๒.๒ เล่ห์รามาวตี
วันรุ่งขึ้น…
รามาวตีให้คนขับรถไปส่งที่โรงแรมตั้งแต่เช้ามืด วันนี้หล่อนเลือกที่จะรออยู่ตรงล็อบบีด้านล่างของโรงแรมแทนการขึ้นไปตามเขาที่ห้อง เพราะประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมาบอกว่า การบุกไปถึงห้องเขาในยามเช้าๆ เช่นนี้มันอันตรายเพียงใด
ร่างอรชรเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อขอใช้โทรศัพท์ภายในซึ่งพนักงานก็อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าหญิงสาวมีฐานะเป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงแรม
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างๆ หัวเตียงในตอนเช้ามืดเล่นเอาปฏิภาณซึ่งกำลังหลับสบายเสียอารมณ์อย่างที่สุด เขาควานมือไปหยิบโทรศัพท์มาแนบหูแล้วกรอกเสียงดุๆ ลงไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ฮัลโหล”
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณคู่หมั้น เป็นไงบ้าง เหมือนอารมณ์ของคุณจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เสียงหวานใสแว่วดังมาจากปลายสาย
ปฏิภาณจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร และนั่นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
“โทร.มาทำไมแต่เช้า ไม่รู้หรือไงว่าผมกำลังหลับฝันดีอยู่”
“อ้าว...ฝันดีแล้วทำไมอารมณ์ไม่ดีล่ะ” หญิงสาวแกล้งทำสงสัยราวกับไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้เขาตื่นจากความฝัน
“ก็มันยังไม่จบ เพราะคุณโทร.มาปลุกผมก่อนนี่แหละ”
“ฝันเรื่องอะไรคะ อย่างคุณคงไม่พ้นเรื่องอย่างว่าหรอก คนอะไรหื่นที่สุด”
“ใช่…” เขายอมรับหน้าตาเฉย “ผมฝันว่ากำลังเมกเลิฟอย่างเร่าร้อน คุณรู้ไหมว่าเวลาที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดน่ะมันซาบซ่านแค่ไหน อะไรๆ ในร่างกายมันเกร็งไปหมด แต่ขอบอกว่าเสียวสะท้านทรวงเชียวล่ะ โอว...ซี๊ดดด”
เขาแกล้งทำเสียงกระเส่าประกอบ ทำเอาคนปลายสายหน้าร้อนวูบ ใบหน้าแดงก่ำลามไปที่ลำคอตลอดถึงใบหู
“คนทุเรศ... อย่ามาพูดจาลามกกับฉันนะ!”
“ไม่อยากฟังต่อเหรอ?”
“บ้า! ใครจะไปอยากฟังเรื่องสัปดนพรรค์นั้น” หล่อนแว้ดใส่เสียงเขียว แต่ก็ยังมีแก่ใจจะถามต่อ “แล้วผู้หญิงในฝันของคุณเป็นใครล่ะ หวังว่าคงไม่คิดถึงฉันถึงขนาดเก็บไปฝันหรอกนะ”
“หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะ “ผู้หญิงในฝันของผมต้องสวยเซ็กซี่และร้อนแรง จืดชืดเป็นน้ำล้างจานอย่างคุณ ผมคงไม่เก็บมาฝันให้เสียอารมณ์หรอก”
ถ้าไม่เกรงใจประชาสัมพันธ์สาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์ให้ดู ผู้ชายอะไรปากคอเราะรายที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเจอมา
“คนบ้า!” รามาวตีแหวออกไป ไม่รู้ว่าโมโหที่เขาพูดหยาบคายหรือผิดหวังที่ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาปรารถนา
“อย่าบอกนะว่าโทร.มาแค่นี้” ปฏิภาณพูดเสียงไร้อารมณ์
“ฉันแค่จะโทร.มาปลุกคุณ กลัวคุณตกเครื่อง”
“เครื่องออกแปดโมง แต่นี่มันเพิ่งจะตีห้าครึ่งนะแม่คุณ” เขาบ่นเซ็งๆ ก่อนถอนหายใจดังๆ ออกมาอีกครั้ง
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็อุตส่าห์โทร.มาแล้ว คุณรีบๆ ตื่นก็แล้วกันจะได้กินข้าวก่อนเดินทาง” รามาวตีสั่งกำชับก่อนจะวางสาย
ปฏิภาณได้แต่ส่ายศีรษะไปมาอย่างหงุดหงิด ครั้นจะนอนต่อก็นอนไม่ได้แล้ว จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่ได้เอะใจว่าโทรศัพท์ที่รามาวตีโทร.มาเมื่อครู่นี้เป็นเสียงของโทรศัพท์ติดต่อภายใน
เมื่อเดินลงมาชั้นล่างพร้อมกระเป๋าเดินทาง ปฏิภาณก็พบว่าร่างบอบบางของคู่หมั้นสาวกำลังยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัยว่าหล่อนมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า ร่างอรชรอยู่ในชุดทะมัดทะแมง ใบหน้ายาวรูปไข่เนียนใสเป็นธรรมชาติไร้เครื่องสำอางตกแต่งให้รกหูรกตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้าอวดโอ้ใบหน้าสวยหวานให้โดดเด่น ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนน่าเอ็นดู และเมื่อหล่อนคลี่ยิ้มอวดฟันขาวสะอาดราวไข่มุก ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบสดใสขึ้นทันที
“สวัสดีค่ะคุณคู่หมั้น...มองอะไรอยู่คะ” รามาวตีอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกดวงตาคู่คมเพ่งมองอย่างสำรวจไปทั่วเรือนกาย
“คุณมาทำอะไรแต่เช้า” เสียงทุ้มถามเรียบๆ
“มารอคุณสิคะ”
คิ้วเข้มขมวดปมเข้าหากันอีกรอบ “รอทำไม?”
“ฉันจะไปอยู่ไร่วิจิตรากับคุณเป็นเวลาหนึ่งปีในช่วงที่เราหมั้นกันอยู่”
คำตอบง่ายๆ ของหล่อนทำเอาปฏิภาณถึงกับหน้าตึงขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด และเมื่อกวาดสายตาไปมองข้างหลังของหล่อนก็พบว่ามีกระเป๋าเดินทางวางอยู่หลายใบวางอยู่ นั่นทำให้ความหงุดหงิดกลายเป็นความโมโห เพราะสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการถูกมัดมือชก
“คุณจะไปอยู่ที่ไร่กับผมทำไม?”
“ก็ไปเรียนรู้หน้าที่ของนายหญิงแห่งไร่วิจิตราสิ ว่าต้องทำอะไรบ้างไง เป็นคู่หมั้นกันแต่อยู่ห่างกันคนละโยชน์แบบนี้ แล้วเมื่อไรคุณจะรักฉัน หรือว่าคุณกลัวที่จะอยู่ใกล้ฉัน” เสียงหวานที่เปล่งออกมาเจือไว้ด้วยความท้าทาย
“ยุ่งชิบ!!” ชายหนุ่มสบถอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่ยุ่งหรอกค่ะ รับรองได้”
รอยยิ้มหวานแย้มออกมาเหมือนกับจงใจกวนอารมณ์ของเขาให้ขุ่นมัวมากขึ้นกว่าเดิม ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่ก็ช่างสิ หล่อนไม่สนหรอกในเมื่อเขาอยากมาท้าทายหล่อนก่อนทำไม
“แล้วพ่อกับแม่คุณว่ายังไงบ้าง”
“ก็ไม่ว่าไงค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่อนุญาต”
ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างจับพิรุธ เพราะไม่คิดจะเชื่อหล่อนง่ายๆ
“คุณแอบหนีมาหรือเปล่า”
“เปล่า... ถ้าไม่เชื่อโทร.ถามคุณแม่ดูก็ได้” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเป็นเชิงท้าทาย
“ผู้หญิงอะไรยุ่งชะมัด” ปฏิภาณส่ายหัวอย่างเอือมระอา ความกระด้างดุปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด
“เป็นอันว่าคุณตกลง” สาวน้อยรีบสรุปและคลี่ยิ้มเมื่อการปะทะกันยกนี้ชัยชนะตกเป็นของตน
สุดท้ายปฏิภาณก็จำใจต้องให้รามาวตีตามกลับไปที่ไร่วิจิตราด้วย รถของโรงแรมมาส่งทั้งคู่ที่สนามบินภายในประเทศ ปฏิภาณต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าที่นั่งของรามาวตีกับเขาอยู่ติดกัน ทั้งๆ ที่เขาจองตั๋วเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งนั่นแสดงว่าแม่คุณเตรียมการมาอย่างดีและคิดแผนการนี้เอาไว้นานแล้ว
เขาเลือกที่จะไม่เอ่ยปากถามให้หล่อนได้ใจ... รามาวตีเป็นฝ่ายขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะปฏิภาณไม่ยอมหลุดคำพูดใดๆ ออกมาเลยตั้งแต่ออกจากโรงแรมจนกระทั่งเครื่องบินลำนั้นเหินทะยานขึ้นฟ้า หญิงสาวแกล้งหลับและเบียดหน้าอกนุ่มหยุ่นเข้ากับลำแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างจงใจ พลางซบศีรษะได้รูปลงบนบ่ากว้างของชายหนุ่มเพื่อซุกซ่อนรอยยิ้มอันแสนซุกซนเอาไว้ เมื่อรู้สึกว่าคนที่นั่งเก๊กขรึมเริ่มหายใจฟืดฟาด
ดวงตาคู่คมเหลือบลงมองเรือนผมดำขลับราวกับไหมนุ่มๆ ของคนที่แกล้งหลับอย่างพอจะรู้ทัน ทว่าสัมผัสนุ่มนิ่มเต่งตึงของสองปทุมถันผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูที่โชยชายเข้าจมูกโด่งอย่างไม่ตั้งใจก็ยังทำเอาเขารู้สึกว่าตัวเองหายใจขัดๆ ขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ หล่อนจะรู้หรือเปล่าว่าการกระทำนั้นไม่ต่างอะไรกับการปลุกเสือที่กำลังหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมาขย้ำเนื้อสมันน้อย นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่บนเครื่อง เขาจะกระชากแม่สาวจอมยั่วมาจูบสั่งสอนเสียให้เข็ด
ไหล่แกร่งที่หล่อนหนุนอยู่ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างประหลาด ทำให้รามาวตีผล็อยหลับไปจริงๆ หลังจากนั้น
“รามาวตี...”
ร่างบางถูกเขย่าเพื่อปลุกให้ตื่นเมื่อเครื่องกำลังจะร่อนลงจอดที่พื้น
“คะ” เสียงหวานขานรับและงัวเงียตื่นขึ้น
“เครื่องจะลงจอดแล้ว”
เสียงเตือนของเขาทำให้รามาวตีขยับตัวนั่งตรงอย่างเตรียมพร้อม และแล้วเครื่องบินลำนั้นก็ร่อนลงจอด ส่งผู้โดยสารถึงจุดหมายปลายทางที่สนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ
ทันทีที่ลงมายืนบนพื้น หญิงสาวก็รู้สึกเหน็บหนาวแปลกๆ คล้ายดั่งความอบอุ่นที่ซึมซับมาตลอดทาง ถูกสายลมพัดพาหายไปพร้อมๆ กับที่ร่างสูงเดินห่างออกไป...
ปฏิภาณหันกลับไปมองเมื่อรู้สึกว่ารามาวตีไม่ได้เดินตามมา เขาระบายลมหายใจพลางส่ายศีรษะที่หญิงสาวยังยืนอยู่ที่เดิมในลักษณะคล้ายกำลังเหม่อลอย
“ตามมาสิคุณ” เสียงทุ้มดังขึ้นคล้ายรำคาญอาการเยิ่นเย้อของหล่อน พลางเอื้อมไปคว้าเอาข้อมือเล็กๆ และออกแรงฉุดเบาๆ ให้หล่อนเดินตาม
รามาวตีหลุดจากภวังค์ในตอนนั้น มองไปรอบๆ อย่างงงๆ ขณะก้าวเท้าตามเขาพร้อมกับบอกตัวเองว่าเลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว เพราะจุดประสงค์ของหล่อนก็คือปฏิบัติการยั่วให้เขาผู้นี้รักให้จงได้ ไม่ใช่เป็นฝ่ายหวั่นไหวเสียเอง
รถจากไร่วิจิตรามารอรับที่สนามบินอยู่แล้ว เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ คนขับก็ออกรถออกจากสนามบินดอนเมืองแล่นไปตามถนนซึ่งเป็นถนนสายหลักในการเดินทางไปสู่ไร่วิจิตรา
“หิวหรือเปล่า” ปฏิภาณหันมาถามเมื่อรถแล่นออกมาได้สักระยะแล้ว
“ไม่ค่ะ” เสียงหวานตอบแค่นั้นก็หันไปสนใจวิวทิวทัศน์ด้านนอกต่อ
ชายหนุ่มหันมามองเด็กแก่แดดที่พูดน้อยลงกว่าปกติ ภาพที่เขาเห็นจนชินตาก็คือหล่อนผู้นี้ช่างพูด ช่างเจรจา ช่างยวนอารมณ์เป็นที่สุด เมื่อหล่อนเงียบไปเช่นนี้จึงอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้