้ประดับนานาพรรณ

ทั้งคู่ก้าวลงจากรถโดยมีคนขับรถและเด็กในบ้านช่วยกันยกกระเป๋าเดินทางเข้าบ้าน ปฏิภาณสั่งให้สาวใช้หน้าแฉล้มที่ชื่อแววเป็นคนพารามาวตีไปยังห้องพัก หญิงสาวพบว่าบ้านหลังนี้มีห้องนอนถึงสี่ห้อง ห้องใหญ่ที่สุดเป็นห้องของเจ้าของบ้าน ส่วนอีกสามห้องที่เหลือเป็นห้องรับแขก คิดขึ้นมาก็อดเคืองไม่ได้ เพราะคราวที่หล่อนพาพี่ชายมาง้อพี่สะใภ้ ปฏิภาณให้หล่อนไปนอนที่บ้านพักคนงานใกล้ๆ กับคอกม้า

รามาวตีลงมือจัดเสื้อผ้าและของใช้จุกจิกเข้าตู้ โดยมีแววคอยช่วย เมื่อเสร็จแล้วก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสบายๆ ก่อนจะขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงกว้าง กลิ้งไปกลิ้งมาสักพักก็ผล็อยหลับเพราะเพลียจากการเดินทาง

ค่ำมากแล้วแต่ปฏิภาณก็ยังไม่เห็นรามาวตีลงมาเสียที ตอนแรกกะจะใช้ให้เด็กแววขึ้นไปเรียก แต่ก็เปลี่ยนใจขึ้นไปด้วยตัวเอง

ชายหนุ่มผลักประตูโดยไม่ได้เคาะ เมื่อเข้าไปข้างในแล้วก็พบว่าภายในห้องปิดไฟมืด มีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์วันเพ็ญลอดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ แสงนวลลออทอดกว้างลงไปกระทบกับร่างอรชรที่นอนหลับอยู่บนเตียงซึ่งตะแคงข้างใบหน้าไปทางแสงจันทร์

ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนเตียงกว้างข้างๆ คนที่กำลังนอนหลับพริ้ม มือหนาเอื้อมไปแตะแขนนุ่มกำลังจะเขย่าปลุกให้หล่อนตื่นไปกินข้าวก่อนค่อยมานอนต่อ แต่แล้วก็ชะงักดั่งต้องมนตร์สะกด เมื่อถูกความงดงามตรงหน้าดึงดูดเข้าอย่างจัง

ดวงตาคู่คมกวาดไปทั่วเรือนร่างอรชรที่ประกอบด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งและผิวพรรณอันขาวละเอียดผุดผ่องราวกับงาช้าง ยามสะท้อนกับแสงจันทร์ให้ความรู้สึกเย้ายวน น่าสัมผัส น่าลิ้มลอง แต่ในขณะเดียวกันก็น่าทะนุถนอมอย่างที่สุด

มือหนาบรรจงยกขึ้นเกลี่ยปอยผมช่อเล็กๆ ให้พ้นจากใบหน้าสวยหวานอย่างแผ่วเบา...กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวคล้ายดั่งแม่เหล็กดึงดูดให้เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้ จนกระทั่งริมฝีปากหยักเกือบจะประกบเข้ากับเรียวปากนุ่มของหล่อน ในขณะที่เจ้าตัวยังคงหลับสนิท ไม่ได้รับรู้สักนิดว่ากำลังหมิ่นเหม่ต่อการถูกรุกรานมากแค่ไหน

‘ไอ้บ้าเอ๊ย’

ปฏิภาณสบถด่าตัวเองในใจที่ทำตัวเหมือนกำลังจะล่วงเกินผู้หญิงที่อยู่ในอาการไม่ได้สติ ถึงแม้หล่อนจะเป็นคู่หมั้นของเขาก็เถอะ แต่ก็ตระหนักแก่ใจว่าการหมั้นครั้งนี้เป็นการหมั้นแบบตกกระไดพลอยโจนเท่านั้น คงไม่ดีแน่ถ้ายัยตัวแสบตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขานั่งอยู่บนเตียงและทำท่าราวกับจะกระโจนเข้าหาหล่อนด้วยความหื่นกระหายแบบนี้ แม่ตัวดีคงได้ทีโวยวายยกใหญ่และสุดท้ายก็ต้องหัวเราะเยาะใส่หน้าเขาที่เผลอไผลไปกับบ่วงเสน่หาของหล่อนอย่างง่ายดาย โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องลงทุนยั่วยวนเขาเลยด้วยซ้ำ

ร่างสูงกำยำรีบผุดลุกขึ้นจากเตียง และผลุนผลันออกไปจากห้องด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดตัวเอง

รามาวตีสะดุ้งและลืมตาตื่นขึ้น เพราะเสียงกระแทกปิดประตูโดยไม่ระมัดระวังนัก ความมืดที่โรยตัวอยู่รอบๆ ห้องทำให้รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนานแค่ไหน หล่อนพยายามกวาดสายตาหาสิ่งผิดปกติแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า สาวน้อยเกือบจะลงความเห็นแล้วว่าคงอุปทานไปเองว่าเมื่อสักครู่มีใครบางคนเข้ามาในห้องนี้ หากแต่ไออุ่นและกลิ่นโคโลญแบบบุรุษกลับลอยฟุ้งเข้ามาแตะจมูก ถึงกลิ่นนั้นจะจางแสนจาง หล่อนก็จำได้อย่างเจนใจว่าเป็นกลิ่นประจำตัวของคู่หมั้นหนุ่ม!

ร่างอรชรผุดลุกขึ้นจากที่นอนรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วก้าวเดินลงบันไดมาชั้นล่างอย่างเร่งรีบ ตาคู่สวยสอดส่ายหาคู่กรณีเพื่อจะชำระความ เมื่อไม่เห็นเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารจึงตามไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเข้าไปในนั้นก็พบว่าร่างกำยำกำลังนั่งจิบกาแฟหลังอาหารอยู่อย่างสบายอารมณ์ สาวน้อยปรี่เข้าหาเขาอย่างเตรียมจะเอาเรื่อง แต่เพราะความไม่ระมัดระวังจึงทำให้เท้าเล็กๆ สะดุดกับพื้นพรมจนเสียหลักหัวคะมำล้มลงไปกระแทกกับพื้นดังตุ๊บ!

“โอ๊ยย”

เสียงหวานร้องอุทานดังด้วยความจุก ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นพรมก็เถอะ แต่ส่วนหน้าตั้งแต่หน้าอกจรดลงไปยังหัวเข่าก็กระแทกลงอย่างจัง

ปฏิภาณหันขวับมามองแล้วรีบลุกขึ้นไปโอบประคองพาร่างอ้อนแอ้นไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงดุๆ

“ทำไมเดินไม่ระวังเลย”

รามาวตีปัดมือเขาออกอย่างงอนๆ ทั้งรู้สึกเสียหน้าและน้อยใจ คนอะไรแทนที่จะถามว่าเจ็บตรงไหนสักคำก็ไม่มี มิหนำซ้ำยังมาตำหนิหล่อนอีก

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“เจ็บตรงไหนบ้าง”

ประโยคนั้นเพิ่งจะตามมา แต่ไม่ตามมาเปล่าๆ สายตาคมกริบยังมองอย่างสำรวจไปทั่วร่างอรชรเพื่อสำรวจหาสิ่งผิดปกติ แล้วเขาก็พบว่าหัวเข่าเนียนนุ่มทั้งสองข้างของหล่อนมีรอยเขียวคล้ำ

“ดูสิ เข่าบวมเลย” ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเอาหลอดยาแก้ฟกช้ำมาจากตู้ยา แล้วเดินเลยเข้าไปในครัวหยิบนมติดมือมาด้วยกล่องหนึ่ง ไม่กี่อึดใจเขาก็กลับมาส่งนมกล่องนั้นให้หล่อน

“ดื่มรองท้องซะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวันไม่ใช่เหรอ” เขาพูดเรียบๆ เหมือนสั่ง

จากนั้นร่างสูงก็ทรุดตัวคุกเข่ากับพื้น ก่อนจะบีบยาจากหลอดลงบนอุ้งมือตัวเองแล้วละเลงมันลงไปบนหัวเข่ากลมมนที่เขียวคล้ำของหล่อน

รามาวตีเจาะหลอดนมลงในกล่องแล้วดูดเข้าปาก พลางหลุบตามองดูมือหนาที่กำลังทายาให้อย่างสนใจ ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ส่งผ่านจากมือข้างนั้นเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่สาวน้อยรู้สึกได้ มันเป็นความตื้นตัน แต่ก็พยายามระงับไม่ให้มันลึกซึ้งมากกว่านั้น แต่สิ่งที่หล่อนไม่ได้คิดไว้ก็คือสัมผัสของเขาก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แผ่ซ่านไปยังบริเวณท้องน้อยจนเกิดอาการขมวดเกร็ง แขนขาอ่อนแรงและวิ่งกระแทกขั้วหัวใจเล่นงานชีพจรของหล่อนให้เต้นอย่างสับสน

หญิงสาวลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองลงมาข้างล่างก็เพื่อเอาเรื่องคู่หมั้นหนุ่มเพราะมัวแต่ติดบ่วงเสน่หาที่เขาร่ายขึ้น แต่ในที่สุดความอบอุ่นและซาบซ่านนั้นก็ค่อยๆ จางลงเมื่อมือหนาผละออกจากหัวเข่าของหล่อนหลังจากทายาเสร็จ

“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ

“คราวหลังก็ไม่ต้องรีบ จะได้ไม่เจ็บตัวอีกเข้าใจหรือเปล่า” เขาบ่นราวกับผู้ใหญ่เอ็ดเด็ก

“ก็...” รามาวตีกำลังจะอ้าปากขึ้นเถียง

“ไปนอนได้แล้ว” ชายหนุ่มตัดบทก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เข้ามาประคองร่างอ้อนแอ้นให้ลุกขึ้น แต่รามาวตีทำท่าจะไม่ยอม ร่างนุ่มนิ่มจึงถูกสองแขนแข็งแรงช้อนอุ้มอย่างง่ายๆ และพาเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าตัวก่อน

“คุณ...” ใบหน้าสวยหวานแดงซ่านด้วยความเขินอายกับกิริยาสนิทสนมนั้น

“เงียบเถอะน่า” เสียงทุ้มเอ็ดเบาๆ ผสมดุดัน ใบหน้านิ่งสนิทตามแบบของเขา

รามาวตีจึงได้แต่เงียบ แต่ก็แอบเงยหน้าขึ้นมองปลายคางซึ่งเขียวครึ้มด้วยไรหนวดไรเคราอย่างชัดเจน อดคิดไม่ได้ว่ายามเขาถูไถปลายคางนี้ไปตามผิวนวลเนียนของตนจะก่อให้เกิดความวาบหวามรัญจวนใจแค่ไหน... ความคิดนั้นทำให้ชีพจรสาวเต้นแรงระรัวเกือบจะเป็นบ้าคลั่ง จนนึกหวาดหวั่นว่าชายหนุ่มอาจจะได้ยิน หากทว่าเขาก็ยังนิ่งเฉย

ร่างอรชรถูกวางลงบนเตียงกว้าง ก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปหยิบผ้าห่มซึ่งอยู่ปลายเตียงมาคลุมให้ถึงไหล่ รามาวตีได้แต่ทำหน้าเหลอหลาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี ได้แต่นอนนิ่งปล่อยให้คู่หมั้นห่มผ้าให้ โดยลืมไปสนิทว่าเมื่อสักครู่ยังโกรธอย่างเอาเป็นเอาตายที่รู้ว่าเขาแอบเข้ามาในห้องนี้

“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยพูดประโยคนั้นเป็นครั้งที่สอง

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นจูบหวานๆ ได้ไหม” ปฏิภาณยิ้มใส่ตาอย่างเจ้าเล่ห์แล้วโน้มใบหน้าหล่อคมสันลงมาใกล้

รามาวตีหัวใจเต้นแรงด้วยคาดว่ากำลังจะถูกเขาจูบเป็นแน่ ดวงตากลมโตค่อยๆ หลับพริ้มลงและเผยอริมฝีปากเรียวบางนุ่มนิ่มขึ้นน้อยๆ คล้ายกับรอคอยให้ริมฝีปากหยักปิดประกบ เมื่อเห็นว่าเขาโน้มลงมาประชิดจนลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดถึงกัน

แต่แล้วสิ่งที่หล่อนเชื่อมั่นก็ผิดพลาดเพราะเขาไม่ได้จูบเพียงแค่บอกราตรีสวัสดิ์เท่านั้น...

“ฝันดีครับที่รัก”

หญิงสาวตื่นจากภวังค์อีกทีก็พบว่าขณะนั้นร่างสูงเดินไปถึงหน้าประตูแล้ว หัวใจดวงน้อยยังเต้นรัวไม่หาย แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความอายเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่แอบคาดหวังจุมพิตอันหวานละมุนระคนวาบหวามจากเขา

‘ร้ายกาจจริงๆ คนบ้า!’ หล่อนต่อว่าเขาในใจแล้วใบหน้าสวยหวานก็ซุกลงกับหมอนนุ่มเพื่อลดอาการเขินอาย และนึกอยากหยิกตัวเองที่เกิดความรู้สึกบ้าๆ นั้นขึ้นมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel