๑.๓ คู่หมั้นจำเป็น
รถคันนั้นแล่นออกจากลานจอดรถของโรงแรมไปตามถนนซึ่งเป็นทางเข้าบ้านของรามาวตี อีกยี่สิบนาทีต่อมาก็ตีวงเข้ามาจอดอย่างนุ่มนวลที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่รูปทรงทันสมัย ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตกว้างขวางกว่าสองไร่ ทัศนียภาพรอบๆ ถูกตกแต่งอย่างสวยงามโอ่อ่าหรูหราราวกับพระราชวังก็ไม่ปาน
ร่างสูงสง่าก้าวลงจากรถโดยไม่ได้สนใจความโอ่อ่าหรูหราและทัศนียภาพแสนสวยเหล่านั้นเลยสักนิด นอกจากก้าวตามหญิงสาวเข้าไป
รามาวตีพาเขาไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งคุณรามและคุณเรณูนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณอา”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม แต่กระนั้นทั้งคุณรามและคุณเรณูต่างก็สังเกตเห็นความหยิ่งทะนงและแววตาที่มุ่งมั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกเพราะปฏิภาณได้ชื่อว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเป็นเจ้าของไร่องุ่นขนาดใหญ่ด้วยการบุกเบิกและสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงผนวกกับสมองอันชาญฉลาดของตัวเขาเอง
“นั่งก่อนสิคุณปฏิภาณ” คุณรามผายมือไปยังโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งโดยมีรามาวตีตามมานั่งข้างๆ
“คุณคงทราบจากยัยเรแล้ว เรื่องข่าวระหว่างคุณกับลูกสาวของผม” คุณรามเปิดฉากพูดขึ้นก่อนอย่างตรงไปตรงมา
“ทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงสุภาพราบเรียบ
“คุณบอกพ่อกับแม่ฉันไปสิว่าเราไม่ได้มีอะไรกัน ข่าวนั่นมันไม่จริง ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด” เสียงหวานแทรกขึ้นอย่างเร่งเร้า
ใบหน้าหล่อคมปรายตามองมาทางหล่อนครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางคุณราม “ถ้าคุณอาทั้งสองไม่รังเกียจ ผมยินดีรับผิดชอบการกระทำของผมทุกอย่าง”
คำตอบของเขาทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างพอใจ แต่กลับทำให้รามาวตีถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าเนียนใสเผือดสีลงราวกับกระดาษทันที
“ผมอยากจะให้คุณมาหมั้นยัยเรไว้ก่อน เพื่อปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของลูกสาวผม” คุณรามเอ่ยขึ้นและแน่ใจว่าคำตอบที่รับจากปฏิภาณจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ตกลงครับ ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอลูกสาวของคุณอาอย่างเป็นทางการ ผมจะขอหมั้นคุณรามาวตีไว้ก่อน และจะจัดงานอย่างสมเกียรติของคุณอาทั้งสอง”
“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากหรอกนะ ขอแค่ทำทุกอย่างให้ถูกต้องและให้เกียรติยัยเร ทางเราก็พอใจแล้ว” คุณรามพูดอย่างพอใจ
“ครับ”
รามาวตีหันไปมองคนนั้นคนนี้คล้ายไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่เหตุการณ์กลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้ คำพูดของบิดาดุจสายฟ้าที่ฟาดลงมาใส่ตัวหล่อน
“ไม่นะคะคุณพ่อ เรไม่หมั้นนะ” เสียงหวานโวยวายขึ้นเมื่อตั้งสติได้
“มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกนะเร” ผู้เป็นบิดาพูดเสียงอ่อนโยน
“แต่เราไม่ได้รักกันนี่คะคุณพ่อ เรไม่ได้รักคุณปฏิภาณ และเขาก็ไม่ได้รักเรเช่นกัน” หญิงสาวไม่ยอมแพ้และหันไปทางปฏิภาณให้ช่วยพูดอีกแรง “คุณบอกคุณพ่อคุณแม่ไปสิว่าระหว่างเรามันไม่มีอะไร จะหมั้นกันไปทำไม”
“คุณจะเอาอะไรไปปฏิเสธ ในเมื่อหลักฐานมันก็ชัดอยู่แล้ว” เสียงทุ้มตอบกระด้าง สายตานิ่งเฉยอย่างคนที่มีวุฒิภาวะซึ่งสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่า
“แต่ฉันจะไม่ยอมหมั้นกับคุณเด็ดขาด!” รามาวตีโวยลั่นก่อนจะผุดลุกขึ้นหมายจะเดินหนีให้พ้นจากสถานการณ์บ้าบอนี้
“นั่งลงรามาวตี!” ปฏิภาณปรามขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนที่หล่อนจะก้าวเท้า
รามาวตีหน้าชาวาบ อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกเขาตะคอกต่อหน้าพ่อแม่ของตนเอง ริมฝีปากเรียวสวยเม้มเข้าหากันแน่น หันไปทางบิดามารดาก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะเข้าข้างหล่อนเลย
“คนป่าเถื่อน!” หล่อนหันไปตวัดเสียงใส่เขา
“เลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาเสียที ไม่เห็นหรือไงว่าทุกคนกำลังช่วยกันทำให้สถานการณ์มันคลี่คลายไปในทางที่ดี”
“ด้วยการหมั้นกับคุณน่ะเหรอ บ้าที่สุด”
“คุณคิดว่าผมอยากจะมีห่วงผูกคอมากนักหรือไง?”
ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความโกรธและอับอาย มือเล็กๆ กำเข้าหากันแน่น ก่อนจะมองหน้าเขาด้วยสายตาเขียวปัด หล่อนนึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองที่ไม่สามารถหลุดคำพูดใดๆ ออกมาตอบโต้เขาได้ทัน
คุณรามนั่งมองและแอบอมยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นปฏิภาณสามารถปราบพยศลูกสาวของตนให้อยู่หมัดได้ รามาวตีเป็นลูกสาวคนเดียวจึงถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตลอด ทุกครั้งที่อยากได้อะไรหล่อนก็จะใช้วิธีการออดอ้อนอย่างน่ารักจนไม่มีใครกล้าขัดใจ ลึกๆ แล้วรามาวตีเป็นคนดื้อเงียบและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คุณรามเองยังเคยนึกสงสัยว่าผู้ชายแบบไหนถึงจะเป็นคู่ครองที่เหมาะสมสำหรับลูกสาวเขา แต่ตอนนี้คำตอบอยู่ตรงหน้าแล้ว
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะคุณปฏิภาณ” คุณรามสรุปในที่สุด ท่ามกลางความโล่งใจของคุณเรณูเมื่อเห็นว่าลูกสาวมีท่าทีที่อ่อนลงและยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้
เมื่อคุณรามและคุณเรณูคิดว่าเรื่องนี้มีบทสรุปที่ดีแล้ว จึงเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวทั้งสองได้อยู่กันตามลำพังอีกครั้ง เมื่อคล้อยหลังผู้ใหญ่ รามาวตีก็เป็นฝ่ายฟึดฟัดและลุกขึ้นเดินลิ่วๆ นำหน้าเขาไปที่รถ
ระหว่างทางที่ขับรถมาส่งว่าที่คู่หมั้นกลับโรงแรม หญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดยังลานจอดรถของโรงแรมแล้วจึงหันไปพูดกับเขาด้วยประโยคที่วนเวียนอยู่ในสมองตลอดหลายนาทีที่ผ่านมา
“ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่เคยรัก และไม่คิดจะรัก เกลียดด้วยซ้ำไป!”
ปฏิภาณหันไปมองเสี้ยวหน้าสวยหวานชั่วขณะ “ข้อนั้นผมรู้แล้ว แต่การหมั้นมันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้”
“ไม่ดีเลยสักนิด ใครจะอยากเป็นคู่หมั้นของผู้ชายกักขฬะอย่างคุณ ฉันเกลียดๆ เกลียดคุณได้ยินมั้ย”
“หุบปากซะทีเถอะรามาวตี” เขาตัดบทอย่างรำคาญ
“ฉันไม่หยุด...คุณจะทำไม?”
“ถ้าไม่หยุด ผมจะบีบคอขาวๆ ของคุณเดี๋ยวนี้”
เขาทำท่าจะยื่นมือแข็งๆ เข้าไปเค้นรอบคอหล่อนอย่างโมโห ท่าทางเอาจริงนั้นทำให้รามาวตีต้องหดคอหนีอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งร้องออกมาเสียงหลง
“อย่านะ!”
ปฏิภาณถอนหายใจออกมาอย่างระบายอารมณ์
“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ถึงผมจะหมั้นกับคุณ แต่ไม่มีแผนที่จะแต่งด้วยหรอกนะ คุณเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงในสเป็กของผมเหมือนกัน ถ้าหากว่าภายในหนึ่งปีคุณทำให้ผมรักไม่ได้ หรือคุณมีใครที่เหมาะสมกว่าก็มาถอนหมั้นได้ทุกเมื่อ ผมยินดีโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่เอาของหมั้นคืนด้วย เพราะผมก็ไม่อยากฝืนใจอยู่กับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รักเหมือนกัน มันคงทุกข์ใจพิลึก”
คำพูดของเขาน่าจะทำให้รามาวตีดีใจแต่หล่อนกลับรู้สึกตรงข้าม
“ไม่มีทาง... หมั้นแล้วก็ต้องแต่งสิ คนอย่างรามาวตีไม่ยอมให้ใครทำอะไรเล่นๆ ด้วยหรอก”
ความที่อยากเอาชนะทำให้หญิงสาวลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองเป็นฝ่ายปฏิเสธการหมั้นกับเขาก่อน แต่เมื่อเขาคิดจะปฏิเสธการแต่งงานกับหล่อนบ้าง กลับรู้สึกว่ายอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องทำให้ผมรักให้ได้ และพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอที่จะเป็นภรรยาของผม ไม่ใช่มีดีแค่เกิดมาเป็นคุณหนูลูกสาวมหาเศรษฐีแต่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
“ฉันมีดีพอก็แล้วกัน ผู้ชายที่มองไม่เห็นก็มีแต่พวกตาถั่วเท่านั้นแหละ” รามาวตีพูดใส่หน้าเขาอย่างมั่นใจในตัวเอง
“แต่ผมกลับยังมองไม่เห็นความดีในตัวคุณเลยสักอย่าง นอกจากความดื้อรั้น เอาแต่ใจ ไร้เหตุผล ให้ท่าผู้ชายไม่เลือกสถานที่ ทั้งๆ ที่ลีลาก็งั้นๆ”
หญิงสาวนึกอยากจะหาก้อนหินใหญ่ๆ ทุบศีรษะเขาแรงๆ ให้สาสมกับความหยาบคายของเขา แต่ก็ช้าไปซะแล้วเพราะตอนนี้ร่างสูงผลักประตูก้าวลงจากรถแล้วสาวเท้ายาวๆ กลับเข้าไปในโรงแรมโดยไม่คิดจะไยดีหล่อนสักนิด
รามาวตีแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้หายแค้น นอกจากจะทุบมือลงบนพวงมาลัยรถอย่างระบายอารมณ์ หล่อนจะต้องทำให้ผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นรักหล่อนให้ได้ และหลังจากนั้นหล่อนนี่แหละจะเป็นฝ่ายสลัดเขาทิ้งเสียเอง