๒.๑ เล่ห์รามาวตี
๒
เล่ห์รามาวตี
อีกสองสัปดาห์ต่อมาครอบครัวศิวัฒน์ชัยและครอบครัววิจิตราก็มีงานมงคลอีกครั้ง งานหมั้นระหว่างรามาวตีและปฏิภาณถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของฝ่ายหญิง พิธีการจัดอย่างเรียบง่าย มีเพียงการสวมแหวนและมอบเครื่องประดับเป็นของหมั้น ไม่มีพิธีสงฆ์หรือพิธีอื่นๆ เพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะยกยอดไปจัดตอนงานแต่งทีเดียวเลย แขกที่มาร่วมงานเป็นสมาชิกและญาติสนิทของสองครอบครัว นอกเหนือจากนั้นก็มีตัวแทนนักข่าวสายบันเทิงที่ได้รับเชิญให้มาทำข่าวเพื่อแก้ไขภาพข่าวที่หลุดออกไปก่อนหน้านี้...
รามาวตีอดหงอยไม่ได้เพราะในวันสำคัญเช่นนี้อยากจะให้รามิลผู้เป็นพี่ชายคนเดียวอยู่ร่วมงานด้วย แต่ก็รู้ดีว่าพี่ชายและพี่สะใภ้อยู่ในระหว่างฮันนีมูน อีกทั้งงานหมั้นก็ถูกจัดอย่างกะทันหัน
ร่างอรชรในชุดเดรสสีชมพูอ่อนที่ตัดเย็บอย่างประณีตโดยใช้ผ้าไหมชิฟฟอนเนื้อนุ่ม ประดับด้วยโบรูปดอกไม้ที่เอวอย่างสวยงาม ใบหน้ารูปไข่ที่ถูกเติมแต่งด้วยสีโทนชมพูอ่อนเข้ากับสีชุด ผมดำขลับนุ่มเนียนราวกับเส้นไหมถูกรวบขึ้นไปกลางศีรษะอวดลำคอระหงที่ขาวเนียนลออยิ่งกว่าปุยฝ้าย สายตาทุกคู่ต่างมองความงดงามสดใสนั้นด้วยความชื่นชม แม้กระทั่งปฏิภาณเองก็อดมองว่าที่คู่หมั้นอย่างเผลอไผลไม่ได้
พิธีการเริ่มขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้านั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นผู้ใหญ่ฝ่ายชายซึ่งก็คือพ่อกับแม่ของปฏิภาณก็เจรจาสู่ขอหมั้นหมายรามาวตีให้กับลูกชายอย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณรามและคุณเรณูก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด
แหวนเพชรน้ำงามวงสวยถูกบรรจงสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยมือของปฏิภาณ และนั่นเท่ากับเป็นการประกาศว่าตอนนี้รามาวตีมีสถานะเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มอย่างอ่อนช้อย พลางคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้เขาราวกับขอฝากเนื้อฝากตัว ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำเลยสักนิด แต่ก็ต้องจำใจทำเพราะภารกิจยั่วให้รักได้เริ่มขึ้นแล้วนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
รามาวตีสวมแหวนให้เขาบ้างซึ่งเป็นแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ที่หล่อนเลือกเอง แม้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ก็ไม่ละเว้นที่จะทำเพื่อให้เขาประทับใจมากที่สุด หญิงสาวบอกตัวเองว่ามีเวลาแค่หนึ่งปีหรือหากทำได้เร็วกว่านั้นก็ถือว่าเป็นโบนัส หล่อนอยากให้ถึงวันที่ตัวเองสลัดคู่หมั้นหนุ่มจอมขี้เก๊กคนนี้ทิ้งไวๆ
“ป้าดีใจนะที่จะได้หนูเรมาเป็นลูกสาวป้าอีกคน” แม่ปานเอ่ยขึ้นอย่างยินดีในระหว่างที่รามาวตีหันไปกราบขอบคุณผู้ใหญ่ หลังจากที่สวมแหวนหมั้นให้กันเสร็จแล้ว น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนยามที่เจรจาเอื้อนเอ่ยเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเอ็นดูเจืออยู่ทุกถ้อยคำ
ร่างบางก้มลงกราบที่ตักแม่ปานด้วยความซึ้งใจที่นางให้ความรักและเอ็นดูต่อหล่อนมาตลอด จะว่าไปครอบครัวของปฏิภาณไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่สาว และน้องสาวของเขาก็ล้วนแต่น่ารักและใจดีกับหล่อนทุกคน ยกเว้นก็แต่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มีนิสัยดิบเถื่อนและเผด็จการมากที่สุด รามาวตีนึกไม่ออกว่าแต่ก่อนทำไมตัวเองถึงได้คลั่งไคล้พระเอกนิยายที่มีลักษณะแบบเขานักหนา
เมื่อพิธีเสร็จสิ้นลง ครอบครัวของปฏิภาณก็เดินทางกลับจันทบุรีเลย ส่วนปฏิภาณจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้โดยชายหนุ่มยังพักที่โรงแรมเพิร์ลไดมอนด์เช่นเดิม
ที่คฤหาสน์หลังใหญ่...
“แม่ไม่อยากให้เรไปเลย น้ำมันกับไฟใกล้กันขนาดนั้นมันอันตรายเกินไปนะลูก” ผู้เป็นมารดาเตือนด้วยความเป็นห่วงเมื่อรามาวตีเอ่ยปากขออนุญาตไปอยู่ที่ไร่วิจิตราหลังจากพิธีหมั้นผ่านไป
“ก็ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่มั่นใจถึงขนาดให้เรหมั้นกับเขา ก็ต้องไว้วางใจที่จะให้เรทดลองไปอยู่กับเขาสิคะ” หญิงสาวยกเหตุผลที่โดนบังคับหมั้นขึ้นมาอ้างบ้าง
“แต่...”
“นะคะคุณแม่ขา เรสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด” รามาวตีกอดเอวคุณเรณูเอาไว้อย่างออดอ้อน
“เฮ้อไม่รู้คุณพ่อจะว่ายังไงบ้าง” คุณเรณูถอนหายใจออกมา อย่างไม่รู้ว่าจะห้ามลูกสาวอย่างไร
“คุณพ่อเกรงใจคุณแม่จะตายค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร คุณพ่อก็ต้องไม่ว่าเรเหมือนกัน”
“ถ้าลองว่าเรได้ตั้งใจแล้ว แม่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้ใช่ไหม” ผู้เป็นแม่พูดออกมาอย่างปลงๆ
“เรตั้งใจจริงๆ ค่ะ ขอบคุณคุณแม่นะคะที่เข้าใจเร” ใบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มและหอมแก้มผู้เป็นมารดาครั้งหนึ่งอย่างดีใจ
“แต่เรต้องสัญญากับแม่นะ ว่าจะโทร.มาหาแม่ทุกวัน และห้ามไปกวนใจพี่เขา” คุณเรณูสั่งกำชับอย่างพอจะรู้นิสัยลูกสาวของตัวเองดี
“เรสัญญาค่ะคุณแม่” รอยยิ้มสดใสเริ่มปรากฏบนใบหน้าสวยหวานอีกครั้ง “ถ้างั้นเรขอไปเก็บของก่อนนะคะ”
ร่างบางเดินตัวปลิวขึ้นบันไดไปที่ห้องด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางยกนิ้วขึ้นมองเพชรน้ำงามที่ไหวระริกล้อแสงไฟอยู่ในนิ้วนางของตนเองอย่างสบายใจ ความจริงหล่อนเก็บเสื้อผ้าจัดกระเป๋าเตรียมเอาไว้แล้วต่างหาก เพราะถึงมารดาไม่อนุญาต หล่อนก็จะต้องหาหนทางตามปฏิภาณไปอยู่ที่ไร่ของเขาให้ได้อยู่ดี ดวงตาสุกสกาวดั่งดาวประกายพรึกเปล่งประกายขึ้น ‘ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องเอาด้วยคาถา’ นั่นคือสุภาษิตประจำตัวของรามาวตี สาวน้อยผู้น่ารัก สดใส แต่เต็มไปด้วยความฉลาดและทันคน