บท
ตั้งค่า

๗ ดีกว่าที่คิด (๒)

“นิ้งเอ๊ย มากินข้าวเร็วยายเอาอาหารมาจากบ้านงานเยอะเลย นิ้ง” สองหนุ่มสาวผละออกจากกันทันที มธุรดาหอบหายใจถี่สูดเอาอากาศเข้าปอด ขณะที่คีรินทร์ก็ไม่ต่างกันนัก ไม่รู้จะเสียดายหรือนึกดีใจที่มีคนขัดขวางความคิดชั่วร้ายของตน

“คุณคีออกไปได้แล้ว” ควานหาเสียงของตนเอง แล้วบอกเขา

“จะบ้าเหรอ ถ้าฉันออกไปยายเธอก็เห็นสิ” ตอบกลับเสียงเบากลัวคนข้างนอกได้ยิน

“แล้วนี่รถมอ’ไซค์ใครมาจอดหน้าบ้าน นิ้ง ทำอะไรอยู่ทำไมไม่ออกมาสักที” เขาเบิกตากว้าง ลืมเสียสนิทว่าตนเองขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้าน

“จ้ายาย กำลังจะออกไปแล้ว” หันซ้ายแลขวา หน้าต่างห้องหล่อนก็เป็นเหล็กดัดอีกเขาคงออกไม่ได้ ทางเดียวคือต้องให้ชายหนุ่มรออยู่ในห้องนี้ก่อน

“คุณคีรอในห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวนิ้งจะพายายไปข้างนอก” ตัดสินใจทำแบบนั้น ทั้งที่ใบหน้ายังแดงไม่หายจากเหตุการณ์ร้อนแรงเมื่อครู่ ถ้ายายยุภาพรไม่มาขัดป่านนี้คงเตลิดไปไกลเสียแล้ว ยิ่งร่างสูงมีชั้นเชิงที่มากกว่า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงยับยั้งความต้องการเอาไว้ได้

ร่างบางเดินไปเปิดประตูแล้วปิดลงเสียงเบา ปล่อยให้คีรินทร์อยู่ในห้องของตัวเอง ยายยุภาพรจัดอาหารให้หลานสาวทั้งที่บอกว่าไม่หิว วิศวกรหนุ่มเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน แล้วยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่เข้าใจว่ามันมาจบลงแบบนี้ได้ไง

ทั้งที่ตอนแรกจะมาเอาเรื่องเธอพร้อมยกเลิกงานแต่งแท้ๆ ดันมาตกม้าตายเพราะอยากจูบว่าที่เจ้าสาวซะอย่างนั้น

“มึงจะมาหื่นตอนนี้ไม่ได้นะเว้ยไอ้คี” พึมพำกับตัวเองแล้วขยี้ศีรษะ ก่อนมองข้อสอบบนโต๊ะที่คาดว่าหล่อนคงกำลังตรวจ

ฟ้าเริ่มมืดจนต้องเปิดไฟให้สว่าง หญิงสาวเหลียวมองประตูห้องตัวเองบ่อยครั้ง ยายถามว่ารถมอเตอร์ไซค์ใครเธอก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน น่าจะของคนงานแถวนี้มาจอดทิ้งไว้ หลังกินข้าวเสร็จยายยุภาพรก็เดินไปเล่นบ้านคนงานที่อยู่ใกล้กัน

ยายของเธอชอบพบปะพูดคุยกับคนอื่น ไม่เคยอยู่บ้านคนเดียวสักที และเมื่อสบโอกาสร่างบางจึงรีบเข้าห้องตนเองแล้วเห็นชายหนุ่มนอนหลับอยู่บนเตียง ถอนหายใจเสียงเบาก่อนสายตาจะหันไปเห็นข้อสอบที่ตรวจไปได้ครึ่งเดียว บัดนี้กลับเสร็จเรียบร้อยวางไว้เป็นระเบียบ

อมยิ้มแล้วเลื่อนสายตาไปมองคนที่นอนหลับ คงเหนื่อยล้าจากการทำงาน เธอเข้าไปใกล้เขาแล้วยกมือขึ้นโบกตรงหน้าหล่อ อยากรู้ว่าหลับจริงหรือเปล่า เมื่อเห็นไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจึงยืดกายขึ้น แต่ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้แล้วดึงให้นั่งลงบนเตียง ก่อนคนตัวสูงจะโอบเอวเล็ก

“เธอคิดว่าถ้าเราแต่งงานกันฉันจะยอมจำศีลแล้วปล่อยให้เธอไม่มีราคีเลยหรือเปล่า” อยู่ดีๆ ก็ถามขึ้นมา เล่นเอาหล่อนไม่ทันตั้งตัว ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท อย่างไรเขาก็ไม่ชอบเธอคงต่างคนต่างอยู่ แต่พอเห็นแววตากรุ่มกริ่มก็นึกกลัว

“คุณคีคงไม่ทำอย่างที่กำลังคิดใช่ไหมคะ” พยายามถอยห่างให้มากที่สุดซึ่งทำได้ยากเหลือเกิน คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้โอบเอวบางแน่นขึ้น

“ฉันคิดอะไรล่ะ เธอรู้เหรอ” ยอกย้อนจนอยากจะเอามือตีสักที มธุรดาไม่กล้าพูดออกไป จ้องดวงตาคมอย่างเดียวเพื่อกดดันเขา

“ฉันไม่ใช่คนที่จะนอนกอดเมียตัวเองเฉยๆ หรอก ยิ่งถ้าจดทะเบียนสมรสกันด้วยแล้ว จะกดให้จมเตียงไปเลย” คุณครูตัวเล็กเบิกตากว้างกับคำที่เขาเอ่ย เริ่มคิดหนักแล้วว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมเนี่ย...

“เราอยู่กันแบบพี่น้องหรือเพื่อน ไม่ได้เหรอคะ” ต่อรองแล้วมองใบหน้าคมด้วยความหวัง และเขาตอบกลับอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องคิด

“ตลกเหรอ ฉันไม่เป็นพี่น้องกับเมียตัวเองหรอกนะ” ขยับเข้าไปใกล้ร่างบางแล้วอุ้มเธอนั่งบนตักของตน น้ำหนักเบาจนอยากขุนให้อ้วนขึ้นกว่านี้ น่าจะกอดแล้วเต็มไม้เต็มมือมากขึ้น ตอนนี้จับตรงไหนก็มีแต่กระดูก

“คุณคี! นิ้งไม่อยากแต่งงานกับคุณแล้ว” เรียกชื่อเขาเสียงดังก่อนจะพูดกับตนเองในประโยคหลัง แต่เพราะอยู่ใกล้กันเขาถึงได้ยินทุกคำพูด

“ไม่ทันแล้วล่ะ ที่จริงฉันมาหาเธอก็เพราะอยากยกเลิกงานแต่ง แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อยากแต่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก” การแกล้งมธุรดาคืองานอดิเรกของเขา ซึ่งต่อจากนี้มันอาจจะเป็นงานหลักเสียแล้วเพราะเห็นว่าหล่อนน่ารักมากขนาดไหนตอนที่แก้มแดง

ใครจะนึกว่าผู้หญิงเฉิ่มเชย ภายนอกไม่ได้ดึงดูดความสนใจจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ คิดพลางอมยิ้มเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้หล่อน คุณครูคนเก่งจึงตัดสินใจใช้มือหยิกเข้าที่สีข้างของคนตัวโตแล้วบิดจนเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย เจ็บๆๆๆ ปล่อยฉัน มันเจ็บ!” มือหนาปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ เธอรีบลงจากเตียงแล้วยืนมองวิศวกรหนุ่มจับเนื้อที่ถูกบิดจนแดง เลิกเสื้อขึ้นก่อนอ้าปากกว้างแล้วเงยหน้าขึ้นมองว่าที่เจ้าสาวของตนเอง

“บิดมาได้ ถ้าเนื้อฉันหลุดติดมือเธอไปทำไง รับผิดชอบไหม” โวยวายทันทีแล้วลงมายืนตรงหน้าหญิงสาว

“กลับไปได้แล้วค่ะ อีกไม่นานแม่ก็มาคุณจะออกไปลำบาก” บอกด้วยสีหน้ากังวล แต่คีรินทร์กลับยักไหล่ไม่สนใจเสียอย่างนั้น

“ยังไม่อยากกลับ นอนที่นี่ก็ได้” กอดอกขึ้นพลางมองไปทางอื่น ที่จริงก็อยากเห็นชุดเจ้าสาวเหมือนกันแต่กลับไม่มี เอาไปซ่อนไว้ที่ไหนนะ

ช่างเถอะ รอดูพรุ่งนี้ก็ได้ อยากเห็นเหมือนกันว่าคนหน้าตาจืดๆ จะใส่ชุดไทยสวยแค่ไหนกันเชียว

“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องแต่งตัวแต่เช้า” แล้วก็จับแขนเขาพาเดินออกจากห้องมายังกลางบ้าน ว่าที่เจ้าบ่าวทำหน้างอ แต่เพียงครู่เดียวก็อมยิ้มเจ้าเล่ห์

ในเมื่ออยากแต่งงานนัก ต่อจากนี้เขาก็จะใช้สิทธิ์ของสามีให้เต็มที่ไปเลย มองก็รู้ว่ามธุรดาแอบชอบตนเอง ไม่อย่างนั้นจะแต่งงานด้วยทำไม หรืออยากได้ทรัพย์สิน คิดแล้วก็รีบปัดออกเพราะตอนนี้ยังเกาะพ่อกินอยู่เลย

เงินเดือนครึ่งแสนไม่สามารถทำให้เขาสุขสบายได้หรอก ดีที่มีหุ้นในบริษัทพอได้ใช้จ่ายอยู่บ้าง ถ้าเธอหวังเงินจริงๆ ก็ขอบอกเลยว่าคิดผิดสุดๆ

เพราะฉะนั้นเหตุผลเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คงเพราะแอบรักเขา ไม่น่าเล่า ทำไมชอบหลบหน้าหลบตากันดีนัก ถ้าอย่างนั้นมอบฝันหวานให้เธอสักหน่อยดีกว่า

“คุณคีรีบกลับ อ่ะ” พูดไม่ทันจบเขาก็โน้มหน้ามาจุมพิตที่แก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว ค่อยผละออกแล้วส่งยิ้มให้จนเธอมึนงงไปหมดแล้ว เขาเกิดผีเข้าอะไรถึงมาทำหวานใส่ทั้งที่ตอนมาก็โกรธจนแทบจะเผาหล่อนให้ไหม้เป็นจุณ

“แล้วเจอกันนะ เมียจ๋า” ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รักชอบมธุรดา และคิดว่าคงจะไม่ตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน แต่ก็ชอบเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหวอ ยิ่งพูดหวานใส่ร่างบางก็แทบม้วนต้วนอย่างเขินอาย

สนุกจริงๆ

ชายหนุ่มเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกจากบ้านหลังน้อยอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตากลมโตมองไปด้วยความลุ้นว่ามารดาจะมาเจอเขาหรือเปล่า พออีกฝ่ายลับสายตาก็ค่อยถอนหายใจโล่งอก ยกมือขึ้นกุมแก้มที่ถูกจุมพิต พลันรู้สึกร้อนจนต้องเอามือพัด

“ทำไมวันนี้ร้อนจังเลยนะ” เผลอปัดมือแตะโดนปาก ภาพที่ถูกเขาจูบก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง เผลอใจเต้นแรงจนต้องจับอกด้านซ้าย พยายามลบมันออกไปไม่ให้คิด หล่อนไม่เคยอยู่ใกล้กับชายใดมากเท่านี้มาก่อน จะว่าคีรินทร์เป็นคนแรกก็ไม่ผิดนัก

เพื่อนหลายคนบอกรสจูบมักจะหวาน แต่พอลองจริงๆ เหมือนมีมัจจุราชมาพรากเอาลมหายใจของเธอไปเลย ทรมานแต่ก็มีความสุข ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วปิดใบหน้าซ่อนแก้มที่แดงเอาไว้

ก่อนจะสะดุ้งเมื่อแม่เรียก “นิ้ง เป็นอะไรแม่เรียกตั้งหลายรอบไม่เห็นตอบ” นุ่มนิ่มเดินมานั่งข้างลูกสาวด้วยความเป็นห่วง

“แม่มานานแล้วเหรอ ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย” เอาแต่ตกอยู่ในภวังค์จนไม่ได้สนใจรอบข้าง

“มานานแล้ว เรียกเราตั้งนานก็นั่งเหม่ออยู่นั่น เป็นอะไร ไม่อยากแต่งงานเหรอ” งานจะมีขึ้นพรุ่งนี้แต่ดูเหมือนลูกสาวจะไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเสียแล้ว

มธุรดาตอบไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไร ที่จริงเธอก็ไม่อยากแต่งตั้งแต่ตอนจรดปากกาลงไปในใบทะเบียนสมรส ทว่าไม่อยากให้ครอบครัวต้องมารับผิดชอบกับจำนวนเงินมหาศาล สุดท้ายเลยตัดสินใจแต่งงานกับคีรินทร์

ทั้งที่ใจไม่ได้รักว่าที่สามี...

“มันก็นิดหน่อยจ้ะแม่ อาจจะตื่นเต้นมั้ง” คนเป็นแม่เข้ามากอดลูกสาว รู้ว่าอีกฝ่ายคิดมากตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์หลังเซ็นชื่อลงในใบทะเบียนสมรส

ชีวิตครอบครัวใครก็กลัว ขนาดนางเองตอนที่อยู่กินกับสามีต่างชาติยังมีความคิดว่าจะอยู่กันรอดหรือเปล่าเลย และสุดท้ายก็สิ้นสุดสถานะเมื่อเห็นว่ามันถึงทางตันแล้ว ในใจเคยคาดหวังกับความรักของตนเองว่าจะสมหวังเหมือนในละครที่ตอนจบรักกัน

แต่ความจริงคือหลังจากนั้นต่างหาก งานแต่งมันก็แค่การเริ่มต้นของชีวิตคู่ จุดจบจะเป็นอย่างไรอยู่ที่เราทั้งสองกำหนด เธอเชื่อว่าบุตรสาวจะไม่ลงเอยซ้ำรอยแม่แน่นอน ถึงคีรินทร์จะดูเป็นคนเจ้าชู้แต่ก็จริงจังกับเรื่องความรัก

ตอนที่มีแฟนก็มั่นคงไม่วอกแวก จะมีช่วงหลังๆ ที่โสดจึงได้ทั่วถึงกับผู้หญิงขนาดนี้ อีกอย่างหากเป็นคีรินทร์นางก็สามารถเข้ากับลูกเขยได้ คงไม่มีปัญหามากเท่าไหร่

“โตเป็นสาวแล้วลูกแม่ จะเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที” หยอกล้อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“การที่ลูกจะกลัวหรือตื่นเต้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาดบางคนแต่งงานไปแล้วยังรู้สึกกลัวเลย หนูกำลังจะขึ้นบันไดไปอีกสเตป ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่มีคู่คิดข้างกาย สิ่งที่แม่บอกแม่สอนตั้งแต่เด็กหนูคงจำได้หมดแล้วใช่ไหม” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองมารดา

“แม่สอนการเป็นภรรยาด้วยเหรอ” กวนกลับเลยได้รับมะเหงกมาหนึ่งที ไม่ได้เจ็บสักนิดแต่ก็แสร้งกุมศีรษะจนคนเป็นแม่ส่ายหน้า

“แม่หมายถึงการบ้านการเรือน หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งนี่แหละคือเสน่ห์ของผู้หญิงที่ทำให้ชายหลงรัก” หล่อนส่ายหัวไม่เห็นด้วยทันที

“นี่มันยุคไหนแล้วแม่ ผู้หญิงไม่เห็นต้องทำให้ผู้ชายขนาดนั้นเลย สำหรับหนูขอแค่ซื่อสัตย์ต่อกันก็พอแล้ว” ในเมื่อคนที่จะแต่งงานด้วยไม่ใช่ชายที่รัก หล่อนก็ขอเพียงอย่างเดียว

ให้เขาซื่อสัตย์กับคู่ชีวิตอย่างตนเองก็พอ...

นุ่มนิ่มส่ายหน้าให้บุตรสาวแล้วผละออกไปล้างไม้ล้างมือก่อนจะอาบน้ำ พอดีกับยายยุภาพรกลับเข้าบ้านหลังคุยฟุ้งไปทั่วว่าพรุ่งนี้งานแต่งหลานสาวเพียงคนเดียว ท่านตื่นเต้นยกใหญ่พูดถึงเรื่องอุ้มหลานเสียแล้ว

จะอยู่ด้วยกันรอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย คีรินทร์ยิ่งดูเป็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่ด้วย เผลอถอนหายใจออกมาแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นพระจันทร์ลอยเด่นเปล่งแสงสีนวล

พระจันทร์กำลังอวยพรให้เธออยู่ใช่ไหม ขอให้ชีวิตต่อจากนี้พบเจอแต่ความสุขด้วยเถอะค่ะ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel