บทย่อ
"คีรินทร์" วิศวกรหนุ่มที่ย้ายกลับมาทำงานยังบ้านเกิดของตนเอง มีหญิงสาวตบตีกันแย่งชายหนุ่มไม่เว้นวัน สร้างความเสียหายให้การงานที่ทำ จนบิดาต้องจับบุตรชายแต่งงานอย่างเร่งด่วน กับผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าสักนิดอย่าง "มธุรดา" ที่พูดน้อย เรียบร้อยได้ใจมารดาและพี่สาวเขาไปเต็มๆ ทว่าพอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันความคิดก็เปลี่ยน ดูเหมือนเขาจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้เข้าเสียแล้ว จนกระทั่งได้รู้ความจริงว่าคนที่เธอรักแท้จริงไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นพี่ชายอย่างภูตะวันต่างหาก...
บทนำ
บทนำ
รถสปอร์ตสีแดงเพลิงถูกขับด้วยความเร็วในเวลาตีสามซึ่งท้องถนนโล่ง บรรยากาศเย็นสบายพัดพาความหนักอึ้งในหัวใจของชายหนุ่มออกไปจนหมด เพลงเปิดดังแข่งกับเสียงลมและไม่ลืมตะโกนร้องคลอซึ่งไม่มีความเพราะสักนิด
เขากำลังบอกลาความรักที่แสนเจ็บช้ำ ทั้งที่ทุ่มเทให้แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่เหลียวแล บอกว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน
เพื่อนบ้าอะไรจูบกันวะ! ตะโกนถามอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป ในเมื่อหล่อนมีชายคนอื่นข้างกาย ไม่เห็นเหมาะสมกันสักนิด หน้าตาแฟนเธอเหมือนปลาหินที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่บ้านครอบครองธุรกิจมินิมาร์ทอันดับหนึ่งของประเทศ เปิดทั่วไทยกว่าสองพันสาขา
แล้วไงวะ บ้านเขาก็ทำบริษัทรับเหมาเหมือนกันนั่นแหละ แค่ไม่รวยขนาดติดท็อปทรีแต่ก็ยังอยู่ในท็อปเท็น ตะโกนก้องในใจแล้วเลี้ยวกลับเข้ามายังคอนโดสุดหรูซึ่งแน่นอนว่าบิดาไม่ได้เป็นคนซื้อให้ ท่านบอกเปลืองเงิน จะให้นอนที่บ้านใหญ่เพื่อประหยัด
ทว่าบ้านหลังนั้นไกลจากมหาวิทยาลัยพอสมควร ลุงกองทัพเลยจัดการจองคอนโดให้หลานชาย พร้อมจ่ายเงินเสร็จสรรพมีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ เรียนจบต้องกลับมาทำงานที่วิจิตร จำกัด(มหาชน) ห้ามไปรับงานอื่นเด็ดขาด
เขาก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีเสียอีกมีงานรองรับ เพื่อนๆ ต่างอิจฉาทั้งนั้นที่ได้ทำงานในบริษัทซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการก่อสร้างอันดับหนึ่งในประเทศ
จอดรถยังหน้าคอนโด มีพนักงานมารับกุญแจก่อนนำรถเขาไปจอดยังที่วีไอพี ร่างสูงถึงได้เดินเข้ามาข้างในซึ่งดึกขนาดนี้แทบไม่มีผู้คน นอกจากรีเซฟชั่นและนิติบุคคลคอยอำนวยความสะดวกตามที่ลูกบ้านต้องการ
“คุณคีคะ มีคนมารอพบค่ะ” กำลังจะก้าวเท้าไปยังลิฟต์ก็มีคนมาขวางไว้เสียก่อน คิ้วหน้าขมวดเข้าหากันแล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“ตีสามครึ่งเนี่ยนะ” ดึกขนาดนี้ผีมารอเขาหรือไง พนักงานสาวยิ้มเจื่อนก่อนจะบอกเล่ารายละเอียดให้ฟัง
“เธอมารอตั้งแต่หนึ่งทุ่มแล้วค่ะ พอรู้ว่าคุณไม่อยู่ก็ยังยืนยันจะรอ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย” สำคัญถึงขนาดต้องรอแปดชั่วโมงเลยเนี่ยนะ คนหรือหุ่นยนต์ทำไมอึดขนาดนั้น
“แล้วเขาอยู่ไหน” หล่อนผายมือไปยังโซฟารับรองแขก ร่างสูงพยักหน้าพลางค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ แล้วเดินมายังผู้ที่นั่งรอจนนอนหลับไปเสียแล้ว มาหยุดยืนตรงหน้าคนที่เอนกายพิงพนักดวงตาหลับพริ้มราวมีความสุขนักหนา
เห็นแล้วขัดตาขัดใจจริงๆ!
“ตื่นได้แล้ว ฝันหวานอยู่ได้” เตะเท้าหล่อนเป็นการปลุกให้ตื่นพลางพูดเสียงดังเล็กน้อย ทำเอาคนที่อยู่ในห้วงแห่งความฝันสะดุ้งสุดตัว หล่อนตื่นเต็มตาแล้วรีบลุกขึ้นยืนตรง ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น
แต่มันชินไปแล้วนี่นา ยาวอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มเธอทำตัวไม่ถูกทุกที เขาชอบมองด้วยแววตาดุ ทั้งยังน้ำเสียงแดกดันประชดประชันนั่นอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาของอีกฝ่ายไหว้วานให้เอาของกินมาให้ลูกชายสุดที่รัก หล่อนคงไม่มาเหยียบสถานที่แห่งนี้เด็ดขาด
“แม่คุณฝากเอาของกินแล้วก็ผลไม้ที่ไร่มาให้ค่ะ” ดวงตาคมเหลือบมองกระเช้าผลไม้และปิ่นโตเถาใหญ่ ก่อนที่สายตาจะมาหยุดยังผู้หญิงตัวเล็กซึ่งความสูงห่างจากเขาเกือบยี่สิบเซนติเมตรได้ สงสัยตอนเด็กไม่ค่อยดื่มนม โตมาเลยตัวแค่นี้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอกลับ” พอจะเดินหนีเนื่องจากทนความอึดอัดไม่ไหวชายหนุ่มก็ใช้เท้าขึ้นมายันโซฟาเอาไว้ เป็นการกักกันไม่ให้หล่อนเดินไปไหน
“มันดึกมากแล้ว ถ้าฉันปล่อยเธอกลับตอนนี้ คิดว่าแม่ฉันจะด่าไหม” เขายกเท้าลงแล้วยืนตรงพลางเอามือล้วงกระเป๋า ชุดนักศึกษาก็ยังไม่ถอดออก แถมยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์อีก รับรู้ทันทีว่าทำไมเขาถึงกลับเข้าที่พักเกือบรุ่งเช้า
คงไปสำมะเลเทเมามาสินะ...
“น้าบัวไม่รู้หรอกค่ะ”
“แต่ฉันละอายใจ ปล่อยให้ผู้หญิงมารอตั้งหลายชั่วโมง จะปล่อยให้กลับตอนตีสามอีก เกิดเจอโจรปล้นฆ่าหรือชิงทรัพย์จะทำยังไง มา ขึ้นไปนอนบนห้องฉันดีกว่า” มือหนาคว้าตะกร้าผลไม้มาถือก่อนจะจับจูงมือเล็กไปยังลิฟต์ หล่อนจะปฏิเสธแต่สู้แรงเขาไม่ไหว จำใจหันไปหิ้วปิ่นโตแล้วตามอีกฝ่ายมายืนรอลิฟต์
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับได้” พยายามบิดข้อมือตนเองออก ไม่เคยอยากอยู่กับเขาสองต่อสองสักครั้ง
มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ชายหนุ่มไม่ชอบหน้าเธอ และเธอเองก็ไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายเอาแต่พูดจนยั่วยวนกวนอารมณ์ ทั้งชอบแกล้งและล้อเลียน พอเธอร้องไห้ก็หาว่าเรียกร้องความสนใจ ตอนโดนน้าบัวตีก็โทษเธอเป็นต้นเหตุ ทั้งที่ทำตัวเองแท้ๆ
เรื่องพวกนี้จำฝังใจจนพาลไม่ค่อยชอบหน้าชายหนุ่ม ยามที่เขาไม่กลับบ้านหล่อนแสนจะดีใจ พอเห็นอีกฝ่ายในไร่ก็พยายามหลบหน้าหรือหลีกเลี่ยงมากที่สุด หากปะทะกันจริงก็สู้เขาไม่ได้หรอก กลัวจะร้องไห้ต่อหน้ามากกว่า
“อย่าพูดมาก ฉันโมโหง่ายเธอก็รู้” หันมาบอกเสียงเข้ม เป็นจังหวะเดียวกับที่เครื่องโดยสารเปิดรับ เขาดึงหล่อนเข้ามาแล้วกดยังชั้นของตนเอง ไม่นานประตูก็เลื่อนปิด ทว่ามือหนายังไม่ปล่อยออกจากข้อมือเล็กจนหล่อนต้องสะบัด
เขาถึงได้สติและผละห่างจากเธออย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้อยากจับนักหรอก” พูดเสียงเบาแต่เพราะในลิฟต์มีแค่สองคนทำให้หล่อนได้ยินชัดเจน
‘ไม่อยากให้จับเหมือนกันนั่นแหละ’ คิดในใจแล้วภาวนาให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ไม่นานประตูก็เปิดออก เขาเดินนำหน้ามายังห้องพักของตน แตะคีย์การ์ดแล้วประตูก็เปิดออก ไฟสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ ถอดรองเท้าด้านหน้าแล้วค่อยเข้ามาในห้องขนาด 180 ตารางเมตร มีทั้งหมด 3 ห้องนอนโดยอีกสองห้องไม่ค่อยได้ใช้ ตอนแรกก็จะชวนเพื่อนมาค้างด้วย แต่เพราะชอบความเป็นส่วนตัวถึงไม่เอ่ยปาก ปล่อยว่างไว้แบบนั้นเผื่อวันหนึ่งอาจได้ใช้สอย
เข้ามาข้างในก็เจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ จอทีวีเกือบห้าสิบนิ้วและโซฟากว้างวางเป็นตัวยู ฝั่งซ้ายคือห้องครัวแบบอเมริกันซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ใช้งาน เขาไม่ค่อยได้ทำอาหารสักเท่าไหร่ อย่างมากก็ชงกาแฟหรือทำอาหารเช้าง่ายๆ
ส่วนมากจะสั่งรูมเซอร์วิสเพื่อความสะดวกและอร่อยมากกว่า หรือบางคราคุณน้าป้อนข้าวก็เอาของกินมาไว้ให้ ถ้าเงินหมดก็ไปกินข้าวบ้านใหญ่ สลับกับบ้านปู่ดิน ง่ายจะตายในเมื่อเขาเป็นหลานรักใครๆ ก็อยากต้อนรับทั้งนั้น
ความกว้างของห้อง ความใหญ่ของทีวี ความโอ่อ่าของห้องครัวไม่ทำให้หล่อนตกใจได้เท่ากับความรกที่พบเจอในขณะนี้ แทบช็อคเมื่อเห็นเศษกระดาษเกลื่อนพื้น ปากกา ดินสอ เสื้อผ้า กล่องอาหารฟาสฟู้ดวางไว้บนโต๊ะหน้าจอทีวี บุญแค่ไหนแล้วที่มดไม่ขึ้น แมลงสาบไม่มาทำรัง
“ตกใจอะไร ฉันเพิ่งทำรายงานไปมันเลยรกหน่อย ไม่ค่อยมีเวลาเก็บ อีกตั้งสองวันกว่าแม่บ้านจะมา” นั่นมันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้ห้องแสนสวยงามแห่งนี้รกได้เลย เห็นแล้วลมแทบจับ ถ้าเขาเป็นลูกเธอคงจับมาตีเสียให้เข็ด
“ห้าว ง่วงแล้ว ขอไปนอนก่อนล่ะ อ้อ ห้องนั้นว่างถ้าง่วงก็เข้าไปนอนเลย” มองตามนิ้วที่ชี้ไป หล่อนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วนำปิ่นโตไปวางบนเคาท์เตอร์ห้องครัว ถอนหายใจเมื่อเหลือบมองรอบห้อง กลัวว่าจะมีแมลงสาบบินขึ้นมาจากกองขยะ
ถ้าเป็นอย่างนั้นคงวิ่งหนีป่าราบ
“หิว มีไรกินบ้าง” จากที่จะนอนก็เปลี่ยนเป็นเดินมาหาของกิน เธอหลีกทางให้เขาเดินมาเปิดปิ่นโตพลางทำตาวาวยามได้เห็นอาหารน่ากิน
“เดี๋ยวฉันทำความสะอาดห้องให้นะคะ” ทนไม่ไหวถึงได้เอ่ยขึ้น จะให้อยู่ในห้องราคาแพงแต่สภาพข้างในเหมือนอยู่ในกองขยะหล่อนทำไม่ได้ ขอจัดการสักหน่อยเถอะ
“เชิญเลย เครื่องทำความสะอาดอยู่ห้องเก็บของหน้าประตู” เหมือนรอให้หล่อนเป็นคนเอ่ย ก่อนจะชี้ไปที่ประตูด้านซ้ายใกล้ประตูทางเข้าออก คนตัวเล็กเลือกจะเดินไปหยิบไม้กวาดและเครื่องดูดฝุ่น พร้อมถุงดำใบใหญ่ออกมา
เธอเริ่มจัดการทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่ว ขณะที่ชายหนุ่มก็เทอาหารใส่ชาม นำไปอุ่นให้ร้อนแล้วนำมารับประทานที่เคาท์เตอร์เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินกลับมาเก็บ ความขี้เกียจอยู่ที่ไหนเขาก็อยู่ที่นั่นแหละ ตัวจะเป็นขนอยู่แล้วเนี่ย
“ใต้โซฟามีเศษขนมอยู่เลย ดูดดีๆ หน่อยสิ” ระหว่างนั้นก็กำกับไปด้วย จากที่เมาก็เริ่มสร่าง สนุกกับการแกล้งคนตัวเล็กกว่า ซึ่งเธอก็ทำตามเขา ไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นอย่างร้ายกาจ
“ซ้ายหน่อย ขวาอีกนิด บนโต๊ะยังมีกระดาษอยู่เลย” เริ่มจะไม่ไหวแล้ว...
“คุณกินข้าวไปเงียบๆ ได้ไหมคะ” หันมาบอกด้วยอารมณ์หงุดหงิด เวลานี้หล่อนควรจะได้นอนอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องมาทำความสะอาดห้องให้คนอื่นด้วย
หล่อนกำลังจะเข้าเรียนคณะศึกษาศาสตร์ชั้นปีที่หนึ่ง อาศัยอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัยเพื่อประหยัดเงิน มารดาก็เป็นชาวไร่ชาวสวนไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเลี้ยงเธอเหมือนบ้านชายหนุ่มหรอก คนอะไรอยู่แค่ปีสองแต่ใช้เงินเกินตัว ไม่เห็นจะเหมือนพี่ชายสักนิด
คิดแล้วก็เม้มปากแน่น ยามใบหน้าคมโผล่เข้ามาในมโนนึกของหล่อน ชายรูปร่างกำยำ ผิวกายสีแทน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา พี่ตะวัน...
หล่อนจัดการงานทุกอย่างจนเสร็จสิ้น ห้องที่เคยรกกลับมาสะอาดสะอ้าน มองแล้วก็ยิ้มออกมาพลางปาดเหงื่อที่ไหลตามไรผม ร้อนจนอยากอาบน้ำแต่ชะงักเมื่อนึกได้ว่าไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน ก็เธอก็เอาของกินมาให้อีกฝ่ายเท่านั้น
ใครจะคิดว่าต้องอยู่รอตั้งแปดชั่วโมง!
“เอา เสื้อผ้าใส่นอน ห้องน้ำก็อยู่ในห้องนั่นแหละ ส่วนที่ใส่อยู่เดี๋ยวฉันบอกแม่บ้านเอาไปซักให้” ไม่รู้เขาโผล่มาจากไหนถึงได้โยนผ้าเช็ดตัวและชุดนอนให้หล่อน มองดูแล้วเป็นชุดนอนของผู้หญิงก็รู้สึกกระอักกระอวนทันที
เอาของแฟนมาให้ใส่แบบนี้ จะไม่เป็นอะไรเหรอ แล้วดูเหมือนเจ้าของห้องจะเดาความคิดเธอออกถึงได้รีบอธิบาย
“ของพี่จันทร์ ใส่ๆ ไปเถอะน่า หรืออยากใส่ชุดฉัน” รีบส่ายหน้าแทบไม่ต้องคิด ใครจะอยากใส่กันเล่า เดี๋ยวก็มาโวยวายอีกถ้าทำชุดเขาเปื้อน
“ไม่ค่ะ ใส่ชุดนี้ดีกว่า” กอดกระชับชุดแน่นกว่าเดิม กำลังจะเดินผ่านหน้าเขาเพื่อเข้าไปยังห้องรับแขก แต่พื้นที่ไม่ค่อยแห้งทำให้เธอลื่นจนเกือบล้มลงพื้น ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นคิดว่าอย่างไรก้นต้องกระแทกอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ก็คือร่างสูงดันเข้ามารับไว้ได้ก่อน
มือหนาคว้าเอวเธอเอาไว้และใบหน้าเขาอยู่ห่างไม่ถึงคืบ เหมือนในละครที่เคยดูไม่ผิด! ตกใจจนแทบไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ และในจังหวะที่กำลังจะบอกให้อีกฝ่ายปล่อยก็ดูเหมือนพระพรหมจะเล่นตลกกับหล่อนเสียแล้ว
เขาเสียงจังหวะแล้วปล่อยเธอให้ล้มลงบนพื้นห้องโดยมีร่างหนาทาบทับลงมา มันจะไม่เกิดอาการช็อคเลยหากไม่ใช่ปากของเขาที่แนบประกบกับหล่อนอยู่ตอนนี้!
ฝ่ายชายก็ตกใจไม่แพ้กัน เขารีบผลุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่ร่างบางก็ยันกายลุกเช่นเดียวกัน ไม่มีใครมองหน้าใคร ก่อนที่หนุ่มนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จะรีบเดินเข้าห้องและปิดประตูลงทันที
หญิงสาวก็ทำเช่นเดียวกัน หล่อนไม่ทนยืนอยู่ในสถานที่ซึ่งเพิ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาพร้อมความเครียดที่ตีขึ้นมา มือเรียวยกขึ้นมาจับปากเอาไว้แล้วถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย
อุตส่าห์เก็บจูบแรกไว้ให้พี่ชายคนนั้นแท้ๆ ดันมาโดนขโมยไปจากคนที่ไม่ชอบไปเสียได้ ไม่น่าเลย...
ขณะที่ร่างสูงซึ่งอยู่อีกห้องก็เดินไปนั่งบนเตียง ยังไม่หายตระหนกจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่จูบแรกของเขา ทว่าดันเกิดกับผู้หญิงที่ไม่ชอบหน้าเนี่ยสิ
“ปากนุ่มชะมัด” ละเมอเสียงเบาก่อนจะได้สติ รีบตบปากตัวเองทันที
“นุ่มบ้าอะไรวะไอ้คี เพ้อแล้วแก”
แล้วคืนนั้นกว่าสองหนุ่มสาวจะได้หลับ ฟ้าก็สว่างแล้ว...